ตอนที่ 638 มีเพียงอันหลิงเกอ

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

ตอนที่ 638 มีเพียงอันหลิงเกอ

“ที่นี่มีเพียงอันหลิงเกอ”

เมื่อได้ยินคำตอบของมู่จวินฮานก็ทำให้ซูโจวถึงขั้นผงะไป เขารู้อันใดไปบ้าง ?

“ซูโจว เจ้าก็หลอกข้าด้วยหรือ เหตุใดเจ้าต้องร่วมมือกับสตรีผู้หนึ่งมาหลอกข้าด้วย ? เพียงเพื่อต้องการช่วยพระชายาจริงน่ะหรือ ? ”

มู่จวินฮานคิดมิออกเพราะพวกเขามิได้มีเจตนาร้าย อีกทั้งยังคอยช่วยเฝิงเยว่เอ๋อให้หายดี แต่เพราะไม่มีเจตนาร้ายตนจึงคิดมิออกว่าทำไม

มีผู้ใดบ้างที่จะทำร้ายตัวเองโดยมิหวังผลประโยชน์

“นางอยู่ที่ใดขอรับ ? ” ซูโจวมิได้สนใจคำถามของมู่จวินฮานเพราะเขากำลังจะบุกเข้าไป

“ที่นี่เป็นเรือนของพระชายา เจ้าจักเข้าไปหรือ ? ” ซูโจวจึงได้สติกลับมา เขาหุนหันพลันแล่นเกินไป

ตอนนี้แม้ว่ามู่จวินฮานรู้ตัวตนของอันหลิงเกอแล้ว ทว่าดูจากสถานการณ์ก็มิได้จะทำร้ายนาง

“มู่เหล่าหวางเฟยมาที่นี่หรือไม่ขอรับ ? ”

แม้ไม่เข้าใจว่าเหตุใดซูโจวจึงถามเช่นนี้ ทว่ามู่จวินฮานก็พยักหน้า

“ข้าน้อยจักพานางไป”

เมื่อได้ยินว่ามู่เหล่าหวางเฟยมาที่นี่แล้วซูโจวก็เตรียมพร้อมทันที หากมู่เหล่าหวางเฟยรู้ตัวตนของอันหลิงเกอแล้วต้องทำร้ายนางเป็นแน่ การที่นางอยู่ต่อย่อมมิปลอดภัย

“เจ้าคิดว่าข้าจะทำร้ายผู้มีพระคุณหรือ ? ”

มู่จวินฮานฟังออกว่าซูโจวมิวางใจจึงรู้สึกโมโหขึ้นมา

“ท่านอาจไม่ทำ แต่นางทำแน่ขอรับ”

แม้ซูโจวจะดูโมโหแต่ก็ยังพยายามรักษาความเคารพที่มีต่อมู่จวินฮานเอาไว้

“เช่นนั้นก็ตามใจเจ้าเถิด”

ในสายตาของมู่จวินฮานคือแม้อันหลิงเกอช่วยเฝิงเยว่เอ๋อไว้ ทว่าก็เป็นแค่คนแปลกหน้าที่มิได้สำคัญอันใด หากอยากจะพาตัวไปเขาเองก็มิได้เดือดร้อน

“แต่ซูโจว หากเจ้าไปแล้วก็อย่าได้กลับมาที่จวนนี้อีกเลย”

คำพูดประโยคนี้หลุดออกไปแล้วในใจของมู่จวินฮานรู้สึกเจ็บปวดและสับสนมิน้อย แต่เขาก็ต้องเอ่ย

ในเมื่อซูโจวหักหลังตน หลอกลวงตน มิว่าด้วยเหตุผลใดนี่ก็คือความจริงที่เกิดขึ้น ตนเป็นถึงท่านอ๋องและเป็นบุรุษคนหนึ่งจึงยากที่จะยอมรับได้

“ได้”

ซูโจวเองก็มิใช่นกในกรง ที่ผ่านมาเขามิได้อยากอยู่ในจวนนี้อยู่แล้ว หากมิใช่เพราะอันหลิงเกอขอร้องให้กลับมา เขาย่อมไม่มีทางมาที่นี่อีกแน่

เมื่อมู่จวินฮานกล่าวเช่นนี้ออกมาก็ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาถือว่าขาดสะบั้นลงเช่นกัน

หลังจากที่ซูโจวอุ้มอันหลิงเกอออกมา ขณะเดินผ่านมู่จวินฮานแล้ว เขาก็เอ่ยขึ้นว่า

“ท่านอ๋องมู่ สักวันหนึ่งท่านจะต้องเสียใจ” เมื่อกล่าวจบ เขาก็เดินจากไปโดยมิหันมามองอีกเลย

