บทที่ 733 : หนึ่งในสิบสาวงามแห่งปักกิ่ง!
“น้องสี่..นี่เจ้าให้ข้าจริงๆเหรอ! ของขวัญชิ้นนี้ล้ำค่าเกินไป ข้า.. ข้าไม่กล้ารับไว้หรอก”
แม้ว่าหลิงซิ่วจะเป็นหลานสาวคนโตของตระกูลหลิงก็จริงแต่เพราะตระกูลหลิงตกต่ำมานานหลายปี นางจึงไม่ได้ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยดังเช่นหญิงสาวตระกูลอื่น หลิงเย่วเองก็ค่อนข้างเข้มงวดกับลูกๆมาก และไม่ยอมให้ลูกๆของเขาใช้จ่ายเงินทองอย่างฟุ่มเฟือย ดังนั้นหากเปรียบเทียบหลิงซิ่วกับหญิงสาวตระกูลใหญ่อื่นๆแล้ว นางก็นับว่าซอมซ่อที่สุดแล้ว!
แม้แต่เครื่องเพชรธรรมดาๆหลิงซิ่วยังไม่มีเลยจึงแทบไม่ต้องพูดถึงหยกจักรพรรดิทั้งสี่ชิ้นที่มีมูลค่ากว่าสองร้อยล้าน อย่าว่าแต่หลิงซิ่วจะไม่สามารถซื้อหามาเองได้เลย แม้แต่คนในตระกูลหลิงก็คงไม่มีใครซื้อให้นางแน่!
แต่การที่นางไม่ซื้อก็ไม่ได้หมายความว่านางไม่ชอบหรือไม่สนใจเวลานี้เศรษฐกิจของประเทศจีนเข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งทั่วโลก็ยังนิยมสะสมเครื่องประดับอย่างเช่นหยกเป็นต้น และเพื่อนสนิทของหลิงซิ่วหลายๆคนก็มีทั้งเครื่องประดับราคาแพง และรถหรูหรามากมาย
เมื่อหลิงหยุนหยิบชุดเครื่องประดับที่ทำจากหยกจักรพรรดิทั้งสี่ชิ้นมาวางไว้บนฝ่ามือของหลิงซิ่วเช่นนี้มีหรือที่นางจะไม่ตกอกตกใจ!
ไม่เพียงหลิงซิ่วเท่านั้นที่ตกใจแม้แต่หลิงหย่ง หลิงเฟิง และหลิงเลี่วยต่างก็ตกใจไม่น้อยเช่นกัน ทุกคนได้แต่แอบคิดในใจว่านายน้อยอันดับสี่แห่งตระกูลหลิงนั้นราวกับเป็นเทพก็ไม่ปาน เพราะเด็กหนุ่มผู้นี้สามารถสร้างความตกตะลึงให้กับทุกคนได้อย่างไม่หยุดไม่หย่อนเลยทีเดียว!
“นี่พี่หลิงซิ่ว..ถ้าเจ้าไม่อยากได้ ข้าก็จะเก็บคืนแล้วนะ!” หลิงหยุนหัวเราะ และพยายามจะดึงกลับเครื่องประดับกลับคืนมา
แต่หลิงซิ่วก็รีบเอื้อมมือสวยงามอีกข้างมาคว้าไว้ทันทีและตอบกลับไปว่า “เจ้ามอบให้ข้าแล้ว หากกล้าเอากลับคืนก็ลองดู!”
ไม่ใช่ว่าหลิงซิ่วจะเป็นคนโลภมากอยากได้ของผู้อื่นแต่เพราะนางได้ยอมรับโดยสนิทใจแล้วว่าหลิงหยุนเป็นน้องชายของตนเอง นางจึงปฏิบัติต่อหลิงหยุนไม่ต่างจากหลิงเฟิง และหลิงเลี่วย
หลิงหยุนตอบกลับไปยิ้มๆ“พี่หลิงซิ่ว.. วันนี้ข้ารีบร้อนเดินทางมาที่นี่ จึงไม่มีเวลาเตรียมของขวัญให้เจ้า ไว้วันหน้าข้าจะเตรียมของขวัญที่ดีกว่านี้มาให้ รับรองว่าเจ้าต้องชอบมากกว่านี้แน่ๆ!”
