ตอนที่ 334 จุดประสงค์คืออะไร / ตอนที่ 335 โชคชะตาเล่นตลกกับชีวิตคน

(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์

ตอนที่ 334 จุดประสงค์คืออะไร

 

 

           เจียงมู่เฉินคือหนึ่งเดียวในโลกนี้ที่ไม่มีใครเหมือน

 

 

           ในใจเขาไม่มีใครคนไหนเทียบเจียงมู่เฉินได้

 

 

           ต่อมาเขาก็เบื่อหน่ายกับการตามหาเจียงมู่เฉินจากร่างกายของคนอื่น ด้วยเหตุนี้จะไล่คนพวกนั้นไปให้หมด เขาคนเดียวอาศัยอยู่ที่เกาะนี้

 

 

           ทุกๆ วันพักอยู่ในห้องที่เจียงมู่เฉินเคยอาศัยอยู่ในตอนนั้น

 

 

           จนกระทั่งมีครั้งหนึ่งที่เขาเห็นคุณชายน้อยตระกูลเจียงแห่งถานโจว

 

 

           เขามองดูใบหน้าของเจียงมู่เฉิน นอกจากบุคลิกเฉพาะตัวจะค่อนข้างแตกต่างจากเจียงมู่เฉินในตอนนั้น อย่างอื่นก็เหมือนกันทุกอย่าง

 

 

           เพราะเรื่องของเจียงมู่เฉินในตอนนั้น ถูกคนในตระกูลจับตามองอยู่ตลอด ไม่มีหนทางที่เขาจะตามหาเจียงมู่เฉินแบบเอิกเกริกได้

 

 

           ดังนั้นเขาจึงไปหาองกร์อักขระ ให้วีพาตัวคุณชายน้อยตระกูลมาส่งที่ข้างกายของเขา

 

 

           จากนาทีนั้นที่วีพาเจียงมู่เฉินมา เขาก็รู้ในทันที ว่าเจียงมู่เฉินในตอนนั้นก็คือเจียงมู่เฉินในวันนี้

 

 

           ตามข้อมูลการสืบที่เขากุมไว้ในมือ รู้ว่าเจียงมู่เฉินสูญเสียความทรงจำเมื่อห้าปีก่อนไป ดังนั้นจึงไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาทั้งสิ้น

 

 

            นาทีนั้นที่เจียงมู่เฉินเดินเข้ามาในคฤหาสน์ของเขา เขาก็อยากไปเจอหน้าเจียงมู่เฉิน

 

 

           แต่เขากลัวอารมณ์ของตัวเองจะทำให้เจียงมู่เฉินตกใจกลัว

 

 

           ดังนั้นจึงทำได้เพียงสะกดความรู้สึกอยู่นาน รอจนกว่าเขาจะดูความผิดปกติอะไรไม่ออกแล้ว ถึงได้แสร้งทำเป็นคนแปลกหน้ายืนอยู่ข้างๆ เจียงมู่เฉิน

 

 

           เดิมทีเขาคิดจะพาตัวเจียงมู่เฉินออกจากคฤหาสน์ของเขาไปทั้งอย่างนั้น

 

 

           แต่หลังจากที่เขาเจอเจียงมู่เฉิน เขากลับลงมือไม่ลง ด้วยเหตุนี้จึงยอมตกลงปล่อยเจียงมู่เฉินออกไป

 

 

           เดิมทีเขาคิดจะค่อยๆ ปรากฏตัวอยู่ข้างกายเจียงมู่เฉิน แต่เขาทราบข่าวโดยไม่ตั้งใจ คิดไม่ถึงว่าซังจิ่งต้องการจะพาเจียงมู่เฉินกลับถานโจวไป 

 

 

           เขาเดือดดาลทันที จนลงมือทำให้เจียงมู่เฉินหมดสติ แล้วพากลับมาที่เกาะเล็กๆ เกาะเดิมนี้

