บทที่ 734 : เจ็ดตระกูลใหญ่!

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

บทที่ 734 : เจ็ดตระกูลใหญ่!

 

เมื่อพูดถึงเรื่องของตระกูลเกาหลิงลี่ถึงกับถอนหายใจยาว แววตาของเขาเปลี่ยนเป็นโศกเศร้า และนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่

 

เห็นได้ชัดว่าโศกนาฏกรรมของตระกูลเกานั้นได้ทำให้ชายชราหวนนึกถึงเรื่องของตระกูลหลิงเมื่อสิบแปดปีที่แล้ว

 

หลังจากนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่หลิงลี่ก็ถึงกับส่ายหน้าพร้อมกับพึมพำออกมาว่า “ไม่น่าเชื่อจริงๆ เฒ่าเกาจิ้นสงระมัดระวังตัวมาตลอด แต่ก็ต้องพบกับหายนะด้วยน้ำมือของคนในครอบครัวแท้ๆ”

 

“ห๊ะ..อะไรนะ!”

 

หลิงหยุนได้ฟังถึงกับร้องอุทานออกมาอย่างตกใจและเพิ่งจะนึกขึ้นมาได้ว่าเกาเฉินเฉินเคยเล่าให้เขาฟังว่าเฉินเจี้ยนกุ่ยนั้นเป็นญาติห่างๆของเธอเอง

 

หลิงลี่หันไปมองหลิงหยุนพร้อมกับอธิบายต่อว่า“ลูกสาวคนที่สองของเกาจิ้นสง แต่งงานกับเฉินไห่ซันลูกชายคนที่สามของเฉิงจินเทียน”

 

หลิงหยุนได้แต่หัวเราะเย้ยหยันพร้อมกับพูดขึ้นว่า“ทำลายครอบครัวของลูกสะใภ้ตัวเองงั้นรึ! การกระทำของตระกูลเฉินช่างน่าทึ่งจริงๆ!”

 

หลิงลี่ดูเหมือนจะเข้าใจความคิดของหลิงหยุนดีเขาจึงอธิบายต่อว่า “หลิงหยุน.. สิ่งที่เกิดขึ้นนี้นับว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา หลังจากที่ตระกูลหลิงต้องเผชิญกับโศกนาฏกรรมเมื่อสิบแปดปีที่แล้วจนตกมาอยู่อันดับเจ็ด ตระกูลเฉินก็ได้เลื่อนขึ้นเป็นตระกูลอันดับสาม”

 

หากจัดอันดับตามความแข็งแกร่งของเจ็ดตระกูลตระกูลหลงจัดอยู่ในอันดับหนึ่ง รองลงมาก็คือตระกูลเย่ว ตระกูลเฉิน ตระกูลซัน ตระกูลเกา ตระกูลหลี่ และตระกูลหลิงเป็นอันดับสุดท้าย

 

แต่ก็จะมีการคัดเลือกตระกูลอันดับหนึ่งในทุกๆห้าปีและตลอดระยะเวลาสิบแปดปีมานี้ ก็มีการคัดเลือกไปแล้วทั้งหมดสามครั้ง แต่ละครั้งก็สร้างแรงสั่นสะเทือนขึ้นนับครั้งไม่ถ้วน

 

ต้องยอมรับว่าตลอดสิบแปดปีมานี้มีตระกูลใหม่ๆเกิดขึ้นมามากมาย และเมื่อสามารถไต่เต้าขึ้นมาได้ ความแข็งแกร่งที่พวกเขาเริ่มมีขึ้นมานั้น ก็สามารถสร้างผลประโยชน์ให้กับพวกเขาได้มากมายเลยทีเดียว จากนั้นก็สรรหาอำนาจเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตระกูล

 

ในปักกิ่งนั้นมีอีกหลายตระกูลที่ได้รับการสนับสนุนจากตระกูลจอมยุทธและนิกายลับ และความแข็งแกร่งของตระกูลเหล่านั้นก็เหนือกว่าตระกูลหลิงอีกด้วย และนั่นคือสาเหตุที่ตระกูลเหล่านั้นแอบหัวเราะเยาะคนตระกูลหลิงอยู่เนืองๆ

 

ดังนั้นการที่ตระกูลหลิงซึ่งตกต่ำมานานถึงสิบแปดปีแต่ยังสามารถรักษาสถานะของการเป็นหนึ่งในเจ็ดตระกูลใหญ่ไว้ได้นั้นนับว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลย!