หลิงหยุนยังมีหินล้ำค่าทั้งห้าสี– ม่วง ขาว แดง เหลือง และดำ หากนำมาแกะสลักเป็นเครื่องประดับ เชื่อว่าจะต้องสวยงามเหมาะกับหลิงซิ่วอย่างมากเลยทีเดียว หากนางได้สวมใส่คงจะต้องสร้างความตกตะลึงให้แก่ผู้พบเห็นได้อย่างแน่นอน!
หลิงหยุนหันกลับไปมองชายหนุ่มทั้งสามคนพร้อมกับหยอกล้อว่า“พวกเจ้าไม่ต้องไปมองเครื่องประดับพวกนั้นเลย นั่นไม่ใช่ของพวกเจ้า แต่..”
หลิงหยุนจงใจพูดค้างไว้แค่นั้นชายหนุ่มทั้งสามต่างก็ตั้งหน้าตั้งตารอคอยให้หลิงหยุนพูดต่อให้จบ..
“แต่ข้ามีรถหรูและกระบี่น้ำดีมาให้พวกเจ้าแทน แล้วข้าจะนำมามอบเป็นของขวัญให้กับพวกเจ้า!”
“น้องสี่..เจ้าช่างเป็นน้องชายที่ดีจริงๆ!”
“น้องสี่..ข้าอยากได้กระบี่น้ำดีสักเล่ม เอาแบบที่ตัดเหล็กได้ เจ้าต้องหาซื้อให้ข้าด้วยนะ!”
และสำหรับหลิงเฟิงนั้นก็ไม่มีของขวัญอะไรที่จะดีไปกว่ากระบี่น้ำดีสักเล่ม..
เรื่องนี้ง่ายดายสำหรับหลิงหยุนมากเขาไม่จำเป็นต้องไปหาซื้อ เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่เขาสามารถเล่นแร่แปรธาตุได้ เขาก็จะสามารถตีกระบี่น้ำดีให้หลิงเฟิงสักเล่มได้อย่างแน่นอน
“พี่สี่..ข้าไม่อยากได้อะไร แต่ข้าอยากเรียนวรยุทธกับท่าน พี่สี่.. ท่านต้องสอนวรยุทธให้ข้าด้วยนะ!”
หลิงเลี่วยนั้นนับว่าเฉลียวฉลาดที่สุดแม้ว่าเขาจะอายุน้อยที่สุด แต่กลับเข้าใจดีกว่าคนอื่นๆว่าการให้ที่ดีที่สุดนั้น ก็คือการสอนให้คนผู้นั้นรู้จักตกปลากินเอง
หลิงลี่จ้องมองห้าพี่น้องพูดคุยกันด้วยความตื่นเต้นดีใจเขาขมวดคิ้วและทำเสียงตำหนิ
“พวกเจ้านี่จริงๆเลยเพิ่งจะได้พบกับหลิงหยุนวันแรก พวกเจ้าก็ขอโน่นขอนี่จากเขา ทำให้ปู่อับอายจริงๆ!”
แน่นอนว่าหลิงลี่ไม่ได้โกรธจริงๆชายชราเห็นห้าพี่ต้องต่างก็เข้ากันได้ดีเช่นนี้ ความจริงแล้วรู้สึกมีความสุขอย่างมาก
แต่ก็แอบกังวลใจอยู่ลึกๆเพราะได้ตามตัวหลิงซวี่กลับมาแล้ว อีกทั้งยังรู้สึกผิดหวังในตัวหลิงห่าวอย่างมาก
หลิงหยุนและหลิงซวี่นั้นเป็นพี่น้องต่างมารดาเวลานี้หลิงเสี่ยวเองก็หายตัวไป และหลิงหยุนเองก็เพิ่งจะกลับเข้าตระกูล หลิงลี่จึงไม่มั่นใจว่าสองพี่น้องจะมีปัญหากันหรือไม่!
