บทที่ 730 : นายน้อยสี่แห่งตระกุลหลิง!
แม้ว่าหลิงหยุนจะเก่งกาจมากเพียงใดแต่ความแข็งแกร่งของตระกูลหลิงนั้น ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะสามารถสร้างขึ้นได้ในเวลาเพียงแค่ช่วงสั้นๆ ดังนั้นหลิงหยุนจึงจำเป็นต้องสร้างค่ายกล และใช้ยันต์อุดจุดอ่อนเหล่านี้ชั่วคราวไปก่อน
ส่วนเรื่องการปรุงยานั้นหลิงหยุนยังขาดแคลนในเรื่องของสมุนไพรชนิดต่างๆ และเครื่องไม้เครื่องมือที่จำเป็น เขาคุ้นเคยกับหม้อและกระทะแบบที่เคยใช้เมื่อครั้งอยู่ในโลกบ่มเพาะ จึงไม่ถนัดที่จะใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีอยู่ในโลกใบนี้ ไม่เช่นนั้นหลิงหยุนคงจะไม่กระวนกระวายใจ และรีบร้อนที่จะสืบหาข่าวคราวเกี่ยวกับตระกูลโทคุงาวะเพื่อหาหนทางนำฝาหม้อเสินหนงกลับมาเช่นนี้
แต่ความจริงแล้วต่อให้ไม่มีฝาหม้อเสินหนงก็ยังสามารถใช้ฝาหม้อโลหะขนาดใหญ่แทนได้ แต่เพราะหลิงหยุนเป็นคนประเภทต้องการความสมบูรณ์แบบ จึงกระอักกระอ่วนใจที่จะทำเช่นนั้น
หลิงหยุนได้ยินเสียงเอะอะของหลิงหย่งหลิงเฟิง และหลิงเลี่วยดังขึ้นที่หน้าประตู และดูเหมือนว่าพวกเขากำลังโวยวายผู้ที่เฝ้าประตูอยู่
คืนนี้หลิงลี่ไม่เพียงพอใจกับผลงานของทายาททั้งสามคนแต่ยังมีความสุขอย่างมากที่หลิงหยุนได้กลับเข้าตระกูล หลิงลี่ยิ้มกว้างเมื่อเห็นพวกเขาต่างก็ดูสนิทสนมกลมเกลียวกันเช่นนี้ จึงร้องตะโกนออกไปว่า..
“พวกเจ้าปล่อยให้หลานชายของข้าเข้ามาได้..”
“พวกเจ้านี่ร้ายกาจนัก..ไม่รอข้าบ้างเลย!” หลิงซิ่วอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็รีบตามมาทันทีเช่นกัน
นางรีบร้อนเพราะเกรงว่าจะตามคนอื่นๆไม่ทันจึงกระโดดหมุนตัวกลางอากาศเข้าไปในประตูบ้านของหลิงลี่เป็นคนแรก จากนั้นจึงหันกลับไปมองหลิงหย่งพร้อมกับยิ้มอย่างภาคภูมิใจก่อนจะเดินเข้าบ้านไป
หลิงซิ่วสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวและสวมกระโปรงยีนส์สั้นแสนเซ็กซี่
“พี่หลิงซิ่วช่างงดงามนัก..”หลิงหยุนจ้องมองหลิงซิ่วด้วยความตกใจ และได้แต่เอ่ยชื่นชมออกมา
ใบหน้าของหลิงซิ่วเป็นสีแดงชมพูสดใสและก็เป็นธรรมดาที่นางจะต้องเขินอายที่หลิงหยุนเอ่ยชมต่อหน้าสาธารณชนเช่นนี้ ใบหน้าของนางเริ่มเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ และรีบตอบกลับหลิงหยุนไปว่า
“น้องห้า..เจ้ารู้จักพี่สาวของเจ้าน้อยไปแล้ว! ระวังตัวให้ดี ข้าจะดึงหูของเจ้าให้ขาดเชียว!”
