ตอนที่ 636 ไม่ยอมรักษา
ฟางหลิงซู่มิได้เกรงกลัวเพราะราชสำนักไม่สามารถสั่นคลอนหอพิษกู่ได้ นี่คือความจริงที่มิสามารถเปลี่ยนแปลงมานานหลายปีแล้ว
ทั้งที่เฝิงเยว่เอ๋อรู้ตัวตนของอันหลิงเกอแต่มิกล่าวออกมา อันหลิงเกอคิดได้ว่าคงเป็นเพราะนางมิอยากให้มู่จวินฮานนึกถึงอันหลิงเกอไปชั่วชีวิตกระมัง
แต่นั่นก็มิได้ทำให้นางเลิกล้มความคิดที่จะช่วยเฝิงเยว่เอ๋อเพราะถือว่าเป็นคนละเรื่องกัน ยิ่งเป็นเช่นนี้อันหลิงเกอต้องรีบชดเชยให้อีกฝ่ายเพื่อที่เรื่องจะได้จบลงเสียที
“ท่านอ๋อง ข้ามีวิธีรักษาดวงตาพระชายา”
เมื่ออันหลิงเกอกล่าวจบ ฟางหลิงซู่แม้อยากขัดขวางมากเพียงใดก็รู้ดีว่าเรื่องที่นางตัดสินใจทำไปแล้วมิว่าผู้ใดก็ไม่มีทางเปลี่ยนใจนางได้
“หืม ? ”
มู่จวินฮานมองอันหลิงเกอพร้อมรอยยิ้ม ซูฉางเฟิงผู้นี้ทำให้เขาแปลกใจมิน้อย
เดิมทีคิดว่าซูฉางเฟิงคงมิสนใจผู้ใด คาดมิถึงว่าจักซื่อสัตย์ต่อตนเช่นนี้ อีกทั้งยังเป็นห่วงเรื่องของตนด้วย
“ข้าเป็นสหายของคุณชายฟาง ย่อมรู้วิธีการของเขาเป็นอย่างดี มิทราบว่าให้ข้าลองแก้พิษนี้ได้หรือไม่ ? ”
มู่จวินฮานได้ยินสิ่งที่นางพูด แม้จะลังเลอยู่บ้างแต่เมื่อสบตากับเฝิงเยว่เอ๋อที่อยู่ด้านข้างแล้วก็รู้สึกว่าลองดูก็มิเสียหาย
“ได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าก็ขอขอบใจหอพิษกู่ด้วยเช่นกัน”
เมื่อครู่ซูฉางเฟิงกล่าวเช่นนั้นเพื่อบอกเป็นนัยว่ามู่จวินฮานมิอาจตำหนิหอพิษกู่ได้อีก
ส่วนฟางหลิงซู่ได้แต่เม้มริมฝีปากแน่น ภายในใจรู้สึกสับสนยิ่งนัก
การที่อันหลิงเกอตัดสินใจใช้วิธีอันตรายเช่นนี้เพื่อช่วยเฝิงเยว่เอ๋อ เขาจะทำเช่นไรดี ?
“เมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเรามิรบกวนเวลาสนทนาของคุณชายฟางและท่านอ๋องน้อยแล้ว”
ขณะที่ทั้งสองกำลังขอตัวลาไปนั้น สีหน้าของเฝิงเยว่เอ๋อที่มองอันหลิงเกอก็แปลกใจมิน้อย สงสัยว่าเหตุใดอันหลิงเกอยอมช่วยเหลือตนเช่นนี้ ?