 

 

           ……

 

 

           ฟู่เหยี่ยนพูดจบประโยคนั้นก็ตกสู่ห้วงความคิด เจียงมู่เฉินจ้องมองเขา ผ่านไปนานเขาก็วางแก้วไวน์ลง

 

 

           “ครั้งก่อนเป็นคฤหาสน์ ครั้งนี้เป็นปราสาท…ฟู่เหยี่ยนนายทำให้ฉันสงสัยอยากรู้ถึงฐานะของนายจริงๆ”

 

 

           ฟู่เหยี่ยนยิ้มมองมาทางเขา “คุณอยากรู้เหรอ”

 

 

           เจียงมู่เฉินหยิบไวน์แดงที่อยู่ด้านข้างมาเทให้ตัวเองนิดหน่อย “ก็ไม่ได้อยากรู้ขนาดนั้นจริงๆ หรอก”

 

 

           ฟู่เหยี่ยนเห็นท่าทางไม่ใส่ใจของเขา ในใจก็บีบแน่น เจียงมู่เฉินในตอนนั้นดูกระตือรือร้น

 

 

           แต่ในเวลาห้าปีกว่าๆ ในตอนนี้ เจียงมู่เฉินมีเสน่ห์และความเฉยชาอย่างบอกไม่ถูกในแววตา

 

 

           ความรู้สึกแบบนั้นรวมกันอยู่ในตัวเขา ช่างเหมาะสมมาก แต่กลับดึงดูดคนเป็นพิเศษด้วย

 

 

           ถึงแม้ว่าจะแตกต่างจากเจียงมู่เฉินในความทรงจำของเขา

 

 

           แต่ฟู่เหยี่ยนคิดไว้ ไม่ว่าเขาคนนั้นจะเป็นอย่างไร เขาก็คือเจียงมู่เฉิน ฟู่เหยี่ยนรับได้หมด

 

 

           เจียงมู่เฉินดื่มไวน์เข้าไปอีกคำ แล้วเอ่ยถาม “นายเชิญฉันมาแบบนี้ มีจุดประสงค์อะไร”

 

 

           นิ้วมือฟู่เหยี่ยนกำแก้วไวน์ในมือแน่นโดยไม่ตั้งใจ ในมุมที่เจียงมู่เฉินมองไม่เห็น แววตาประกายความสับสนขึ้นมาวาบหนึ่ง

 

 

           เขาหัวเราะเบาๆ “ผมกับคุณชายเจียงเป็นเพื่อนกันไง เชิญเพื่อนมาค้างแรมในที่พักของผม ไม่เป็นไรหรอกใช่ไหม”

 

 

            “ค้างแรม?” เจียงมู่เฉินซ้ำประโยคอย่างขำๆ “วิธีการเชิญเพื่อนของนายช่างแปลกซะจริงๆ”

 

 

           “ใช่แล้ว ในเมื่อเชิญฉันมาค้างแรม งั้นฉันเสนอเงื่อนไขหนึ่งได้ไหม”

 

 

           ฟู่เหยี่ยนเลิกคิ้ว “คุณว่ามาเลย”

 

 

           “ติดต่อซังจิ่งที ฉันจะพูดกับเขา” หลังจากเขาตื่นมา ก็ไม่เห็นมือถือแล้ว

 

 

           คิดดูแล้วก็เป็นฝีมือของฟู่เหยี่ยน

 

 

           ได้ยิน ‘ซังจิ่ง’ ชื่อนี้ นัยน์ตาฟู่เหยี่ยนก็ฉายสะท้อนความโมโหขึ้นมาวาบหนึ่ง แต่เมื่อมองเจียงมู่เฉินกลับสลายหายไปในพริบตา

 

 

           “ติดต่อเขาทำอะไร”

 

 

           “นายพาฉันมาทั้งอย่างนี้ ฉันก็ต้องบอกเขาสักหน่อยสิ”