เวลานั้นทั้งสามพี่น้องก็เดินเข้ามาในบ้านพอดีและทันทีที่ได้ยินคำพูดของหลิงซิ่ว สามพี่น้องก็รีบยกมือขึ้นปิดใบหูของตนเองไว้ และรีบขยิบตาให้หลิงหยุนเพื่อเป็นการเตือนให้เขาระมัดระวังตัว!
แต่คำพูดของหลิงลี่กลับทำให้หลิงหยุนถึงกับต้องหัวเราะออกมาอย่างพอใจ“หลิงซิ่ว.. ก่อนหน้านี้ปู่ก็ได้ยินเจ้าเรียกหลิงหยุนว่าน้องห้า แต่ที่ปู่ไม่ได้ห้ามปรามเพราะเห็นว่าพวกเจ้าเพิ่งจะได้พบหน้ากันเป็นครั้งแรก แต่ต่อไป.. ห้ามเจ้าเรียกหลิงหยุนว่าน้องห้าอีก!”
จากนั้นหลิงลี่ก็ประกาศด้วยน้ำเสียงจริงจัง“ทุกคนจงฟัง.. หลังจากนี้ข้าจะเรียกประชุมตระกูลหลิง เพื่อจัดให้หลิงหยุนได้เข้าคำนับป้ายบรรพบุรุษ และจะประกาศให้ทุกคนได้รับรู้อย่างเป็นทางการว่าหลิงหยุนได้กลับเข้าตระกูลแล้ว และในรุ่นของพวกเจ้า หลิงหยุนนับเป็นนายน้อยสี่ของตระกูล!”
“ผู้นำตระกูล.. ลูกสอง.. เรื่องนี้พวกเจ้าสองคนไปจัดการด้วย เรื่องที่หลิงหยุนกลับเข้าตระกูลหลิงคำนับบรรพบุรุษนับว่าเป็นเรื่องใหญ่ของตระกูล จะทำแบบขอไปทีไม่ได้ พวกเจ้าเข้าใจหรือไม่”
หลิงเจิ้นและหลิงเย่วต่างก็ลุกขึ้นรับคำสั่งของหลิงลี่แต่หลิงลี่ก็โบกมือให้ทั้งคู่นั่งลง มาถึงตอนนี้ หลิงหยุนก็ได้รับการประกาศฐานะเป็นทายาทอันดับสี่ของตระกูลหลิงอย่างเป็นทางการแล้ว
ดวงตากลมโตของหลิงซิ่วจ้องมองหลิงลี่ใบหน้างดงามของนางดูเศร้าสร้อยพร้อมกับพึมพำเสียงเบา
“ท่านปู่ลำเอียง..”
หลิงเย่วขมวดคิ้วพร้อมกับตำหนิบุตรสาว“หลิงซิ่ว.. ต่อหน้าท่านปู่ห้ามเสียมารยาท!”
หลิงหย่งหลิงเฟิง และหลิงเลี่วย ต่างก็แทบอยากจะหัวเราะเสียงดังออกมาเช่นกัน แต่ก็ต้องอดกลั้นไว้..
แต่หลังจากนั้นหลิงหยุนก็รีบกลับเข้าเรื่องที่เป็นธุระของตนเองต่อทันที..
“ท่านปู่..มีเพียงแค่ค่ายกลยังไม่เพียงพอ เพราะหากค่ายกลถูกทำลายไป จะทำเช่นไร ข้าจึงได้เตรียมอย่างอื่นมาให้ด้วย..”
และเพื่อความปลอดภัยของตระกูลหลิงแล้วหลิงหยุนไม่นึกหวงแหนสิ่งใดเลยแม้แต่น้อย เขาเรียกยันต์เตโชออกมาปึกหนึ่ง และร้องบอกทุกคนว่า
“นี่คือยันต์เตโชมันใช้ง่ายและมีอานุภาพที่รุนแรง ระหว่างที่สู้กับศัตรูแล้วเป็นรอง พวกท่านก็จัดการปิดยันต์นี้ไว้ที่ร่างของคู่ต่อสู้ และร้องตะโกนสั่งให้ยันต์ออกฤทธิ์”
“ส่วนนี่คือยันต์เพชร..หากใช้ยันต์นี้ปิดไว้ที่ร่างกาย กระบี่ธรรมดาๆก็ไม่สามารถทำอันตรายอะไรได้ในชั่วเวลาสั้นๆ มันมีอานุภาพไม่ต่างจากการสวมเสื้อเกราะกันกระสุน!”
