ตอนที่ 637 วิธีโบราณ
การที่อันหลิงเกออ้างว่าเป็นวิธีโบราณเพราะมิอยากให้มู่จวินฮานได้รู้รายละเอียด เฝิงเยว่เอ๋อรู้ตัวตนของนางก็มิเป็นไร แต่หากมู่จวินฮานรู้ขึ้นมาก็ต้องสงสัยว่าเหตุใดนางต้องเสียสละเพื่อช่วยรักษาเฝิงเยว่เอ๋อเพียงนี้
“ช่างเถิด เช่นนั้นก็ฝากท่านอ๋องซูด้วยแล้วกัน”
กล่าวจบ มู่จวินฮานก็เดินออกไป รอจนมู่จวินฮานจากไปไกลแล้ว เฝิงเยว่เอ๋อจึงลุกขึ้น
“เหตุใดเจ้าต้องช่วยข้า ? ” คำถามนี้มิเพียงมู่จวินฮานเท่านั้นที่สงสัย เพราะเฝิงเยว่เอ๋อสงสัยยิ่งกว่า
เนื่องจากเฝิงเยว่เอ๋อรู้ตัวตนของอันหลิงเกอแล้ว เหตุใดต้องช่วยคนที่ยึดตำแหน่งของตนไป ?
“สิ่งที่เขาติดค้าง ข้าจักคืนให้เอง” คำพูดนี้ของนางทำให้เฝิงเยว่เอ๋อถึงขั้นพูดมิออก
“เอาล่ะ เจ้านอนลงได้แล้ว เรื่องต่อจากนี้ข้าหวังว่าเจ้าจะมิไปพูดให้ผู้ใดฟัง” ยังมิทันที่เฝิงเยว่เอ๋อได้ตอบกลับ อันหลิงเกอก็ใช้มีดกรีดที่ข้อมือของตนทันที
อันหลิงเกอเหมือนไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดของเนื้อที่ถูกแยกออกมา เพียงมองเลือดที่ไหลจนเต็มชาม จากนั้นก็ให้เฝิงเยว่เอ๋อดื่มลงไป
แม้เฝิงเยว่เอ๋อรู้สึกเหลือเชื่อแต่ก็มิได้กล่าวสิ่งใดออกมา
อันหลิงเกอรู้ว่าการทำเช่นนี้ยังมิเห็นผลมากนักเพราะหากดื่มเลือดวันละชามก็มิรู้ว่าต้องใช้เวลานานเท่าใดจึงจะล้างพิษได้หมด อีกทั้งฤทธิ์ของพิษก็ยังกระจายได้อยู่ดี
ดังนั้นนางจึงอยากทดสอบก่อนว่าอีกฝ่ายจักรับเลือดของนางได้มากน้อยเพียงใด
ผ่านไปครู่ใหญ่ เมื่อเห็นว่าเฝิงเยว่เอ๋อไม่มีอาการผิดปกติ อันหลิงเกอจึงถอนหายใจออกมา
“เจ้าจักทำอันใด ? ”
เฝิงเยว่เอ๋ออดตระหนกมิได้ อันหลิงเกอคงมิคิดสังหารนางหรอกกระมัง ?
“เจ้าวางใจเถิด ข้ามิทำร้ายเจ้าหรอก”
“ได้ ข้าจักเชื่อเจ้า”
เฝิงเยว่เอ๋อพูดพร้อมขบกรามแน่น ตอนนี้นางมองเห็นแล้วแต่ก็รู้ดีว่ามิได้ปกติ หากอันหลิงเกอไม่ยื่นมือมาช่วยก็เกรงว่านางคงมีชีวิตอยู่ไม่ถึงฤดูใบไม้ผลิของปีหน้า
อันหลิงเกอใช้เข็มที่ติดปลายหลอดไม้ไผ่ด้านหนึ่งแทงเข้าที่แผลของตนและใช้อีกด้านแทงเข้าที่ข้อมือของเฝิงเยว่เอ๋อ
ตอนนั้นเองเฝิงเยว่เอ๋อถึงได้เข้าใจว่าอันหลิงเกอกำลังถ่ายเลือดให้นางอยู่
มินานอันหลิงเกอก็หยุดและดึงเข็มออก จากนั้นก็ทำแผลให้เฝิงเยว่เอ๋อ
นางยังตายตอนนี้มิได้ ดังนั้นจึงต้องจำกัดจำนวนเลือดในแต่ละวัน มิอาจให้เลือดมากเกินไป
เฝิงเยว่เอ๋อเข้าใจการกระทำของอันหลิงเกอดี แต่ก็ยังอดตกใจมิได้ คนผู้หนึ่งยอมสละเลือดเพื่อช่วยคนอื่นได้ถึงเพียงนี้ กำลังคิดอันใดอยู่กันแน่ ?