 

และปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตระกูลหลิงยังคงสถานะเช่นนี้อยู่ได้นั้นก็เพราะได้รับการสนับสนุนจากตระกูลหลง และการที่ตระกูลหลงให้การสนับสนุนตระกูลหลิง ก็เพราะตระหนักถึงบางสิ่งที่แอบซ่อนอยู่เบื้องหลังตระกูลหลิงนั่นเอง!

 

และสิ่งที่แอบซ่อนอยู่เบื้องหลังตระกูลหลิงก็คือธิดาพรรคมารนั่นเอง!

 

ในอดีต..ช่วงเวลานั้นธิดาพรรคมารเพิ่งจะอายุสิบเพียงสิบเก้าปี แต่ก็สามารถฝึกวิชามารจนกำลังภายในของนางเวลานั้นล้ำลึกอย่างน่าเหลือเชื่อ และหาใครเทียบได้ยากนัก!

 

ในครั้งนั้น..ธิดาพรรคมารเองก็ตั้งครรภ์ และเพื่อต้องการปกป้องทารกในครรภ์ของตนเอง นางถึงกับยอมให้สมาชิกพรรคมารคนอื่นๆผิดใจ และยอมให้จอมยุทธทั่วหล้าดูถูกเหยียดหยามนาง ยอมทนดูหลิงเสี่ยวทำลายวรยุทธตนเอง และประกาศแต่งงานกับหญิงอื่นต่อหน้านาง

 

ตลอดสิบแปดปีมานี้ไม่มีใครรู้ว่าธิดาพรรคมารนั้นหลบซ่อนตัวอยู่ที่ใด และไม่มีใครรู้ว่านางกำลังทำอะไรอยู่? อีกทั้งไม่รู้ว่ากำลังภายในของนางเวลานี้อยู่ในขั้นใดแล้ว?

 

ตลอดระยะเวลาสิบแปดปีมานี้ธิดาพรรคมารก็อยู่ตามลำพังมาโดยตลอด หากวันใดที่นางมารอย่างนางไม่ต้องการอยู่คนเดียวลำพังอีกต่อไป และต้องการหวนกลับคืนสู่ยุทธภพแล้วล่ะก็ เมื่อนั้นเมืองหลวงคงต้องเกิดความปั่นป่วนโกลาหลยิ่งกว่าพายุเฮอริเคนถาโถมใส่เสียอีก..

 

สำหรับตระกูลใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นและไม่ทราบเรื่องราวเมื่อสิบแปดปีก่อน ก็มักจะกล้าวิพากษ์วิจารณ์ และดูถูกเหยียดหยามตระกูลหลิงที่ยังสามารถอยู่ในตำแหน่งเจ็ดตระกูลใหญ่ได้ แต่สำหรับผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์เมื่อสิบแปดปีก่อนนั้น มีใครบ้างที่ไม่หวาดกลัวต่อสิ่งที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังตระกูลหลิงนี้

 

มีผู้ใดบ้างที่จะกล้าดึงตระกูลหลิงลงมาจากอันดับเจ็ดตระกูลใหญ่มีผู้ใดบ้างที่จะกล้าฆ่าหลิงเสี่ยว? และมีผู้ใดบ้างที่จะไม่หวาดกลัวต่อธิดาพรรคมาร?

 

แต่ตระกูลเกาและตระกูลหลี่ซึ่งในอดีตเคยอยู่ในสองอันดับสุดท้ายนั้นล้วนแตกต่างจากตระกูลหลิงอย่างสิ้นเชิง!

 

จนถึงกระทั่งตอนนี้เกาจิ้นสง – ผู้นำตระกูลเกาคนก่อน ก็เพิ่งจะอยู่ในระดับเริ่มต้นขั้นเซียงเทียน-4 เท่านั้น ส่วนเกาซิงฉาง – ผู้นำตระกูลเกาคนปัจจุบัน ก็เพิ่งจะอยู่ในขั้นเซียงเทียน-1 เช่นกัน

 

และแทบไม่ต้องพูดถึงตระกูลหลี่เพราะในตระกูลหลี่นั้นมียอดฝีมือขั้นเซียงเทียนอยู่เพียงแค่สองคนเท่านั้น และการที่ตระกูลหลี่ได้ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในเจ็ดตระกูลใหญ่นั้น ก็ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องทรัพยากรทางการเงินที่มีอยู่เท่านั้น!