สุดท้าย..หลิงหยุนก็เรียกยันต์บำบัดออกมา และทุกคนต่างก็ได้เคยเห็นอานุภาพที่น่าทึ่งของมันมาแล้ว
ก่อนที่หลิงหยุนจะออกเดินทางมาปักกิ่งนั้นเขาได้ปลุกเสกยันต์แต่ละชนิดมามากมาย และได้แจกจ่ายให้กับบุคคลอันเป็นที่รักที่อยู่ในจิงฉู และเวลานี้เขาก็ได้มอบยันต์ชนิดต่างๆให้กับตระกูลหลิง และเหลือติดตัวไว้เพียงแค่จำนวนหนึ่งเท่านั้น
“ท่านปู่..ยันต์เหล่านี้ท่านมอบให้เฉพาะคนตระกูลหลิงที่เชื่อใจได้เท่านั้น เพราะในนาทีวิกฤต ยันต์เหล่านี้จะเป็นประโยชน์อย่างมาก!”
“ต้องจำไว้ว่า..ยันต์เหล่านี้นับได้ว่าเป็นของวิเศษชิ้นหนึ่งทีเดียว หากไม่จำเป็นก็ไม่ควรนำออกมาใช้!”
หลิงหยุนเป็นคนพูดจาตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อมอีกทั้งทุกคนที่อยู่ในห้องต่างก็ไม่ใช่คนโง่ จึงสามารถเข้าใจคำพูดของหลิงหยุนได้อย่างง่ายดาย
หลิงลี่พยักหน้าหงึกๆจากนั้นจึงลุกขึ้นยืนประกาศด้วยสีหน้าจริงจัง “ทุกคนฟังคำสั่ง.. เรื่องใดที่เกี่ยวข้องกับหลิงหยุนถือว่าเป็นความลับสุดยอดของตระกูล หากใครนำความลับออกไปแพร่งพราย จะต้องได้รับโทษอย่างสาสม!”
หลิงเจิ้นหลิงเย่ว เหล่ากุ่ย และคนอื่นๆ ต่างก็ลุกขึ้นรับคำสั่งพร้อมกัน!
มีใครบ้างที่จะมองไม่ออกว่าด้วยความเก่งกาจและแข็งแกร่งของหลิงหยุนนั้น เขาจะสามารถทำให้ตระกูลหลิงเจริญรุ่งเรือง และผงาดขึ้นได้นับจากนี้!
และมีเพียงหลิงหยุน– นายน้อยสี่แห่งตระกูลหลิงเท่านั้นที่จะทำเช่นนั้นได้!
หลิงลี่พูดจบก็หันไปมองหลิงหยุนด้วยแววตากังวล“หลิงหยุน.. เจ้าให้ยันต์ป้องกันตัวพวกเรามากมายเช่นนี้ แล้วตัวเจ้าล่ะ! เจ้าต้องออกไปอยู่ข้างนอก เจ้าจะทำเช่นไร?”
หลิงลี่เป็นห่วงความปลอดภัยของหลิงหยุนอย่างที่สุด!
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับตอบไปว่า“ท่านปู่.. ท่านไม่ต้องกังวลใจไป ข้ายังมียันต์เหลือติดตัวอยู่บ้าง แต่ข้าเองก็ไม่ค่อยได้ใช้ของเหล่านี้..”
