บทที่ 732 : คฤหาสน์หลังใหม่!
หลิงหยุนลุกขึ้นไปยืนอยู่ด้านหน้าแผนที่ประเทศจีนซึ่งแขวนอยู่นผนังห้องเขายิ้มเล็กน้อยระหว่างที่ตอบไปอย่างมั่นใจ
“ที่จางเจียโข่ว!”
เพื่อให้สามารถสอบเอนทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัยได้หลิงหยุนจึงต้องอ่านหนังสือวิชาภูมิศาสตร์มามากมาย และนั่นทำให้เขาเข้าใจภูมิประเทศของจีนได้ดียิ่งขึ้น แต่หลิงหยุนก็ไม่ได้ตั้งใจอ่านเพียงเพื่อทำข้อสอบอย่างเดียวเท่านั้น เขาอ่านเพื่อที่ตนเองจะสามารถท่องเที่ยวไปตามสถานที่ต่างๆได้อย่างถูกต้อง
หลิงหยุนได้เรียนรู้ว่าในประเทศจีนนั้นมีสิ่งอัศจรรย์อยู่มากมายและการที่เขามาปักกิ่งในครั้งนี้ ก็ไม่ได้เพียงแค่ต้องการกลับเข้าตระกูลหลิง หรือเพียงแค่ต้องการมาช่วยหลิงเย่ว หลิงเสี่ยว กับเกาเฉินเฉินเท่านั้น แต่เขายังมีเรื่องสำคัญอีกมากมายที่ต้องทำ
หลิงหยุนเป็นถึงปรมาจารย์ด้านการวางค่ายกลเขาจึงมองออกว่าประเทศจีนนั้นเป็นดินแดนที่มีฮวงจุ้ยล้ำเลิศ และมีสถานที่ที่เปรียบเสมือนเส้นเลือดมังกรอยู่ด้วย
หลิงหยุนตั้งใจว่าเมื่อมาถึงปักกิ่งเขามีสถานที่ที่ต้องการไปสำรวจอยู่มากมายหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นกำแพงเมืองจีน พระราชวังต้องห้าม ภูเขา และแม่น้ำรอบๆเมือง
เมืองหลวงของประเทศจีนมีชื่อเรียกอีกอย่างว่าหยานจิงอยู่ทางเหนือติดกับภูเขาหยานซาน
หยานซานเป็นหนึ่งในภูเขาที่มีชื่อเสียงของจีนทอดตัวจากทางตะวันตกเชื่อมต่อกับภูเขาหยินซาน ในสายตาของผู้อื่น มันอาจจะเป็นเพียงแค่ภูเขาลูกหนึ่งเท่านั้น แต่สำหรับหลิงหยุนแล้ว มันเปรียบเหมือนเส้นเลือดดำของมังกรเลยทีเดียว!
และหลิงหยุนรู้ดีว่าตามสถานที่ที่เปรียบเสมือนเส้นเลือดมังกรนี้ย่อมมีสมบัติล้ำค่าซ่อนอยู่อย่างแน่นอน เพราะเขาเองก็ได้อ่านจากบันทึกที่ท่านป้าหลี่เป็นผู้มอบให้!
หลิงหยุนใช้เวลาศึกษาเรียนรู้อักษรจีนโบราณไปมากและเวลานี้เก็สามารถอ่านเขียนได้ จึงล่วงรู้ข้อมูลที่บันทึกเกี่ยวกับสุสานบาณ และรู้ว่าสุสานส่วนใหญ่ถูกฝังอยู่ในบริเวณภูเขาหยานซานแห่งนี้!
ด้วยอุปนิสัยของหลิงหยุนมีหรือที่เขาจะไม่เข้าไปสถานที่ที่มีของวิเศษมากมายเช่นนี้ และนี่คือเหตุผลที่เขาศึกษาภูมิศาสตร์มาอย่างละเอียด
ตอนนี้อาจพูดได้ว่าหลิงหยุนท่องแผนที่ประเทศจีนได้อย่างแม่นยำและแทบจะเดาได้ว่าสมบัติล้ำค่านั้นซ่อนอยู่ที่ใดบ้าง หลิงหยุนต้องการที่จะออกไปสำรวจสุสานอย่างมากแล้ว!
ในเมื่อใต้ภูเขาหยานซานนั้นมีสุสานขนาดใหญ่ใต้ภูเขาหยินซานก็น่าจะมีเช่นกัน และเมืองจางเจียโข่วที่หลิงหยุนพูดถึงก็อยู่ทางปลายเขาด้านตะวันออกของเขาหยินซาน!