“ท่านอ๋องเข้ามาได้แล้ว”
สีหน้าของอันหลิงเกอซีดเผือดแต่ถูกปกปิดไว้ภายใต้หน้ากาก มู่จวินฮานจึงเห็นเพียงใบหน้าที่เรียบเฉยของซูฉางเฟิงเท่านั้น มองมิเห็นท่าทางอ่อนแรงของนางเลย
“ดีขึ้นบ้างหรือไม่ ? ”
อันหลิงเกอได้ยินบทสนทนาของทั้งคู่ที่อยู่ด้านหลัง แม้ปวดใจเพียงใดก็รู้ดีว่าตอนนี้นางต้องยืนหยัดให้ได้
หลังกลับถึงเรือนแล้วซูโจวก็รอนางอยู่ นางยังมิทันเดินเข้ามา เขาก็รีบอุ้มนางเอาไว้เสียก่อน
อันหลิงเกอมิได้ปฏิเสธแต่อย่างใดเพราะตอนนี้ใกล้จะหมดแรงเช่นกัน
แม้เสียเลือดมิมาก แต่เดิมทีร่างกายก็ยังมิได้ฟื้นฟูจนเป็นปกติ ตอนนี้พอเสียเลือดไปก็ทำให้นางมีอาการแย่ลงไป
“ท่านช่างโง่ยิ่งนัก” ซูโจวตรวจชีพจรให้นางเสร็จแล้วก็รีบทำแผลให้ใหม่ทันที
“รีบนำยานี้ไปต้มให้นายเจ้าดื่มเร็วเข้า” เยว่หยาที่อยู่ด้านข้างก็เป็นห่วงอันหลิงเกอเช่นกัน
“เจ้าค่ะ” ดีที่มีซูโจวอยู่ด้วยจึงทำให้นางพอวางใจได้บ้าง
แม้เยว่หยาจะสู้ปี้จูที่อยู่กับนางมาตั้งแต่เด็กมิได้ แต่ก็ถือว่าเอาใจใส่นางอย่างดี เมื่อครู่ที่เรือนของเฝิงเยว่เอ๋อมิรู้ว่าปี้จูจำนางได้หรือไม่
เมื่อเห็นอันหลิงเกอใจลอยเช่นนี้ ซูโจวก็รู้ว่านางกำลังคิดฟุ้งซ่านอีกแล้ว
“ข้ามิเป็นไร ยังต้องใช้เวลาอีกเจ็ดวันถึงจะเสร็จสิ้นการรักษา ข้ารู้จักประมาณตนดี”
ใช่แล้ว หากครั้งนี้นางให้เลือดจนหมดก็คงมิอาจรักษาเฝิงเยว่เอ๋อต่อได้อีก ดังนั้นนางจึงรู้จักประมาณตนและต้องรักษาเฝิงเยว่เอ๋อให้หายดี
“เอาล่ะ ท่านพักผ่อนเถิด อีกประเดี๋ยวก็ดื่มยาด้วย” ซูโจวทนมองต่อไปมิไหวจึงเดินออกไป
เจ็ดวันต่อมา อันหลิงเกอไปที่เรือนของเฝิงเยว่เอ๋อทุกวัน ส่วนไปทำอันใดนั้นซูโจวก็รู้ดี เพียงแต่ทุกครั้งเขาจะเตรียมยาไว้เพื่อรอนางกลับมา
ทว่าพอถึงวันที่เจ็ด ไม่ว่าซูโจวเฝ้ารออย่างไรนางก็ไม่กลับมา
อันหลิงเกอยังมิทันเดินออกจากเรือนของเฝิงเยว่เอ๋อก็เดินชนไหล่ของมู่จวินฮานเข้าเสียก่อนแล้วหมดสติไป
ก่อนที่จะหมดสติไป นางคิดว่าเฝิงเยว่เอ๋อยังเหลือพิษอยู่ในร่างกายอีกเล็กหน่อยแต่ร่างกายของนางก็ทนมิไหวแล้ว
เลือดวันละชามที่ให้ไป ตัวนางก็แทบไม่มีเลือดหล่อเลี้ยงร่างกายอยู่อีก
“ท่านอ๋องซู ! ”
มู่จวินฮานเข้าไปประคองนางไว้แต่มิทันระวังจึงสะกิดเข้ากับใบหูของนางจนทำให้หน้ากากหลุดออกมา เผยให้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของนาง
ใบหน้าที่มิรู้จักนั้นทำให้มู่จวินฮานตกตะลึงไปครู่ใหญ่ ก่อนจะได้สติและเรียกหมอหลวงเข้ามา