และสิ่งที่หลิงซวี่กังวลอย่างมากก็คือนิสัยที่ดื้อดึงของหลิงซวี่หลิงเสี่ยวนั้นไม่เคยรักใคร่ในตัวแม่ของหลิงซวี่เลย ในใจของเขามีแต่ธิดาพรรคมารซึ่งเป็นแม่ของหลิงหยุนเท่านั้น อีกทั้งหลิงซวี่เองก็เป็นเด็กสาวที่มั่นใจตัวเองมาโดยตลอด อายุเพียงแค่สิบหกปี นางก็ขอไปทำงานให้กับกลุ่มนภา
เวลานี้หลิงหยุนซึ่งเป็นลูกชายของหลิงเสี่ยวกับธิดาพรรคมารกลับเข้าตระกูลหลิงหากหลิงซวี่ได้พบกับหลิงหยุนเข้า ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง!
และหลิงลี่เองก็สงสารลูกชายและลูกสาวของหลิงเสี่ยวทั้งสองคนอย่างมาก!
‘ไม่รู้ว่าจะเกิดปัญหาอะไรตามมาหรือไม่’หลิงลี่ได้แต่ครุ่นคิด และเป็นกังวลอยู่เงียบๆ
วันนี้นับว่าหลิงหยุนได้แสดงความีน้ำใจต่อคนตระกูลหลิงอย่างมากและรับปากพี่น้องของเขาทุกคนว่าจะนำของขวัญมาให้ และรับปากที่จะสอนวรยุทธให้กับหลิงเลี่วยอีกด้วย
แต่ดูเหมือนผู้ที่มีความสุขที่สุดจะเป็นหลิงซิ่วและก่อนที่จะกลับไปนางก็ได้หันมาบอกหลิงหยุนว่า
“นี่เจ้าเด็กตัวแสบ..ข้าจะบอกอะไรให้ พี่สาวของเจ้าคนนี้เป็นถึงหนึ่งในสิบสาวงามของปักกิ่งเชียวนะ!”
หลิงหยุนถึงกับพูดไม่ออกและได้แต่อุทานออกไปอย่างประหลาดใจ “พี่หลิงซิ่ว.. นี่ท่านติดหนึ่งในสิบสาวงามเชียวรึ”
หลิงซิ่วหัวเราะคิกคักแต่ไม่ตอบหลิงเลี่วยจึงเป็นผู้พูดขึ้นเอง “พี่สี่.. น้องหลิงซวี่ก็ติดหนึ่งในห้า!”
หลิงหยุนนึกถึงใบหน้าและรูปร่างที่งดงามของหลิงซวี่ขึ้นมาทันทีจึงได้แต่แอบยิ้มมุมปากออกมาอย่างอบอุ่น
หลิงซิ่วหลิงหย่ง หลิงเฟิง และหลิงเลี่วย ต่างก็ขอตัวกลับ เหลือเพียงหลิงหยุน หลิงลี่ และเหล่ากุ่ยอยู่ในบ้านตามลำพัง
ทันทีที่ทุกคนออกไปแล้วหลิงลี่ก็เดินนำหลิงหยุนไปนั่งที่โซฟา ชายชราจ้องมองใบหน้าของหลิงหยุนด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความรักและเมตตาพร้อมกับพูดออกไปว่า
“หลานรัก..ขอปู่มองหน้าเจ้าให้ชัดๆอีกสักครั้ง!”
แม้ว่าจะเป็นเวลาตีสองครึ่งแต่ทั้งสามคนที่อยู่ในห้องล้วนเป็นยอดฝีมือ พวกเขาจึงไม่มีทีท่าว่าจะง่วงนอนเลยแม้แต่น้อย
หลิงลี่ถามไถ่ชีวิตที่ผ่านมาของหลิงหยุนตลอดสิบแปดปีและท้ายที่สุดก็รู้ว่าหลานชายสุดที่รักของตนเองนั้นไม่ใช่หนุ่มบริสุทธิ์ผุดผ่องแล้ว
หลิงหยุนสัมผัสได้ถึงความรักความเมตตาที่ท่านปู่มอบให้กับเขาเขาจึงได้แต่วางภาระในใจที่หนักอึ้งไว้ชั่วคราว และตอบคำถามของหลิงลี่อย่างตรงไปตรงมา ทั้งคู่พูดคุยสนทนากันจนถึงตีห้า และในที่สุดก็วกเข้ามาคุยเรื่องสำคัญต่อ
“หลิงหยุน..เรื่องคฤหาสน์ตระกูลหลิงที่เจ้าต้องการสร้างนั้น เจ้าอย่าไปสนใจคำพูดของลุงใหญ่ เรื่องเงินข้าจะสนับสนุนเจ้าเอง!”