นอกเหนือจากนั้นยังมีสถานที่สำคัญๆอีกแห่งซึ่งอยู่ระหว่างเมืองจางเจียโข่วกับปักกิ่ง แม้มันจะเป็นเมืองเล็กๆ แต่หลิงหยุนก็ได้ตั้งใจไว้แล้วว่าจะต้องไปที่นั่นให้ได้!
และที่สำคัญมันอยู่ห่างจากปักกิ่งไปเพียงแค่สองร้อยกิโลเมตรเท่านั้นหากขับรถด้วยความเร็วสูงก็ใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งชั่วโมงเท่านั้น นับว่าสะดวกสบายมาก และหากไม่ขับรถ หลิงหยุนก็สามารถใช้วิชาเคลื่อนที่ของตนเองเดินทางไปที่นั่นได้ในเวลาอันรวดเร็ว
เมืองจางเจียโข่วเองก็อยู่ห่างจากเมืองต้าถงซึ่งเป็นแหล่งที่มีถ่านหินอุดมสมบูรณ์ไปไม่ถึงสองร้อยกิโลเมตรและการขนส่งถ่านหินก็สามารถทำได้อย่างสะดวกสบาย แล้วเหตุใดหลิงหยุนจึงจะไม่เลือกเมืองนี้เล่า!
หลิงหยุนยืนนิ่งอยู่หน้าแผนที่ประเทศจีนบุคลิกท่าทางของเขานั้นช่างสง่างาม ทำให้ทุกคนถึงกับนิ่งอึ้งไป..
และนี่คือเสน่ห์อย่างหนึ่งของหลิงงหยุนไม่ว่าเขาจะปรากฏตัวที่ใด ก็มักจะกลายเป็นจุดสนใจของทุกคน ร่างกายของหลิงหยุนจึงมีลักษณะคล้ายแม่เหล็กขนาดใหญ่ที่สามารถดึงดูดสายตาของผู้คนรอบๆได้เป็นอย่างดี!
ไม่ว่าจะเป็นบุคลิกลักษณะท่าทาง หรือว่าใบหน้า ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เสริมให้หลิงหยุนดูดีมากยิ่งขึ้น!
แต่จู่ๆหลิงซิ่วก็ยิ้มออกมาและพูดแทรกขึ้นมาว่า “เจ้าเด็กตัวแสบนี่เลือกสถานที่ได้ดีทีเดียว ที่นั่นเป็นเมืองที่การจราจรไม่ติดขัด หากขับรถด้วยความเร็วสูง ก็ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงด้วยซ้ำไป..”
หลิงหยุนยิ้มพร้อมตอบกลับไปว่า“พี่หลิงซิ่ว.. ข้าเองก็เพิ่งรู้ว่าเมืองนี้อยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวง แล้วการเดินทางก็สะดวกสบาย..”
ในเมื่อมีหลิงเจิ้นอยู่ด้วยหลิงหยุนเองก็ไม่ต้องการเผยจุดประสงค์ที่แท้จริงของตนเองออกมาเช่นกัน..
หลิงลี่จ้องมองหลิงหยุนอยู่นานก่อนจะยิ้มและพูดออกไปว่า “เมืองจางเจียโข่วนับว่าเป็นทำเลที่ดีเยี่ยม!”
จากนั้นหลิงลี่ก็กวาดตามองสำรวจทุกคนที่อยู่ในห้องก่อนจะถามหลิงหยุนต่อว่า “หลิงหยุน.. เจ้ายังมีเรื่องอื่นอีกหรือไม่”
หลิงหยุนก้มศรีษะนิ่งอยู่ครู่ใหญ่และจู่ๆก็เงยหน้าขึ้นพร้อมกับพูดออกไปว่า “ท่านปู่.. ข้าต้องการหาทำเลในปักกิ่งเพื่อใช้สร้างคฤหาสน์ตระกูลหลิงหลังใหม่ โดยใช้งบประมาณของตัวเอง!”
“แต่เรื่องนี้ยังเป็นโครงการระยะยาวของข้าคงต้องใช้เวลาอีกราวสามถึงห้าปี และใช้เงินจำนวนมหาศาล ข้าจึงอยากจะขออนุญาตท่านปู่ไว้ก่อนว่าเงินทุนสำหรับก่อสร้างจะเป็นเงินของข้าเอง!”