หลังจากนั้นอันหลิงเกอก็หัวเราะเยาะตัวเอง นางมิเคยคิดว่าตนเป็นคนดีหรือยอมเสียสละเพื่อผู้อื่นได้ แต่บัดนี้ตัดสินใจกระทำเสียได้
“เจ้าจะลำบากเพราะเหตุใด เรื่องของพวกเขามิเกี่ยวกับเจ้าเลย ! ” ฟางหลิงซู่เห็นอันหลิงเกอยอมช่วยเฝิงเยว่เอ๋อก็รู้สึกหงุดหงิดใจมาก
“ช่างเถิด แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น” อันหลิงเกอมิเห็นว่าเป็นเรื่องใหญ่อันใด
“เจ้าได้คิดหรือไม่ว่าเหตุใดข้าจึงไม่มียาถอนพิษ ? ก็เพราะพิษนั้นรุนแรงมาก ! ” ฟางหลิงซู่เอ่ยถึงความรุนแรงของพิษเพราะหวังว่าอันหลิงเกอจักคิดให้ดีอีกครั้ง
“เจ้าเคยบอกว่าเลือดของข้าสามารถยับยั้งพิษของหอพิษกู่ได้ เช่นนั้นเลือดของข้าต้องช่วยนางได้เช่นกัน”
“เจ้ารู้หรือไม่ว่านั่นมิใช่เลือดแค่สองสามหยด หากเสียเลือดมากไป…เจ้า ! ”
ฟางหลิงซู่เข้าใจความหมายของอันหลิงเกอชัดเจน ตอนแรกนางแค่อยากเปลี่ยนถ่ายโลหิตกับเฝิงเยว่เอ๋อ ทว่าต่อมารู้ว่าเลือดของตนสามารถถอนพิษได้จึงคิดใช้รักษาเฝิงเยว่เอ๋อ
อย่างไรการให้เลือดของนางก็นับว่าเป็นวิธีอันตรายมาก หากรักษามิดีก็อาจเป็นการทำร้ายเฝิงเยว่เอ๋อได้ด้วย ซึ่งดูจากความโปรดปรานที่มู่จวินฮานมีต่อเฝิงเยว่เอ๋อในตอนนี้แล้วคงเลี่ยงการโดนลงโทษมิได้
ฟางหลิงซู่มิอยากให้อันหลิงเกอไปเผชิญหน้ากับเรื่องพวกนี้ เขาแค่อยากให้นางมีชีวิตอย่างสงบสุขก็พอ
ไม่ต้องเหมือนกับมารดาของนาง
“ท่านพี่ องค์หญิงน้อยจู่ ๆ ก็มีเลือดไหลออกมา ห้ามเลือดเท่าไรก็ยังมิหยุดเจ้าค่ะ ! ”
“พาข้าไปเร็ว”
อันหลิงเกอมิอาจทนเห็นคนเจ็บแล้วมิเข้าไปช่วยเหลือได้
“อืม”
หนานกงหลิงเยว่ไม่มีความรู้เรื่องละเอียดอ่อนของสตรีสักเท่าไรและหอพิษกู่มิเคยมีหมอ ตอนนี้จึงไม่มีผู้ใดมาช่วยได้
โชคดีที่อันหลิงเกออยู่ด้วย มิเช่นนั้นองค์หญิงน้อยคงตายไปแล้ว
“อันหลิงเกอ ! ” ฟางหลิงซู่ก็ตามมาด้วย เพียงแต่เขารออยู่ที่หน้าประตูเท่านั้น
เขารู้สึกไม่วางใจ อันหลิงเกอมักใจอ่อนเช่นนี้เสมอและภายภาคหน้ามิรู้ว่าต้องเจอปัญหาอีกสักเท่าไร
นี่คือการเปิดเผยตัวตนชัด ๆ
ตัวจริงของซูฉางเฟิงรู้เรื่องการแพทย์ที่ไหนกันเล่า หากไตร่ตรองให้ดีแล้วคนอื่นก็คงคิดออกเช่นกัน
“ขอร้องด้วยเถิด ท่านต้องช่วยองค์หญิงของข้าให้ได้ ! ” สาวใช้ที่อยู่ด้านข้างคร่ำครวญมิหยุด อันหลิงเกอจึงให้คนพาตัวออกไปก่อน
“เจ้าออกไปรอข้างนอกก่อน อย่าเพิ่งรบกวนสมาธิของท่านหมอเลย พวกเราจะพยายามรักษาอย่างเต็มที่”
โชคดีที่อันหลิงเกอพกยาที่สำคัญติดตัวตลอดและยาห้ามเลือดก็ถือเป็นยาพื้นฐาน
“ตอนนี้เลือดหยุดไหลแล้ว ต่อไปก็ให้นางพักผ่อนอย่างเพียงพอ”
อันหลิงเกออาศัยช่วงที่องค์หญิงน้อยยังมิฟื้นรีบออกไปจากหอพิษกู่ทันที ทิ้งให้หนานกงหลิงเยว่คอยดูแลต่อ