“ท่านปู่..ข้าไม่ต้องการเงินของตระกูลหลิง และตั้งแต่วันนี้ไป.. ตระกูลหลิงจะไม่ขาดแคลนเงินทองอีก ต่อไปในวันข้างหน้า ท่านปู่ไม่ต้องกังวลใจเรื่องเงินทองอีกแล้ว!”
หลิงหยุนไม่ได้พูดล้อเล่นเขาเป็นถึงหมออมตะ เขาสามารถปลุกเสกยันต์และปรุงยาได้ ทั้งหมดนี้หลิงหยุนเชื่อมั่นว่าจะสามารถทำเงินให้เขาได้อย่างมากมายแน่นอน!
นอกเหนือจากนี้หลิงหยุนเองก็ยังมีบริวารที่จงรักภักดีอย่างแวมไพร์ทั้งสี่ตน อีกทั้งเพียร์ซกับจอยซ์นั้นก็มีเงินทองมากกว่าพอลและเจสเตอร์หลายเท่านัก เงินของพวกมันทั้งสี่รวมกัน สามารถซื้อทีมบาสเก็ตบอลได้ถึงสี่หรือห้าทีมเลยทีเดียว และแต่ละทีมก็มีมูลค่าไม่ต่ำกว่าร้อยล้านเหรียญสหรัฐ เรื่องเงินจึงไปไม่ใช่เรื่องใหญ่โตสำหรับหลิงหยุน
หลิงหยุนได้ย้ำให้หลิงลี่มั่นใจถึงความจงรักภักดีของแวมไพร์ทั้งสี่ตนเพื่อให้หลิงลี่สบายใจว่าพวกมันจะไม่สร้างปัญหาให้กับตระกูลหลิง และจะเชื่อฟังคำสั่งของหลิงลี่ อีกทั้งยังจะทำหน้าที่ดูแลปกป้องตระกูลหลิงอีกด้วย!
“ปู่เข้าใจ..แต่การมีแวมไพร์อยู่ในบ้านนั้น หากตระกูลหลงและกลุ่มนภารู้เข้า คงจะมีปัญหาไม่น้อยแน่..” หลิงลี่รู้สึกกังวลใจ
แต่หลิงหยุนตอบกลับอย่างมั่นใจ“ท่านปู่อย่าได้กังวลใจในเรื่องนี้ เฉินเจี้ยนกุ่ยเองก็เป็นแวมไพร์เช่นกัน อีกทั้งมันยังพาแวมไพร์กลับมาด้วยตั้งยี่สิบกว่าตน ข้าไม่เห็นว่าตระกูลหลงหรือกลุ่มนภาจะใส่ใจในเรื่องนี้.. แล้วเหตุใดพวกเขาจะมาสนใจแวมไพร์แค่สี่ตนนี้ด้วยเล่า หากพวกเขาใส่ใจ ก็นับว่าไร้เหตุผลสิ้นดี!”
หลิงหยุนพูดต่อว่า“ท่านปู่.. แวมไพร์ทั้งสี่ตนนี้แข็งแกร่งพอที่จะปกป้องตระกูลหลิงได้ หากไม่มีเรื่องก็อย่าให้พวกมันแสดงตัวเท่านั้นเอง”
หลิงหยุนหว่านล้อมจนหลิงลี่ต้องยอมพยักหน้าอนุญาต“เอาล่ะ.. ถ้าเช่นนั้นก็ทำตามที่เจ้าบอกก็แล้วกัน!”
“ท่านปู่..เรื่องของตระกูลเกา พวกเราจะทำเช่นไรดี”
เมื่อพูดถึงเรื่องแวมไพร์หลิงหยุนก็อดที่จะถามถึงเรื่องของตระกูลเกาขึ้นมาไม่ได้