มิรู้ว่าเหตุใดมู่จวินฮานที่เดิมทีควรรู้สึกโกรธ แต่ยามที่ได้ยินคำว่าเสียใจจากซูโจวเมื่อครู่ ภายในใจกลับสั่นสะท้านเหมือนว่ากำลังรู้สึกเสียใจขึ้นมาจริง ๆ

“ท่านอ๋อง เหตุใดซูโจวต้องพาอันหลิงเกอไปด้วยเจ้าคะ ? ”

เฝิงเยว่เอ๋อรีบตามออกมา

“ไม่มีอันใด เมื่อมิใช่คนของจวนนี้ก็ให้พวกเขาไปเถิด”

เฝิงเยว่เอ๋อได้ยินประโยคนี้ก็รู้สึกสบายใจขึ้นมา

“ดีแล้วเจ้าค่ะ”

หลังกล่าวจบ เฝิงเยว่เอ๋อก็อิงแอบแนบซบที่ไหล่ของมู่จวินฮาน แม้การกระทำของอันหลิงเกอจะทำให้นางซาบซึ้งใจ แต่ก็มิสามารถขัดขวางความคิดที่อยากครอบครองหัวใจของมู่จวินฮานได้ นางมิอาจยอมเสียมู่จวินฮานไป

ดังนั้นจึงต้องให้อันหลิงเกอจากไปเท่านั้น

หลังจากที่ซูโจวพาอันหลิงเกอออกมาแล้วก็ไปอยู่ที่เรือนหลังเล็กซึ่งอันหลิงเกอได้เตรียมเอาไว้

“เด็กน้อย เจ้าตื่นแล้วหรือ”

ผ่านไปสามวัน ในที่สุดอันหลิงเกอก็ฟื้นขึ้นมา ร่างกายของนางอ่อนแอจนมิอาจทรงตัวได้

“ข้าอยู่ที่ใด ? ”

สมองของนางรู้สึกสับสนยิ่งนัก ภาพตรงหน้าดูพร่ามัวไปหมด

“ข้าพาเจ้ากลับมาที่เดิม”

อันหลิงเกอมิต้องเดาก็รู้ว่าหลังจากที่นางสลบไปคงเกิดเรื่องขึ้นแน่

“เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง ? ” ซูโจวลองตรวจชีพจรของนาง

“มิเป็นไร ข้าไม่ตายง่าย ๆ หรอก”

อันหลิงเกอดีใจอย่างยิ่งที่ยังฟื้นขึ้นมาได้ ครั้งนี้นางเสี่ยงอันตรายเกินไปจริง ๆ

แต่นางรู้ดีว่าพิษในร่างกายของเฝิงเยว่เอ๋อยังกำจัดมิหมด ต้องรอให้ผสานกับเลือดของตนก่อนจึงจะขจัดพิษทั้งหมดออกไปได้

กระนั้นพิษที่เหลืออยู่ก็ไม่ส่งผลต่อสุขภาพของอีกฝ่ายแล้ว ตัวนางก็ถือว่าได้ช่วยชีวิตคนไว้ได้เช่นกัน

“วันหน้า หากเจ้ายังพูดมิฟังและทำเรื่องมุทะลุเช่นนี้อีก ข้าจะมิสนใจเจ้าแล้ว”

ซูโจวพูดราวกับเป็นพี่ชายแท้ ๆ ของนางก็มิปาน ทำให้อันหลิงเกออดหัวเราะออกมามิได้

“เจ้าจะไม่สนใจข้าได้จริงหรือ ก็แค่ปากแข็งแต่ใจอ่อนเท่านั้นเอง”

ซูโจวมิอยากต่อปากต่อคำกับนางอีกจึงค่อย ๆ ประคองให้นางนอนลงอีกครั้ง

“เจ้าพักผ่อนให้มากเถิด บาดเจ็บครั้งนี้เกรงว่าใช้เวลาอย่างน้อยสิบถึงสิบห้าวัน เจ้าจึงจะหายดี”

อันหลิงเกอรู้ดีจึงพยักหน้าให้เขา ก่อนจะหลับตาลง

อันหลิงเกอเพิ่งออกจากจวนอ๋องมู่ ฟางหลิงซู่ก็ได้ทราบข่าวทันที เขาย่อมรู้ดีว่าเหตุใดอันหลิงเกอถึงออกจากจวนอ๋อง ดังนั้นจึงอดปวดใจมิได้

“ท่านพี่มิต้องกังวลไปหรอก ซูโจวผู้นั้นอยู่ข้างกายนาง เขาเองก็เป็นหมอเทวดาที่มีชื่อเสียงเจ้าค่ะ”

ได้ยินดังนั้น ฟางหลิงซู่จึงสงบสติได้บ้าง

“เจ้าช่วยนำสิ่งนี้ไปให้นางที”

นี่คือสมุนไพรหายากที่ช่วยฟื้นฟูร่างกายได้เป็นอย่างดี

“เหตุใดท่านจึงมิไปเองเจ้าคะ ? ”

ทั้งที่เป็นห่วงถึงเพียงนี้ เหตุใดจึงมิยอมไปด้วยตนเอง ?