การที่อันหลิงเกอเห็นองค์หญิงน้อยผู้นี้ก็เหมือนเป็นเครื่องย้ำเตือนตนเองว่าคือคนของเผ่าพิษหนอนกู่ นางกับเผ่าพิษหนอนกู่มีความสัมพันธ์ที่ตัดกันมิขาดจริง ๆ
“ท่านกลับมาแล้วหรือ”
เมื่อเห็นอันหลิงเกอกลับมา ซูโจวที่รอคอยอย่างยาวนานก็เอ่ยถามทันที อันหลิงเกอจึงพยักหน้าให้แล้วนั่งลงพลางครุ่นคิดบางอย่าง
“วันนี้ได้ยินว่าท่านรับปากท่านอ๋องเรื่องการรักษาดวงตาให้พระชายาหรือ ? ” ซูโจวรู้ดีว่าอาการนี้มิอาจรักษาได้โดยง่าย
“อืม” อันหลิงเกอพยักหน้า นางตอบตกลงโดยใช้ตัวตนของซูฉางเฟิง
“ท่านรู้หรือไม่ มิว่าท่านจะทำเช่นไรก็ล้วนอันตรายทั้งสิ้น หากพวกเขาทราบว่าท่านอ๋องน้อยตัวจริงมิรู้วิชาแพทย์จักเป็นเช่นไร ? ” ซูโจวเป็นห่วงมาก แต่อันหลิงเกอทำราวกับมิห่วงความปลอดภัยของตนแม้แต่น้อย
“มิเป็นไรหรอก ข้ารู้จักประมาณตนดี”
ประมาณตนหรือ ? หากนางรู้จักประมาณตนก็คงตอบตกลงมู่จวินฮานเช่นนั้นหรอก
“เจ้าเลิกกังวลได้แล้ว” อันหลิงเกอดูเหมือนสงบนิ่งกว่าปกติ นางรินชาเสร็จก็ยิ้มให้ซูโจว
“ท่านนี่มัน เฮ้อ” ซูโจวก็มิรู้จะทำเช่นไรกับนางดี
“วิธีรักษาด้วยเลือดนั้นอันตรายอย่างยิ่ง ข้าเห็นว่าท่านลองคิดอีกทีเถิด”
ซูโจวก็เป็นหมอ ย่อมรู้ดีว่ามีเพียงวิธีนี้ที่จะรักษาเฝิงเยว่เอ๋อได้และด้วยนิสัยของอันหลิงเกอแล้วไม่มีทางล้มเลิกเด็ดขาด
เขาคิดเช่นเดียวกับฟางหลิงซู่คือมิอยากให้นางต้องมาเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยผู้อื่นเลย
“เอาล่ะ เอาล่ะ พวกเรามิต้องนึกถึงเรื่องนี้แล้ว เฝิงเยว่เอ๋อผู้นั้นข้าต้องช่วยนาง เจ้าลองชิมชาของข้าดีกว่า”
อันหลิงเกอส่งยิ้มให้ก่อนจะส่งถ้วยชาตามไป ซูโจวก็รู้สึกเอือมระอามิน้อยแต่ทำได้เพียงยิ้มและรับถ้วยชาของนางมา ทว่ารอยยิ้มนั้นออกจะดูขมขื่นไปเสียหน่อย
…
…
“เรียนท่านอ๋อง ตั้งแต่วันนี้ข้าจะรักษาอาการให้พระชายา”
วันต่อมา อันหลิงเกอก็มาที่เรือนของเฝิงเยว่เอ๋อ มู่จวินฮานก็อยู่ที่นั่น อันหลิงเกอจึงอดปวดใจมิได้เพราะความเป็นห่วงที่เขามีให้เฝิงเยว่เอ๋อแทบมิต่างอันใดกับที่เขาเคยมีให้นาง
“ดี”
มู่จวินฮานพยักหน้ารับ ในสายตาของเขาเห็นว่าซูฉางเฟิงรู้จักประมาณตน ดูท่าแล้วคงมีวิธีรักษาเฝิงเยว่เอ๋อให้หายได้จริง
“ช่วงนี้ข้าหวังว่าจะได้อยู่ในห้องเพียงลำพัง ท่านอ๋องสามารถให้สาวใช้ของพระชายาอยู่ด้วยก็ได้ แต่หวังว่าท่านอ๋องจักมิอยู่ในห้องนี้ด้วย เช่นนั้นจะทำให้ข้ารู้สึกกดดัน”
หลังจากมู่จวินฮานใคร่ครวญก็พบว่าในเมื่อซูฉางเฟิงอาสารักษาให้เฝิงเยว่เอ๋อ เขาก็ควรที่จะยอมรับเงื่อนไขให้ได้
“ได้ หากต้องการสิ่งใดก็ไปหาข้าได้เสมอ” เมื่อเห็นมู่จวินฮานตอบตกลงเช่นนี้ อันหลิงเกอจึงเบาใจ
วิธีของนางดูอันตรายมิน้อย หากเขาเห็นเข้าก็เกรงว่ามิเหมาะสักเท่าไร
“มิทราบว่าท่านจะใช้วิธีใดถอนพิษให้แก่พระชายา ? ” มู่จวินฮานยังอดเป็นห่วงมิได้จึงเอ่ยถามอีกครั้ง
“ใช้วิธีโบราณ”