ข่าวนี้แพร่ออกไปอย่างรวดเร็ว มินานมู่เหล่าหวางเฟยก็มาถึง ยามที่เห็นใบหน้าของอันหลิงเกอชัด ๆ นั้นนางก็โมโหมาก
“คนผู้นี้บังอาจสวมรอยเป็นท่านอ๋องน้อยเข้ามาอยู่ในจวนนานเพียงนี้ สมควรนำตัวไปประหาร ! ”
“หมู่เฟย สตรีผู้นี้มีนามว่าอันหลิงเกอ เป็นหมอเทวดาที่ลูกกำลังตามหาเพื่อมาช่วยพระชายาเอาไว้ ควรให้นางพักรักษาตัวที่จวนถึงจะถูกขอรับ”
มู่จวินฮานมิเห็นด้วยจึงไม่ยอมให้มู่เหล่าหวางเฟยพาตัวอันหลิงเกอไปประหาร มู่เหล่าหวางเฟยรู้จักนิสัยดื้อรั้นของมู่จวินฮานดีจึงมิได้กล่าวอันใดต่อ
ส่วนเฝิงเยว่เอ๋อมิได้เอ่ยอันใดแม้แต่คำเดียวเพราะตอนนี้นางรู้สึกสับสนยิ่งนัก อันหลิงเกอเป็นคนที่เสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยนางเอาไว้และเป็นคนที่สามารถพรากมู่จวินฮานไปจากนางได้เช่นกัน นางจึงมิรู้ว่าควรทำเช่นไรดี
หลังมู่เหล่าหวางเฟยจากไปและทุกคนพากันทยอยออกไป ในห้องจึงเหลือเพียงเฝิงเยว่เอ๋อ อันหลิงเกอและมู่จวินฮาน
มู่จวินฮานมองใบหน้าของสตรีที่นอนอยู่บนเตียง แม้เขาจำอันใดมิได้แต่ก็รู้สึกแปลกใจยิ่งนัก
สตรีผู้นี้เป็นคนเช่นไร เหตุใดจึงเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยผู้อื่นได้ถึงเพียงนี้ ?
อันหลิงเกอหมดสติอยู่และช่างดูอ่อนแอเหลือเกิน
“ท่านอ๋อง มิสู้ให้…ให้อันหลิงเกอกู่เหนียงพักผ่อนที่เรือนของข้าดีกว่า นางช่วยข้าเอาไว้ ดังนั้นข้าก็ควรดูแลนางเจ้าค่ะ” เฝิงเยว่เอ๋อเอ่ยขึ้นมา
“เช่นนั้นก็ฝากเจ้าด้วย”
มู่จวินฮานมิได้คิดอันใดมากและก็คาดมิถึงว่าที่เฝิงเยว่เอ๋อทำลงไปเพราะแค่มิอยากให้มู่จวินฮานนึกถึงอันหลิงเกอขึ้นมาอีก
หลังมู่จวินฮานออกไปแล้วเฝิงเยว่เอ๋อก็เฝ้ามองอันหลิงเกอนิ่ง ๆ ก่อนจมอยู่กับความคิดของตน
สตรีคนนี้เสียสละชีวิตเพื่อช่วยนาง มิว่าเพราะอันใดก็เหมือนว่าความรักที่อีกฝ่ายมีต่อมู่จวินฮานช่างบริสุทธิ์ยิ่งนัก
หากวันหนึ่งมู่จวินฮานจดจำอันหลิงเกอได้ ต้องไม่มีทางสนใจนางอีกเป็นแน่
เฝิงเยว่เอ๋อตระหนักได้ว่าเมื่อก่อนอันหลิงเกอและมู่จวินฮานคงรักกันมากเหลือเกิน
ทว่าบัดนี้มู่เหล่าหวางเฟยจะทำร้ายอันหลิงเกอ นางทนให้เป็นเช่นนั้นมิได้เพราะอันหลิงเกอช่วยนางเอาไว้ หากต้องพบกับความอยุติธรรมเช่นนั้น ภายในใจของนางก็ทนรับมิได้เช่นกัน
“ซูฉางเฟิงอยู่ที่ใดขอรับ ! ”
มู่จวินฮานเพิ่งเดินออกไปก็พบเข้ากับซูโจวพอดี
ตอนนี้มู่จวินฮานมิแน่ใจว่าซูโจวรู้เรื่องนี้ด้วยหรือไม่และตั้งใจที่จะหลอกตนด้วยหรือเปล่า