 

และแหล่งที่มาของทรัพย์สินเงินทองนั้นก็มาจากธุรกิจพลังงานไฟฟ้าและถ่านหินที่ตระกูลหลี่ครอบครองอยู่นั่นเอง ในยุคปัจจุบันที่พลังงานไฟฟ้าเปรียบเหมือนพระเจ้านั้น จึงไม่แปลกที่ตระกูลหลี่จะร่ำรวยมหาศาล!

 

แม้ตระกูลหลี่จะร่ำรวยมหาศาลแต่ก็ไม่ต้องการเป็นปรปักษ์กับใคร จึงได้วางตัวเป็นกลางมาโดยตลอด และผูกสัมพันธ์กับตระกูลทั้งหกอย่างเสมอมา ตระกูลหลี่จึงสามารถยืนหยัดมาได้จนถึงทุกวันนี้

 

ส่วนตระกูลเกานั้นผู้นำตระกูลคนก่อน – เกาจิ้งสงซึ่งเป็นผู้ที่ระมัดระวังตัวอยู่ตลอดเวลานั้นกลับไม่สนใจเงินทองมากมายนัก แต่กลับสนใจเพียงแค่สถานะอำนาจของตระกูล

 

ดังนั้น..คนตระกูลเกาภายใต้การนำของเกาจิ้นสง จึงหมกมุ่นอยู่กับการสร้างเครือข่ายเพิ่มอำนาจบารมีจนละเลยกับการฝึกฝนวรยุทธ กำลังภายในของเขาจึงหยุดอยู่เพียงเท่านั้น

 

และยิ่งตระกูลเกามุ่งมั่นกับการสร้างเครือข่ายและอำนาจบารมีมากขึ้นเท่าไหร่ตระกูลเกาก็ยิ่งเข้าสู่การเป็นตระกูลธรรมดาๆมากขึ้นเท่านั้น!

 

และเพราะเหตุนี้ตระกูลเฉินจึงมองตระกูลเกาไม่ต่างจากน้ำผึ้งรสหวาน..

 

แล้วเหตุใดเฉินเจี้ยนกุ่ยจึงต้องกลายเป็นแวมไพร์อย่างนั้นหรือ

 

เพราะนั่นคือวิธีเดียวที่ตระกูลเฉินจะสามารถควบคุมผู้นนำตระกูลเกาทั้งสองรุ่นให้ยอมก้มหัวให้แก่ตระกูลเฉินได้และยอมฟังคำสั่งตระกูลเฉินนั่นเอง

 

เหล่ากุ่ยเองก็ได้เล่าเรื่องของตระกูลเกาให้หลิงลี่ฟังจนหมดแล้วหลิงลี่จึงยิ้มพร้อมกับตอบไปว่า

 

“ในบรรดาเจ็ดตระกูลใหญ่นั้นตระกูลซันก็ถูกเจ้าทำลายที่เมืองจิงฉู และเวลานี้ก็ยังไม่ฟื้นตัว ตระกูลเฉินจึงได้ฉวยโอกาสนี้จัดการกับตระกูลเกา เพราะถึงอย่างไรตระกูลหลงกับตระกูลเย่ก็ไม่สนใจยุ่งเกี่ยวอยู่แล้ว..”

 

“ตระกูลเฉินจึงเริ่มเคลื่อนไหวด้วยการให้เฉินเจี้ยนกุ่ยซึ่งกลายเป็นแวมไพร์ค่อยๆเข้าควบคุมตระกูลเกาก่อน!”

 

“ตระกูลหลี่แม้จะร่ำรวยแต่ก็มีแค่ทรัพย์สินเงินทองไม่มีอำนาจมากพอ และแทบไม่ต้องเป็นห่วงตระกูลหลิงที่ตอนนี้ตกต่ำอย่างมาก ดังนั้นหากตระกูลเฉินสามารถควบคุมตระกูลเกาได้ ก็จะสามารถสร้างปัญหาให้กับตระกูลหลงได้อย่างมาก เพราะตระกูลเฉินนั้นมีทั้งแวมไพร์ และเหล่านินจา..”

 

“แต่ตระกูลเฉินก็คงทำได้เพียงแค่สร้างปัญหาเล็กๆน้อยๆเท่านั้นเพราะด้วยความแข็งแกร่งของตระกูลเฉินเวลานี้ หากต้องการจะก้าวขึ้นมาแทนตำแหน่งของตระกูลหลงแล้ว ก็นับว่าเป็นเรื่องเพ้อฝันอย่างมาก!”