ทุกคนในห้องได้ฟังก็ถึงกับตกตะลึงอีกครั้งและแม้แต่หลิงลี่เองก็ตกใจไม่น้อย และได้แต่คิดในใจว่าบ้านบรรพบุรุษตระกูลหลิงทั้งเก้าชั้นนี้ก็ใหญ่โตมโหฬารมากแล้ว ยังไม่เพียงพอให้เจ้าอยู่อีกงั้นรึ
หลิงเจิ้นนั้นรู้สึกไม่พอใจตั้งแต่ที่หลิงหยุนปรากฏตัวเพราะไม่เพียงหลิงหยุนจะเป็นที่รักของทุกคน แต่คืนนี้เขายังพล่ามเรื่องโครงการใหญ่โตมากมาย โดยไม่สนใจความคิดเห็นของเขาเลยแม้แต่น้อย ตำแหน่งผู้นำตระกูลหลิงของเขาแทบไม่มีความหมายอะไร
“อะแฮ่ม..”หลิงเจิ้นกระแอมแล้วจึงพูดต่อว่า
“หลานสี่..การสร้างคฤหาสน์ตระกูลหลิงนั้นดูเหมือนจะเป็นโครงการใหญ่โต เจ้าเพิ่งจะกลับเข้าบ้านตระกูลหลิง สำหรับเรื่องนี้ข้าจะค่อยๆคุยกับเจ้าวันหลัง รอให้ช่วยพ่อเจ้าออกมาให้ได้ก่อน และหลังจากที่ตระกูลของเรามั่นคงปลอดภัยดีแล้ว พวกเราค่อยพูดเรื่องสร้างคฤหาสน์ตระกูลหลิง เจ้าเห็นว่ายังไง”
หลังจากที่หลิงเจิ้นพูดขึ้นมาทุกคนต่างก็หันไปมองหลิงหยุน และรู้สึกว่าคำพูดของหลิงเจิ้นนั้นมีเหตุมีผลมากทีเดียว
หลิงหยุนครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะหัวเราะออกมาและตอบกลับไปว่า “ขอบคุณลุงใหญ่ที่เตือนสติข้า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่โตจริงๆ ถ้าเช่นนั้นก็รอให้ท่านปู่ใคร่ครวญก่อน แล้วค่อยพูดเรื่องนี้กันใหม่อีกครั้ง!”
เรื่องสุดท้ายที่หลิงหยุนพูดไปนั้นเขายังไม่คิดที่จะเอาจริงเอาจังอะไรในตอนนี้ เขาเพียงแค่เกริ่นให้ทุกคนได้รู้ล่วงหน้าก่อนเท่านั้นเอง
แต่เมื่อถึงเวลาหากเขาต้องการจะสร้างคฤหาสน์ตระกูลหลิง ใครก็ห้ามเขาไม่ได้อย่างแน่นอน!
หลิงหยุนเห็นตัวอย่างมาจากคฤหาสน์ตระกูลเฉินที่เป็นสัดเป็นส่วนและมีความเป็นส่วนตัวสูง
จากนั้นหลิงเย่วก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับพูดขึ้นว่า“ท่านพ่อ.. ข้าว่าคืนนี้ตระกูลเฉินคงไม่ส่งคนบุกมาอีกแล้วล่ะ! เวลานี้ก็ดึกมากแล้ว หากไม่มีอะไร พวกเราก็แยกย้ายดีหรือไม่”
หลิงลี่เสริมขึ้นทันทีและโบกมือขึ้นบอกกับทุกคน“เอาล่ะ.. นี่ก็ดึกมากแล้วจริงๆด้วย เรื่องอื่นไว้ค่อยคุยกันใหม่พรุ่งนี้ก็แล้วกัน พวกเจ้าทุกคนกลับไปพักผ่อนกันได้แล้ว ส่วนหลิงหยุนกับเหล่ากุ่ยอยู่ที่นี่ก่อน!”
หลิงเย่วยิ้มให้หลิงหยุนพร้อมกับพูดขึ้นว่า“หลานสี่.. ลุงสองอยู่ที่สวนชั้นที่สองของบ้านหลังนี้ หากเจ้ามีธุระก็สามารถไปหาข้าได้ตลอดเวลา..”
ที่สวนชั้นที่หนึ่งของบ้านตระกูลหลิงนั้นเป็นที่อยู่สำหรับทายาทหนุ่มสาว สวนชั้นที่สองก็เป็นที่อยู่ของหลิงเย่ว สวนชั้นที่สามนั้นเคยเป็นที่อยู่ของหลิงเสี่ยว และสวนชั้นที่สี่ก็เคยเป็นที่อยู่ของหลิงเจิ้น แต่เพราะหลิงเสี่ยวนั้นจมอยู่กับความทุกข์ หลิงลี่จึงได้ให้แลกเปลี่ยนกับหลิงเจิ้น
ส่วนสวนชั้นที่ห้ากับหกนั้นก็ปล่อยทิ้งไว้ไม่มีผู้ใดอาศัยอยู่ มีเพียงคนเข้ามาทำความสะอาดเป็นครั้งคราวเท่านั้น
สวนชั้นที่เจ็ดและแปดนั้นก็เป็นที่ที่เหล่านักรบตระกูลหลิงเคยอาศัยอยู่..
