บทที่ 349 ฟู่เซิ่งหนานโทรมา

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

ไม่ว่าอย่างไรฮวาอวี่เฟยก็เป็นยอดปีศาจที่ถูกโลกยุทธภพทั้งหมดต้องการตัวนั้น เรื่องความเหี้ยมโหดนั้นไม่ต้องพูดถึง เกรงว่าความตายของหลิวจื่อหยังยังไม่ทำให้เขาได้แสดงความโศกออกมาได้เท่าไหร่

อย่างแรกหลิวจื่อหยังไหว้เคารพครูมาเพียงไม่นาน เลยไม่ได้มีความรู้สึกด้วยมากมาย

อีกอย่าง ก็เป็นเขาที่เป็นคนโหดเหี้ยมอยู่แล้ว

การหนีตายราวสิบกว่าปีนั้นทำให้เขามองจิตคนออกไปเสียแล้ว ถือว่าอาจารย์และศิษย์นี้เขาสามารถแก้แค้นให้หลิวจื่อหยังได้ จะให้เขามาบีบน้ำตานั้น มันเป็นฝันลมแล้งๆ

“เจ้าแห่งตระกูลหยาง คุณวางใจเถอะ แม้จะบอกว่าศิษย์ของฉันตายแล้ว แต่ถึงอย่างไรฉันก็ยังอยู่ แต่สิ่งที่เขาตกลงเอาไว้กับคุณตั้งแต่แรกมันจะไม่เปลี่ยนไป”

“ครั้งนี้ที่คุณตั้งใจมา คงมีเรื่องอะไรที่อยากจะพูดคุยใช่ไหม?”

เมื่อกลุ่มคนของสำนักหวู่หันถอยจากไป ฮวาอวี่เฟยถึงได้มองไปทางหยางหย่งซินที่อยู่ข้างๆ พลางนั่งลงในโซฟาอย่างเกียจคร้าน เหมือนกับเมื่อครู่เป็นเรื่องเล็กๆ เท่านั้น เลยไม่ได้ใส่ใจอะไร

“ท่านฮวานี่ตาไวจริงๆ เลย”

เมื่อผ่านเรื่องราวเมื่อครู่มา คนที่น่าละอายสำหรับคนภายนอกอย่างหยางหย่งซินจะกล้าอยู่ได้อย่างไร เลยพูดด้วยความเคารพ “ที่ฉันมาครั้งนี้ มีเรื่องที่อยากจะคุยกับท่านฮวาจริงๆ”

“เมื่อกี้ได้รับข่าว เมื่อคืนเห็นทหารที่เฝ้าเหมืองหยกนั้นตาย ดังนั้นงานประมูลที่จะจัดในคืนนี้ เลยต้องเลื่อนเวลาไปเป็นคืนพรุ่งนี้”

“เลื่อนเวลาก็ดี พอดีว่าฉันก็อยากจะจัดการเรื่องภายในเหมือนกัน”

ฮวาอวี่เฟยยิ้มขึ้นอย่างมีเลศนัย

“นอกจากนี้ ฉันอยากจะปรึกษากับท่านฮวาตอนจัดงานประมูล เดี๋ยว……”

ในตอนนั้นเอง ที่ห้องรับแขกก็มีเสียงพูดคุยทุ้มต่ำทั้งสองฝ่าย ก่อนจะมีเสียงหัวเราะแทรกมาเป็นระยะๆ

……

ในห้องชุดในโรงแรมห้าดาวแห่งหนึ่งในจ๊กกลาง

“อะไรนะ?งานประมูลเปลี่ยนไปจัดพรุ่งนี้งั้นเหรอ?!”

เมื่อได้ยินการรายงานของบอดี้การ์ด ตู้เฉี่ยวเฉี่ยวก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที หว่างคิ้วนั้นก็มีความหงุดหงิดไม่เบา

เพราะเกาเหลียงนั้น ทำให้มาได้เพียงไม่นานเธอก็ใช้จ่ายไปเป็นร้อยล้านแล้ว แม้ว่าจะเป็นตู้เฉี่ยวเฉี่ยวที่แพ้มาจนชินแล้วก็ยังอดไม่ได้ที่จะที่จะปวดใจ จนอยากจะรีบกลับไปสักที

น่าตลก ที่เพียงไม่ถึงครึ่งเดือนก็ใช้จ่ายไปร้อยล้านแล้ว เงินมันไม่ได้หามาง่ายๆ คงไม่มีใครไม่เสียดาย