ตั้งแต่ที่หลิงหยุนออกจากเมืองจิงฉูเขาก็เพียงแค่ใช้ยันต์เตโชทำลายซากศพแวมไพร์สองตนไปเท่านั้น ระหว่างที่ต่อสู้เขาเองก็ไม่ได้ใช้ยันต์เหล่านี้เลย อีกทั้งเวลานี้หลิงหยุนเองก็มีชุดที่ตัดจากผ้าแพรไหมดำที่เป็นเกราะป้องกันตัว จึงไม่เคยต้องใช้ยันต์บำบัดอีกเลย
หลิงลี่พยักหน้าพร้อมกับตอบไปว่า“ถ้าเช่นนั้นก็ดี.. ปู่ก็จะได้สบายใจ! เจ้าจำไว้ว่าต่อให้มีภาระมากมาย เจ้าก็ต้องปกป้องตนเองก่อน แล้วจึงค่อยคิดปกป้องดูแลตระกูลหลิง เข้าใจหรือไม่!”
ภายในใจของหลิงหยุนเกิดอารมณ์ปะทุขึ้นมามากมายเขาพยักหน้า แล้วจึงเรียกกระบี่โลหิตแดนใต้ออกมา..
กระบี่สีดำแกะสลักเป็นรูปมังกรส่งกระแสเย็นยะเยือกออกมาสีดำของกระบี่มีประกายสีแดงเหลือบเพราะดื่มเลือดเข้าไปมากเกินไป
ทันทีที่กระบี่วิเศษถูกนำออกมารังสีอำมหิตก็ได้แผ่กระจายออกไปทั่วทั้งบริเวณ จนทุกคนในบ้านต่างก็นั่งนิ่งด้วยความตกตะลึง
เมื่อเห็นกระบี่สีดำเล่มนี้ทั้งหลิงลี่ หลิงเจิ้น และหลิงเย่ว ต่างก็นั่งนิ่งด้วยความตกใจ และไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว!
“นี่คือกระบี่โลหิตแดนใต้!”
หลิงหยุนกวัดแกว่งกระบี่สีดำในมือไปมาจากนั้นจึงพูดขึ้นว่า “กระบี่สีดำเล่มนี้ข้าได้มาโดยบังเอิญ ตอนนี้ข้าขอให้ทุกคนเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ แม้ว่าตัวข้าเองจะไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวต่ออันตรายใดๆ แต่หากข่าวนี้รั่วไหลลออกไป ข้าเกรงว่าตระกูลหลิงจะต้องประสบกับหายนะใหญ่หลวง!”
หลิงลี่เองเคยได้ยินเหล่ากุ่ยเล่าเรื่องที่หลิงหยุนมีกระบี่โลหิตแดนใต้ในครอบครองมาก่อนแล้วเขาจึงไม่ได้รู้สึกตกใจมากนัก แต่หลิงเจิ้น หลิงเย่ว หลิงซิ่ว หลิงหย่ง และคนอื่นๆ ต่างก็ตกใจจนนิ่งไป..
“ในเมื่อทุกคนก็ได้ยินชัดเจนแล้วถ้าเช่นนั้นก็จงเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ หากใครแพร่งพรายออกไป โทษคือตายสถานเดียว!”
ทุกคนต่างก็พยักหน้าไม่พูดไม่จามีเพียงหลิงเจิ้นเท่านั้นที่ก้มหน้าลง แต่ดวงตากลับเป็นประกายขึ้นมาวูบหนึ่งแล้วก็ดับไป!
หลิงหยุนนั้นได้เปิดจิตหยั่งรู้ออกสำรวจผู้ที่อยู่ในห้องอยู่ตลอดเวลาหลังจากที่สำรวจทุกคนอย่างละเอียดละออ เขาก็สังเกตุเห็นท่าทางและแววตาของหลิงเจิ้นที่เปลี่ยนไป จึงได้แต่แอบคิดอยู่ในใจว่าเขาคงต้องระมัดระวังหลิงเจิ้นมากขึ้นอีกเป็นร้อยเท่า
“ข้าหวังว่าจะไม่มีปัญหาอะไร”หลิงหยุนพูดย้ำด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ท่านปู่ ข้ายังมีอีกสองสามเรื่องที่ต้องทำอย่างเร่งด่วน!”
“หลิงหยุน.. เจ้าพูดมาเถิด!”