ตอนที่ 7-2 ความหึงหวงที่ไม่คุ้นชิน

ซ่อนรักเคียงบัลลังก์

ที่จริงตนเองก็ได้มอบเส้นทางนี้ให้แก่พระชายารองฮวางแทจาเช่นเดียวกัน พระชายารองฮวางแทจานั้นทำตามคำสั่งของบีพาอันอย่างเชื่อฟังเสมอ ทว่าอาจเป็นเพราะกโยซึลยังคงเด็กเกินไป หรืออาจเป็นเพราะนางมาจากอาณาจักรอื่น นางจึงแตกต่างออกไปจากหญิงอื่น นางไม่ยอมทำตามคำสั่งของบีพาอันอย่างง่ายดาย จึงมักทำให้เกิดผลกระทบต่อหัวใจที่เย็นชาของบีพาอันอยู่เสมอ 

 

 

เป็นเพียงแค่หนังที่แทรกอยู่ที่โคนเล็บเท่านั้น 

 

 

บีพาอันปรับสายตาที่กำลังสั่นไหวให้นิ่งลง กโยซึลสงบลงต่อหน้าบีพาอัน นางคิดว่าตอนนี้ตนควรที่จะเริ่มทำตัวให้มีประโยชน์ต่อบีพาอัน แต่ทว่าก็กลับมากลัวอีกครั้ง แล้วก็ได้แต่นั่งเงียบ ริมฝีปากเล็กๆ ที่อวบอิ่มถูกปิดลง แล้วก็ไม่เปิดออกอีกเลย 

 

 

 

 

 

“พระชายา เหตุใดสีหน้าถึงดูมืดมนเช่นนี้เพคะ” 

 

 

แม่นมเดินเข้ามาหากโยซึลที่ออกมาจากห้องหลังทำความเคารพยามเช้าเสร็จ แม่นมมักจะเป็นห่วงและกังวลเสมอกลัวว่ากโยซึลจะได้รับบาดแผลทางจิตใจจากฮวางแทจาผู้เยือกเย็น วันนี้กโยซึลกลับออกมาด้วยสีหน้าที่มืดมนอย่างผิดปกติ กโยซึลลังเลอยู่สักพักจึงพูดปรับทุกข์ออกมาเหมือนจะร้องไห้ 

 

 

“ฝ่าพระบาท ทรงสั่งไม่ให้เราทำอะไรเลย” 

 

 

กโยซึลได้แต่เศร้าหมองอย่างไม่มีที่สิ้นสุด 

 

 

 

 

 

*** 

 

 

 

 

 

ใต้ต้นไม้ใหญ่บนเนินเตี้ยกลางสวนหลังวังฝ่ายนอก ตอนนี้ภาพด้านหลังที่คุ้นเคยของใครคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่คนเดียวอย่างเศร้าสร้อย รูแฮที่ค่อยๆ ย่องเข้าไปอย่างเงียบๆ เข้าไปทักทายทันทีอย่างหยอกล้อ 

 

 

“ทรงพระเจริญพันปี พันปี พันพัน…” 

 

 

รูแฮที่กำลังทักทายด้วยคำคาราวะสามพันปีอย่างยิ้มแย้มต้องหยุดลง สีหน้าของกโยซึลที่หันมามองเขาดูไม่ดีเลย แม้ว่าน้ำตาจะน้อยกว่าตอนที่เจอกันครั้งแรก แต่กลับเผยความความเศร้าหมองจนใบหน้าของนางเลอะเทอะไปด้วยเครื่องสำอางที่เปียกน้ำตา 

 

 

“พระชายาฮวางแทจา เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

รูแฮเข้าไปหากโยซึลอย่างเร่งรีบ เขาได้แต่ลังเลและไม่สามารถที่จะโอบกอดนางได้ กโยซึลนั่งลงเหมือนจะเป็นลมที่โคนต้นไม้ นางพิงศีรษะไปที่ต้นไม้และเอนตัวลง แว่วเสียงดังเบาๆ เหมือนกับผลของต้นเทียนดอกแตก หน้าผากของกโยซึลสัมผัสไหล่ของรูแฮ เขาแข็งทื่อไปทั้งอย่างนั้น มือที่อ้าออกอย่างเคว้งคว้างไม่รู้จะวางไว้ที่ใด จะรวบมือก็ไม่ได้ จะยืดมือออกไปก็ไม่ได้ ในระหว่างที่ความกลุ้มใจนี้กำลังไหลเวียน กโยซึลก็พูดขึ้นมาว่า 

 

 

“เราไปทำความเคารพทักทายฝ่าพระบาทยามเช้าทุกวัน” 

 

 

“ทุกวันเลยหรือพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

“ใช่ ถึงแม้ฝ่าพระบาทจะบอกว่าที่มกกุกไม่มีธรรมเนียมปฏิบัติเช่นนี้ก็ตาม แต่ที่อาณาจักรของเรามีธรรมเนียมปฏิบัติที่ต้องไปทำความเคารพทุกวันยามเช้าและเย็น เราเพียงแค่อยากจะทำหน้าที่ของการเป็นชายาฮวางแทจาให้ดีที่สุดเท่านั้นเอง” 

 

 

เสียงของนางที่พูดอย่างช้าๆ เริ่มเบาลง รูแฮคิดว่าหางเสียงของนางเจอความเศร้าอยู่ ไหล่ของกโยซึลสั่นเครือ เมื่อรูแฮเห็นกโยซึลตัวสั่นอย่างน่าสงสารเขาก็ลังเลต่อไปไม่ได้อีก เขาใช้มือใหญ่ๆ ตนวางลงไปบนบ่าของกโยซึลอย่างแผ่วเบา รูแฮตบไหล่ของนางอย่างเบามือและระมัดระวัง เหมือนกับมือของแม่ที่กำลังกล่อมลูกน้อยอยู่  

 

 

“เราก็แค่อยากจะลองทำดีในฐานะชายาของฝ่าพระบาท เราก็แค่พยายามที่จะไม่ทำให้ฝ่าพระบาทเดือดร้อน ไม่ทำให้มกกุกเดือดร้อน และก็ไม่ต้องการทำให้ใครเดือดร้อนก็เท่านั้น…” 

 

 

“แล้วยังไงหรือพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

“ฝ่าพระบาททรงบอกว่าอย่าออกไปเดินเที่ยวเล่นในพระราชวังอย่างไม่มีประโยชน์ การกระทำของเราอาจจะนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่รุนแรงได้ ทรงบอกให้เราระมัดระวังและประพฤติตัวให้ถูกต้อง เรานั้นนอกจากไปเดินเล่นในสวนหลังวัง ไปห้องหนังสือ ก็อยู่แต่ในวังตะวันออก หรือจะทรงหมายความว่าไม่ให้เราออกจากตำหนักเลยหรือ เรารู้สึกอึดอัดรู้สึกโกรธจนร้องไห้ออกมา” 

 

 

ฮึก ฮึก กโยซึลหายใจเข้าราวกับกำลังสะอึกพร้อมกับพูดออกมา รูแฮฟังกโยซึลนิ่งไม่พูดไม่จา 

 

 

เห็นได้ชัดว่าท่านพี่นั้นมักจะอ่อนไหวต่อเรื่องการแย่งชิงอำนาจในการสืบราชบัลลังก์ ทว่าพระชายาฮวางแทจาทรงสร้างความลำบากใจอันใดให้แก่ท่านพี่กันนะ 

 

 

ยิ่งฟัง รูแฮก็ยิ่งรู้สึกเศร้าใจ ผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ใครก็ไม่อาจแตะต้องได้ตามอำเภอใจ สิ่งใดกันที่ทำให้นางร้องไห้ถึงเพียงนี้ รูแฮมีความรู้สึกใหม่เกิดขึ้นต่อบีพาอันผู้เป็นพี่ชายของเขา และยังเป็นฮวางแทจา เป็นหนึ่งในเชื้อพระวงศ์ แต่ก่อนอื่นสำหรับรูแฮตอนนี้กโยซึลที่อยู่ตรงหน้านั้นต้องมาก่อน 

 

 

“เพราะว่าฝ่าพระบาททรงเป็นห่วงพระชายาฮวางแทจาจึงทรงตรัสแบบนั้นพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

“…เป็นห่วงเราหรือ” 

 

 

“พ่ะย่ะค่ะ เพราะพระชายาฮวางแทจาทรงใสซื่อ ฝ่าพระบาทคงจะเป็นห่วงว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นในพระราชวังที่แสนอันตรายแห่งนี้ ฝ่าพระบาทฮวางแทจาทรงเป็นคนที่ไม่อ่อนหวานเช่นนี้อยู่แล้ว ฝ่าพระบาทจึงไม่สามารถสื่อความกังวลของพระองค์ได้อย่างนุ่มนวลเท่าใดนัก” 

 

 

“เป็นเช่นนั้นจริงหรือ” 

 

 

น้ำตาที่เอ่ออยู่ร่วงหล่นลงมา รูแฮใช้ด้านหลังนิ้วของตนเช็ดน้ำตาของกโยซึลและตอบว่า 

 

 

“เป็นเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ จะมีชายใดในโลกที่จะไม่หวงแหนพระชายาฮวางแทจากันพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