“ไปจัดพรุ่งนี้ก็ดี อาเล็กจะนั่งเครื่องบินมาวันนี้ ตอนแรกฉันกังวลว่าจะตามมาไม่ทัน แต่ตอนนี้ก็ไม่ต้องรีบแล้วล่ะ”

เกาเหลียงที่นั่งสบายอยู่บนโซฟาแกว่งไวน์ไปมา ก่อนจะยกมาขวางสายตาไว้ ด้วยท่าทีมีความสุข

หลังจากที่ทดสอบเย่เทียนในงานประมูลเครื่องปรุงยาแล้ว เขาที่รู้ว่าเย่เทียนนั้นไม่น่ามีเรื่องด้วยเลยรีบไปรายงานอาจารย์!

……

ไม่เพียงแค่ตระกูลหยาง และตู้ แต่ตระกูลอื่นๆ ที่เข้ามาร่วมงานประมูลเหมืองนี้ได้ต่างทยอยผูกมิตรกัน เพื่อเตรียมงานประมูลที่จะเกิดขึ้นเป็นครั้งสุดท้าย!

แน่นอน ทั้งหมดนั้นไม่ได้มายุ่งอะไรกับเย่เทียนมากมาย

แม้จะบอกว่าสามารถเป็นฝึกพลังขั้นหกธรรมดาแล้ว แต่เย่เทียนกลับไม่หยุดฝึกวิชา พลางเอาหินทิพย์ออกมาจากจิตใต้สำนึก แต่กลับพบว่า หินทิพย์นั้นได้ใช้ไปหมดแล้ว

“เร็วขนาดนั้นเลยเหรอ?”

เย่เทียนหยุดฝึกวิชาอย่างจนปัญญา ก่อนจะมองหินทิพย์สี่ก้อนที่ไม่มีชี่ทิพย์ตั้งนานแล้ว พลางอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวอย่างขมขื่น

การฝึกวิชาที่คุ้นกับสภาพแวดล้อมของโลกแล้ว การใช้มือถือหินทิพย์แบบนี้ สำหรับเย่เทียนนั้นเป็นเรื่องที่หรูหรา จะไม่อาลัยได้เหรอไง?

เมื่อรู้สึกได้ว่ามีชี่ทิพย์ในร่างมากกว่าเดิมสองเท่า เย่เทียนก็รีบบีบอัดรวมพลัง ก่อนจะหยุดการฝึกวิชาเอาไว้

จากนั้น เย่เทียนก็เด้งลุกขึ้นบนเตียง พลางลงมาอยู่บนพื้นอย่างนุ่มนวล ความปวดเมื่อยเมื่อวานก็หายไป กลายมาเป็นความมีชีวิตชีวาแทน

เพราะในห้องไม่มีห้องน้ำ เย่เทียนเลยต้องหอบเสื้อผ้าออกจากประตูไป พลางคิดว่าจะล้างหน้าล้างตาสักหน่อย

เย่เทียนเรียกตี๋ต้าจื้อ แต่กลับไม่มีใครตอบรับ พลางเห็นว่าโทรศัพท์ที่เป็นของเขานั้นวางทับกระดาษใบหนึ่งบนโต๊ะอยู่ ด้านข้างก็ยังมีกุญแจเป็นพวงด้วย

เนื้อหาในกระดาษนั้นง่ายมาก นั่นคือการที่เขาไปจัดการศพของงูพิษม่วง ในหม้อยังมีโจ๊กอยู่ ตอนไปอย่าลืมปิดประตู กุญแจวางไว้ในกระถางต้นไม้ก็พอ

เย่เทียนอดไม่ได้ที่จะหุบยิ้ม ก่อนจะถอนหายใจเล็กๆ ว่าการรับลูกน้องคนนี้มาไม่เลวเลย อย่างน้อยเรื่องเหล่านี้ก็ไม่ต้องให้ตัวเองเป็นคนจัดการ

ติ๊งๆ !

จังหวะเวลาพอดี แต่โทรศัพท์ของเย่เทียนกลับดังขึ้นมา

เย่เทียนกวาดตามอง เห็นว่าเป็นคุณยาย!

“ให้ตายเถอะ!นี่มันมากเกินไปหน่อยหรือเปล่าเนี่ย?”

เย่เทียนบ่นพึมพำ พลางคิดว่าจี้เยียนหรันแกล้งตัวเองตอนหมดสติไป ก่อนจะเอาโทรศัพท์มากดรับสาย

“ฮัลโหล คุณหยอกเล่นแรงเกินไปหรือเปล่า?”