และนั่นคือเหตุผลว่าเหตุใดนินจาทั้งสามสิบหกคนจึงสามารถเข้ามายังสวนชั้นที่ห้าได้อย่างง่ายดาย..
“ขอบคุณลุงสอง..ข้าต้องไปรบกวนท่านแน่!” หลิงหยุนตอบกลับอย่างอารมณ์ดี
หลิงเจิ้นก็ไม่ได้แสดงท่าทีเย็นชากับหลิงหยุนเขาหัวเราะและพูดจากับหลิงหยุนเล็กน้อยก่อนจะขอตัวกลับ
หลิงเจิ้นและหลิงเย่วกลับไปแล้วภายในห้องจึงเหลือเพียงหลิงซิ่ว หลิงหย่ง หลิงเฟิง และหลิงเลี่วย และทั้งหมดต่างก็นั่งยิ้มจนเห็นฟันขาว ดูเหมือนไม่มีใครต้องการที่จะกลับไปแม้ว่าจะเป็นเวลาตีสองแล้ว พวกเขาเห็นหลิงหยุนเป็นราวกับเทพจึงต้องการตามติดหลิงหยุนเช่นนี้
“เหตุใดพวกเจ้าทั้งสี่คนยังอยู่ที่นี่อีก”
หลิงลี่จ้องมองหลานทั้งสี่คนด้วยความรำคานเล็กน้อยและคิดว่าพวกเขาควรจะปล่อยให้ตนเองกับหลิงหยุนอยู่กันตามลำพังได้แล้ว
“ท่านปู่..พวกเรายังอยากคุยกับน้องสี่ต่อ” หลิงซิ่วเกาะแขนหลิงลี่พร้อมกับออดอ้อน
แต่กลับไม่ได้ผลหลิงลี่ขมวดคิ้วพร้อมตอบกลับไปว่า “ปู่รู้ว่าพวกเจ้ายังอยากพูดคุยกับหลิงหยุนต่อ แต่นี่ดึกมากแล้ว!”
“เอาเป็นว่ารออีกสักสองสามวันให้ปู่จัดการเรื่องตระกูลหลิงให้เรียบร้อยก่อน จากนั้นพวกเจ้าทั้งสี่ก็พาหลิงหยุนไปช้อปปิ้ง อยากจะซื้อะไรก็ซื้อ แล้วคิดเงินในบัญชีของปู่ก็แล้วกัน ตกลงนะ!”
ในที่สุดหลิงลี่ก็ต้องหากลอุบายเพื่อให้ได้พูดคุยกับหลิงหยุนตามลำพังและดูเหมือนว่าปู่ที่รักหลานมากๆคงต้องมีกลอุบายเช่นนี้กันแทบทุกคน
แต่ดูเหมือนหลิงซิ่วจะได้รับการเลี้ยงดูมาอย่างตามอกตามใจมากกว่าใครๆนางจึงยังคงดื้อดึงไม่ยอมกลับ
หลิงหยุนเห็นว่าหลิงซิ่วคงไม่ยอมกลับอย่างแน่นอนและหากหลิงซิ่วไม่กลับ ที่เหลือก็คงไม่กลับเช่นกัน เขาจึงหันไปพูดกับหลิงซิ่วว่า
“พี่หลิงซิ่ว..ข้ามีของขวัญมามอบให้ท่านด้วย”
“จริงเหรอ!”
หลิงซิ่วได้ยินก็ถึงกับตาโต และรีบร้องถามออกมาทัน นางรีบปล่อยมือที่เกาะแขนหลิงลี่ และหันไปทางหลิงหยุน
หลิงหยุนจับมือของหลิงซิ่วแบออกจากนั้นจึงเรียกชุดเครื่องประดับที่ทำจากหยกจักรพรรดิทั้งสี่ชิ้นออกมาวางไว้บนฝ่ามือของนาง
หยกจักรพรรดิสีเขียวสดใสเปล่งประกายไปทั่วทั้งห้องหลิงซิ่วตื่นเต้นตกใจสุดขีด ปากของนางอ้ากว้างและร่างกายสั่นเทิ้มด้วยความดีใจ!