ตอนที่ 1666 มาทําให้โกรธ (2)
แม้ว่าสิบสองวิหารจะไม่ได้สามัคคีกลมเกลียวกันจากใจจริงแต่ฉากหน้าพวกเขาก็ยังต้องแสดงออกถึงความสามัคคีกัน ไม่ใช่ว่าจะไม่มีการทะเลาะกันหลังฉาก แต่ถึงแม้จะต่อสู้กัน ทั้งสองฝ่ายก็เข้าใจดีว่าควรหลีกเลี่ยงการกระตุ้นความสงสัย อย่างน้อยก็ไม่มีใครส่งผู้ร้ายที่เป็นตัวการใหญ่ไปร่วมงานฉลองวันเกิดของเหยื่ออย่างโจ่งแจ้ง!
นี่เป็นการเพิ่มเชื้อไฟชัดๆเลยไม่ใช่หรือ?
จากที่วิหารจิงหงรู้การกระทำของเฟยเหยียนนั้นแทบมั่นใจได้เลยว่าเป็นความคิดของวิหารมังกร
การมาของเฟยเหยียนทำให้คนของวิหารจิงหงรู้สึกว่าวิหารมังกรข่มเหงกันมากเกินไปแล้ว
แต่เนื่องจากมีแขกคนอื่นๆอยู่มากเกินไปพวกเขาจึงคิดว่าไม่ใช่โอกาสเหมาะที่จะต่อต้านอย่างเปิดเผย ดังนั้นจึงทำได้แค่ฝืนยิ้มแข็งๆและยืนจ้องเฟยเหยียนอยู่ตรงนั้น
“เหยียนเอ๋อร์ยังไม่เสร็จหรือ?” ในขณะนั้น ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาก็เดินเข้ามาช้าๆ เขาสวมชุดผ้าไหมทั้งตัว ดูดีมาก ดวงตาของเขามองตรงไปที่เฟยเหยียน
ดวงตายิ้มแย้มของเฟยเหยียนฉายแววเยาะเย้ยแวบหนึ่งก่อนจะหันหน้าไปยิ้มอย่างสดใสให้ชายคนนั้นและพูดว่า “นายน้อย ข้าก็ไม่รู้ว่าทำไม แต่ดูเหมือนวิหารจิงหงจะไม่ต้อนรับพวกเรา” พูดจบเฟยเหยียนก็ก้มหน้าลงด้วยสีหน้าเสียใจเล็กน้อย แววตาเศร้าสลด
ชายคนนั้นขมวดคิ้วดวงตาฉายแววไม่พอใจ แต่ไม่ได้มุ่งตรงไปที่เฟยเหยียน สายตานั้นพุ่งตรงไปที่ศิษย์ของวิหารจิงหง
“ข้าคือจูเก๋ออินจากวิหารมังกรมาร่วมอวยพรวันเกิดประมุขในนามของท่านพ่อ ไม่ทราบว่ามีเรื่องไม่พอใจอะไรงั้นหรือ?” จูเก๋ออินกล่าวด้วยเสียงที่ดูเหมือนอ่อนโยน แต่ในน้ำเสียงของเขามีความแข็งกระด้างแฝงอยู่
เมื่อศิษย์ของวิหารจิงหงได้ยินจูเก๋ออินประกาศชื่อแซ่ของเขาพวกเขาก็เหงื่อตกทันที
จูเก๋ออินคือลูกชายคนเดียวของประมุขวิหารมังกร!
แม้ว่าพวกเขาจะทำไม่เหมาะสมต่อเฟยเหยียนไปบ้างแต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับประมุขน้อยของวิหารมังกร พวกเขาก็ไม่กล้าแสดงความไร้มารยาทออกมาแม้แต่น้อย
“ไม่ไม่มีขอรับ! เชิญเข้ามาเลย” ศิษย์ของวิหารจิงหงปาดเหงื่อที่หน้าผาก แล้วรีบเชิญแขกเข้าข้างในอย่างลุกลี้ลุกลน
จูเก๋ออินพยักหน้าเล็กน้อยดวงตาฉายแววหยิ่งผยองขณะหันหน้าไปทางเฟยเหยียนและพูดว่า “เหยียนเอ๋อร์ เราเข้าข้างในได้แล้ว”
“เจ้าค่ะ”เฟยเหยียนพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
วิหารมังกรส่งคนไปประมาณ7-8 คน จูเก๋ออินเป็นหัวหน้าคณะตัวแทน ตลอดทางตั้งแต่ต้นจูเก๋ออินแสดงความห่วงใยเอาใจใส่เฟยเหยียนเป็นพิเศษ ศิษย์คนอื่นๆของวิหารมังกรเห็นกับตาแต่ก็ไม่กล้าพูดอะไร
“เหยียนเอ๋อร์เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิด วิหารจิงหงไม่เข้มงวดกับลูกศิษย์ทำให้เกิดพวกสารเลวเช่นนี้ อย่าเสียใจไปเลย เจ้าวางใจเถอะ ข้าจะทวงความยุติธรรมให้เจ้าอย่างแน่นอน” จูเก๋ออินกล่าวด้วยน้ำเสียงห่วงใยขณะมองเฟยเหยียนที่เดินอยู่ข้างๆเขา จากที่เขาเห็น เฟยเหยียนใจอ่อนกับคนของวิหารจิงหงมากเกินไป และมันไม่ควรเป็นแบบนั้น
แต่เมื่อคิดย้อนกลับไปสาวน้อยผู้งดงามเช่นนี้ก็ควรได้รับการปกป้อง ดังนั้นจูเก๋ออินจึงพอใจมากกับท่าทาง “สงบเสงี่ยม” ของเฟยเหยียน
“นายน้อยข้าไม่คิดว่าท่านจำเป็นต้อง……เรามาที่นี่ก็เพื่อร่วมอวยพรวันเกิด ถ้าหากเกิดปัญหาขึ้นเพราะข้า คนของวิหารจิงหงอาจจะไม่ปล่อยให้เรื่องผ่านไปง่ายๆ ถ้าพวกเขาทำร้ายนายน้อย ข้าก็คงไม่รู้จะทำอย่างไร” เฟยเหยียนก้มหน้ากัดริมฝีปากอย่างกังวล แสดงภาพลักษณ์ของผู้ที่ทนทุข์กับความอยุติธรรมได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ท่าทางนั้นทำให้หัวใจของจูเก๋ออินเต้นแรงถ้าไม่ใช่เพราะสถานที่ไม่เหมาะสม เขาก็คงไม่ปรารถนาอะไรมากไปกว่าโอบกอดเฟยเหยียนไว้ในอ้อมแขนเพื่อปกป้องและปลอบประโลม “นาง”
“ทำร้ายข้า?วิหารจิงหงเนี่ยนะ? พวกเขาน่ะหรือจะกล้า? ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น มีข้าอยู่ตรงนี้ เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรทั้งนั้น อย่าให้ตัวเองต้องทุกข์ใจเลย ข้าจะทวงความอยุติธรรรมให้เจ้าเอง” พูดจบ มือของจูเก๋ออินก็ขยับไปโดยอัตโนมัติ โดยคิดที่จะโอบไหล่เฟยเหยียนเพื่อ “ปลอบโยน” เด็กสาว
แต่ในตอนนั้นเอง……
“ฟู่!!”