“คุณไม่พอใจเหรอ?งั้นคุณก็มาหาฉันสิ!”

เพียงแต่ว่า เสียงที่ดังมานั้นกลับไม่ใช่เสียงของจี้เยียนหรัน แต่เป็นเสียงหญิงแปลกที่คุ้นเคย

“ที่แท้ก็เป็นคุณเองเหรอ?!”

เย่เทียนตกใจอึ้งไป ก่อนจะส่ายหัวอย่างจนปัญญา

คนที่โทรมานั้นคือฟู่เซิ่งหนานที่ไม่ได้เจอกันมานานเลยล่ะ!

เทคนิคการแฮคแบบนี้ การเปลี่ยนชื่อนั้นมันง่ายมากเลยล่ะ!

“มีเรื่องอะไรเหรอ?”

แม้จะพูดแบบนี้ เย่เทียนก็รีบปรับอารมณ์ หญิงคนนี้ไม่มีทางติดต่อมาถ้าไม่มีเรื่องอะไร การโทรมาในครั้งนี้คงจะต้องมีเรื่องอะไรแน่นอน

“ข่าวดี แล้วก็ข่าวร้าย อยากฟังอันไหนก่อน?”

“เอาข่าวดีแล้วกัน!”

เย่เทียนลากเก้าอี้มานั่งลง

“ข่าวดีก็คือตอนนี้ฉันสนใจคุณมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วล่ะ”

ฟู่เซิ่งหนานหัวเราะออกมา

“แล้วข่าวร้ายล่ะ?”

เย่เทียนส่ายหัวอย่างจนปัญญา ถ้าฟู่เซิ่งหนานอยู่ต่อหน้าในตอนนี้ล่ะก็ เขาคงจะกลอกตาใส่

“ทหารแก๊งS.P.Lเพิ่งจะบัญชาการให้ฆ่าคุณในระดับรุนแรงที่สุด ตอนนี้น่าจะกำลังเดินทางไปที่จีน พี่ใหญ่ของพวกเขาเองก็เดินทางไปด้วย”

“ก็เข้ามาสิ!”

เย่เทียนเบ้ปากด้วยแววตาสบายๆ มุมปากก็ยิ้มขึ้นอย่างโหดร้าย

“เฮ้ แม้ว่าจะไม่พูดถึงสมาชิกคนอื่นๆ ของแก๊งS.P.L พี่ใหญ่ของพวกเขาเองก็เป็นแดนนักบู๊ระดับดิน คุณไม่กลัวอะไรหน่อยเลยเหรอ?”

ฟู่เซิ่งหนานก็ขมวดคิ้วขึ้นเบาๆ

“นักบู๊ระดับดินก็นักบู๊ระดับดินสิ กล้าเข้ามาฉันก็จะฆ่าให้ตายเหมือนกัน!”

เย่เทียนไม่กลัวใจ จะไม่สนใจคำขู่นั้นได้อย่างไรกัน

ถ้าได้รับข่าวก่อนหน้านี้ไม่กี่ชั่วโมง เขาคงจะกังวล แต่ว่าตอนนี้เขาฝึกพลังชั้นหกธรรมดาได้แล้ว นักบู๊ระดับดินยังสามารถสู้ได้ง่ายๆ แล้วยังมีอะไรต้องกังวลอีก?

“หวังว่าความสามารถของคุณจะมีมากเหมือนความกล้านะ ฉันไม่อยากให้คุณตายเร็วขนาดนี้”

ฟู่เซิ่งหนานพูดทิ้งไว้ประโยคหนึ่ง ก่อนจะวางสายไปโดยที่ไม่รอให้เย่เทียนตอบอะไร

ในตอนนั้นเธอไม่ได้ว่าง แต่กำลังสืบข้อมูลของเย่เทียนอย่างละเอียด เพื่อเข้าใจข้อมูลทางสถิติของเย่เทียนสักหน่อย

แต่ทว่าท่าทีของเย่เทียนในตอนนี้กลับเกินความคาดหมายของเธอ เธอนั้นเป็นนักวางกลยุทธ์ ต้องรีบสืบให้ได้ว่าเย่เทียนมั่นใจขนาดนี้เพราะอะไรกันแน่!

“ให้ตายเถอะ!วางสายฉันไปอีกแล้ว!”

เมื่อได้ยินเสียง ‘ตู๊ดๆ’ ออกมา เย่เทียนก็อดไม่ได้ที่จะบ่นออกมาด้วยความไม่พอใจ……