“ข้ามิค่อยถูกชะตากับซูโจว และมิอยากให้นางต้องมาเห็นการทะเลาะในยามที่เจ็บหนักเช่นนี้”

หนานกงหลิงเยว่ได้ยินแล้วก็เดาะปากเบา ๆ พี่ชายกลายเป็นคนละเอียดอ่อน รู้จักเป็นห่วงเป็นใยคนอื่นตั้งแต่เมื่อไรs

“เอาล่ะ เจ้ารีบไปได้แล้ว”

เมื่อเห็นท่าทางของหนานกงหลิงเยว่แล้ว ฟางหลิงซู่ก็รู้ว่าคงกำลังนึกตำหนิอยู่ในใจเป็นแน่ เขามิได้สนใจว่าน้องสาวคิดอันใดอยู่ แค่เร่งให้รีบนำยาไปให้อันหลิงเกอเท่านั้น

ซึ่งตอนที่หนานกงหลิงเยว่นำยาไปส่งนั้นซูโจวก็รู้ได้ทันทีว่าฟางหลิงซู่เป็นคนสั่งมา

แต่ตอนนี้ฟางหลิงซู่ปรารถนาดีจริง ๆ เขาจึงมิได้ขวางเอาไว้

“ข้าขอเข้าไปดูนางหน่อยได้หรือไม่ ? ”

หนานกงหลิงเยว่รู้ว่าพี่ชายมิอยากล่วงเกินคนที่อยู่ข้างกายอันหลิงเกอในตอนนี้ นางจึงรู้สึกเกรงใจเขาไปด้วย

“นางตื่นอยู่ เจ้าเข้าไปเถิด ข้ากำลังจะออกไปซื้อผักพอดี”

ซูโจวรู้ว่าตอนนี้อันหลิงเกอต้องการคนอยู่เป็นเพื่อน ส่วนหนานกงหลิงเยว่เป็นห่วงอันหลิงเกอถึงเพียงนี้ก็ให้นางอยู่เป็นเพื่อนคงดีมิน้อย

“เจ้ามาแล้วหรือ” อันหลิงเกอยิ้มออกมาราวกับรู้อยู่แล้วว่าคนที่มาเยือนคือหนานกงหลิงเยว่

เมื่อเห็นรอยยิ้มของอีกฝ่ายแล้ว หนานกงหลิงเยว่ก็ยิ่งรู้สึกปวดใจ

“เจ้านี่นะ ทำไปเพราะเหตุใดกัน” นางมิเข้าใจเลยสักนิดว่าเหตุใดอันหลิงเกอต้องทำเช่นนี้ด้วย

ทั้งที่มิใช่คนสำคัญและในสายตาของนางก็เห็นว่าถ้าตายไปได้เสียยิ่งดี

“เจ้ามิเข้าใจหรอก”

อันหลิงเกอฝืนกายลุกขึ้นมา ตอนนี้มีซูโจวคอยดูแลจึงทำให้อาการของนางดีขึ้นมาก

“ท่านพี่ให้ข้านำยามาส่ง เมื่อครู่กำลังจะยื่นให้ซูโจวแต่เห็นเขากำลังออกไปข้างนอก ข้าจึงนำเข้ามาด้วย เจ้าทานสักหน่อยเถิด”

อันหลิงเกอมิได้ระวังตัวจากหอพิษกู่เพราะรู้ดีว่าพวกเขาไม่มีทางทำร้ายตนแน่นอน

นางจึงดื่มเข้าไปโดยมิลังเล

เพียงดื่มเข้าไปนางก็รับรู้ถึงสรรพคุณของยาทันที ยาที่ล้ำค่าเพียงนี้มิรู้ว่าราคาสูงขนาดไหน ฟางหลิงซู่ช่างใจกว้างเสียจริง

“ฝากขอบคุณแทนข้าด้วย”

อันหลิงเกอรู้ดีว่าเพราะเหตุใดฟางหลิงซู่ไม่มาด้วยตนเอง ดังนั้นจึงยิ่งรู้สึกขอบคุณเขามากขึ้นไปอีก

“เจ้าต้องรีบหายและแม้กลับไปที่นั่นไม่ได้ เจ้าก็มาอยู่ที่หอพิษกู่กับข้าเถิด”