 

“เฉินจิงเทียนดูท่าจะผยองมากเกินไปจนไม่เห็นแม้กระทั่งตระกูลหลงอยู่ในสายตา ดูท่ามันจะสำคัญตนผิดไปมาก!”

 

“แทบไม่ต้องถึงมือตระกูลหลงด้วยซ้ำไปเวลานี้หากตระกูลเย่ต้องการจัดการกับตระกูลเฉิน ก็เป็นเรื่องง่ายยิ่งกว่าพลิกฝ่ามือเสียอีก”

 

หลิงลี่พยักหน้าเคร่งเครียดก่อนจะพูดต่อว่า“หลิงหยุน.. ความจริงแล้วนับว่าเจ้ายังโชคดีอยู่มาก! ปู่คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะกล้าบุกเข้าบ้านตระกูลเฉินถึงสองครั้งสองครา และยังกล้าลงมือสังหารยอดฝีมือตระกูลเฉินไปตั้งมากมาย..”

 

“หากปู่รู้ก่อนก็คงต้องห้ามเจ้าไว้อย่างแน่นอน!”

 

หลิงหยุนได้แต่ร้องถามขึ้นด้วยความแปลกใจ“เพราะเหตุใดท่านปู่จึงต้องห้ามข้าด้วยเล่า”

 

แววตาของหลิงลี่เป็นประกายขึ้นมาวูบหนึ่งพร้อมกับตอบไปว่า“เพราะในตระกูลเฉินนั้น อย่างน้อยก็มีอยู่สามคนที่จะสามารถเอาชนะเจ้าได้ ต่อให้เจ้ามีของดีอยู่ในมือมากมาย หากทั้งสามคน หรือสองคนร่วมมือกัน อย่างไรเจ้าก็ต้องพ่ายแพ้แน่นอน!”

 

หลิงหยุนถึงกับตกใจเขาเลิกคิ้วขึ้นสูงพร้อมกับร้องอุทานว่า “เป็นไปไม่ได้!”

 

“ท่านปู่..นี่เหล่ากุ่ยยังไม่ได้เล่าให้ท่านฟังหรอกหรือว่า ข้ามีวิชาพลังมังกรที่สามารถเพิ่งกำลังภายในของตนเองได้ถึงสิบเท่า..”

 

หลิงหยุนไม่ต้องการที่จะปิดบังเรื่องนี้กับหลิงลี่เขาจึงเล่าไปตามตรง “หากหลานเพิ่มกำลังเป็นสิบเท่า เชื่อว่าจะไม่มีทางพ่ายแพ้ให้กับยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-9 อย่างแน่นอน”

 

หลิงลี่ถึงกับขมวดคิ้วเขาจ้องมองหลิงหยุนด้วยแววตาเศร้าพร้อมกับส่ายหน้า “หลิงหยุน อาจารย์ของเจ้าไม่ได้บอกเรื่องขั้นกำลังภายในให้เจ้าฟังบ้างเลยรึ”

 

หลิงหยุนถามขึ้นอย่างประหลาดใจ“ท่านปู่ต้องการบอกอะไรข้ากันแน่!”

 

หลิงหยุนมีอาจารย์ที่ใหนกันเล่าเขาคาดเดาจากการปะทะกับศัตรูทั้งนั้น

 

หลิงลี่ถึงกับตกใจเขาลุกขึ้นยืนจ้องหน้าหลิงหยุนพร้อมกับตอบไปว่า

 

“หลิงหยุน..นี่อาจารย์ของเจ้าไม่ได้บอกกับเจ้าเลยหรือว่า.. ต่ำกว่าขั้นเซียงเทียน-7 ล้วนเป็นเพียงแค่มดน่ะ!”

 

หลิงหยุนตอบกลับไป“เอ่อ.. เรื่องนั้นข้าเองก็เคยได้ยินมาเช่นกัน”

 

แต่ไม่ใช่จากอาจารย์หลิงหยุนเพิ่งได้ยินจากอากมัทสุ ไคสุเกะเมื่อคืนนี้..

 

หลิงลี่ถอนหายใจยาวและพูดขึ้นว่า“หลิงหยุน ด้วยกำลังภายในที่เจ้าแสดงออกมานั้น ต่อให้เจ้าสามารถเพิ่มกำลังภายในขึ้นเป็นสิบเท่า ก็ยังยากที่จะเอาชีวิตรอดจากยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-9 ได้..”

 

“เจ้ายังเด็กเกินที่จะเข้าโลกยุทธภพ!”