รูแฮพูดยืนยัน แต่กโยซึลยังคงมีสีหน้าที่สงสัย แต่ก็ยังโชคดีที่นางหยุดร้องไห้แล้ว 

 

 

“เดิมทีแล้วหากไม่มีความเป็นห่วง ก็จะไม่มีการตำหนิใดๆ นะพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

“อา” 

 

 

หลังจากที่รูแฮพูดออกไปก็ดูเหมือนว่าในที่สุดกโยซึลก็เข้าใจแล้ว นางเช็ดน้ำตาและร้อยเปื้อนด้วยแขนเสื้อของตน เมื่อความคับแค้นหายไปก็เปลี่ยนเป็นท่าทีที่เข็มแข็งขึ้น 

 

 

“ขอบใจนะ” 

 

 

นางหัวเราะออกมาดังๆ ให้ดูเหมือนว่าตนไม่ได้ร้องไห้มาก่อน แล้วรูแฮก็เริ่มหัวเราะตามเรื่อยไป หลังจากนั้นเขาก็ค่อยปลอบใจนางอย่างค่อยเป็นค่อยไป และคอยแก้ตัวแทนบีพาอัน 

 

 

“เหตุใดท่านถึงได้อ่อนโยนเช่นนี้” 

 

 

กโยซึลเคยได้พบเจอคนที่อ่อนโยนแบบนี้มากมาย แต่ตอนนี้ทุกคนก็อยู่ห่างไกลจากนางกันหมด สำหรับตอนนี้คนที่อ่อนโยนทดแทนแม่ของตนได้ก็เห็นจะมีแต่แม่นมและรูแฮ รูแฮเก็บมือของตัวเอง ตรงที่ที่มือนุ่มๆ ของรูแฮมาสัมผัสเมื่อครู่นั้น ตอนนี้มันช่างรู้สึกว่างเปล่า 

 

 

“พิเศษสำหรับพระชายาฮวางแทจาพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

กโยซึลตาโต และเมื่อรูแฮหัวเราะออกมา กโยซึลก็หัวเราะตาม 

 

 

“ขอบพระทัยเป็นพิเศษเช่นกันเพคะ” 

 

 

ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่ก็ปลอบโยนกโยซึลได้มากทีเดียว 

 

 

*** 

 

 

“หากฝ่าพระบาททรงเป็นห่วงเป็นใยเรา” 

 

 

ในความสัมพันธ์ของมนุษย์การไม่สนใจคือการตอบสนองที่น่ากลัวที่สุด ถ้าเป็นอย่างที่รูแฮบอกกับตนว่าบีพาอันเป็นห่วงตน กโยซึลก็คงจะไม่มีปัญหาอะไรและยังค่อนข้างยินดีที่จะรับฟังคำชี้แนะของเขาด้วย นางรวบรวมพลังและมุ่งหน้าไปที่พระตำหนักดงชอน 

 

 

“พระชายาฮวางแทจาเสด็จ” 

 

 

เหล่าขันทีและซังกุงที่อยู่ตามประตูต่างก็พูดแจ้งกันต่อไปให้ทราบว่ากโยซึลมา คำประกาศนี้ถูกถ่ายทอดผ่านทางประตูยาวไกลไปจนถึงห้องบรรทม และอีกไม่นานก็คงจะได้คำตอบกลับมา 

 

 

“พระชายาฮวางแทจาพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

ขันทีเดินเข้ามาด้วยท่าทีอึดอัดใจและโค้งคำนับ  

 

 

กโยซึลที่ยืนรออยู่บนขั้นบันได้หินและกำลังจะถอดรองเท้าออกก็ต้องตัวแข็งทื่อไปเมื่อขันทีพูดว่า 

 

 

“ฝ่าพระบาทไม่อนุญาตให้เข้าเฝ้า และตรัสให้ทรงเสด็จกลับพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

“ว่าอย่างไรนะ” 

 

 

กโยซึลจ้องเขม็งไปที่ขันที แม้แต่ขันทีที่อายุเยอะแล้วก็ยังต้องสะดุ้งกับสายตาของกโยซึลจนต้องก้มหัวลง ขันทีรู้สึกประหม่าแล้วก็ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร กโยซึลเดินถอยกลับลงมาอย่างกระสับกระส่าย นางกำนัลสองคนรีบวิ่งมาประคองกโยซึลไว้ นางรู้สึกสงสัยในสิ่งที่ตนได้ยิน 

 

 

“ฝ่าพระบาทไล่เรากลับหรือ” 

 

 

เสียงร้องไห้ดังขึ้นกลางลานพระตำหนักดงชอนที่เงียบสงบ