 

 

           หลังจากฟู่เหยี่ยนได้ยิน ก็เอ่ย “ผมจะแจ้งเขาเอง”

 

 

           เจียงมู่เฉินครุ่นคิด ซังจิ่งเป็นเพื่อนฟู่เหยี่ยน ให้ฟู่เหยี่ยนแจ้งซังจิ่งก็ได้ จึงพยักหน้าให้ “ได้ งั้นก็รบกวนนายแล้ว”

 

 

 

 

           ตอนที่ 335 โชคชะตาเล่นตลกกับชีวิตคน

 

 

           ฟู่เหยี่ยนหัวเราะเบาๆ ในใจ ซังจิ่งฝ่าฝืนข้อตกลงร่วมกันของพวกเขา เขายังไม่ได้ไปคิดบัญชีซังจิ่ง แล้วจะยังเจตนาดีไปบอกข่าวได้อย่างไร

 

 

           ที่เขารับปากไปเพียงเพื่อทำให้เจียงมู่เฉินวางใจก็เท่านั้นเอง

 

 

           เจียงมู่เฉินมองดูแสงจันทร์ เวลาค่ำลงแล้ว เขาดื่มไวน์จนหมด “ฉันกลับไปก่อนนะ”

 

 

           เขาพูดจบก็หมุนตัวหันกลับเดินเข้าข้างใน ฟู่เหยี่ยนเองก็ไม่ขัด ปล่อยให้เขาแยกตัวไป

 

 

           ถึงอย่างไรเจ้าตัวก็อยู่ต่อหน้าตัวเองแล้ว ไม่ต้องรีบร้อนอะไร

 

 

           โศกนาฏกรรมในตอนนั้น เขาไม่อยากเล่นซ้ำอีกครั้ง

 

 

           เมื่อเจียงมู่เฉินกลับมา พินิจมองสังเกตอย่างละเอียดสักพัก รู้สึกว่าสถานที่นี้ดูคุ้นๆ แบบแปลกๆ อย่างบอกไม่ถูก

 

 

           เหมือนกับเมื่อก่อนเขาเคยมาที่นี่อย่างไรอย่างนั้น

 

 

           แต่พอคิดว่าเมื่อห้าปีก่อน เขารู้จักฟู่เหยี่ยน ก็ยากจะรับประกันได้ว่าจะไม่เคยมาที่นี่กับฟู่เหยี่ยน

 

 

           เจียงมู่เฉินคิดเช่นนี้ก็ปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปแล้ว

 

 

           ถึงแม้ก่อนหน้านี้จะเดาว่าฟู่เหยี่ยนจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องเมื่อห้าปีก่อน แต่ตอนนี้ก็ได้รับคำยอมรับจากปากฟู่เหยี่ยนเองแล้ว

 

 

           เจียงมู่เฉินขมวดคิ้ว ตกลงแล้วเมื่อห้าปีก่อนเกิดอะไรขึ้นกันแน่

 

 

           เทียบกับครั้งที่แล้ว ตอนนี้ยิ่งเร่งกระตุ้นให้เขาอยากรู้เรื่องราวในห้าปีนั้น

 

 

           เจียงมู่เฉินคิด หรือว่าเขาจะต้องให้ฟู่เหยี่ยนหาหมอมาให้เขา มาดูเรื่องฟื้นความทรงจำ

 

 

           เขานั่งขัดสมาธิบนเตียง วันสองวันมานี้เกิดอะไรกันไปหมด

 

 

           เดี๋ยวโดนซูเตอร์ลักพาตัวมา เดี๋ยวโดนฟู่เหยี่ยนกักตัวไว้ที่นี่อีก

 

 

           เดิมทีตอนนี้เขาควรจะอยู่สนามบินของถานโจว ใครจะรู้ว่าตอนนี้เขายังเดินไปไม่ถึงเลย

 

 

           ยังไม่รู้ว่าถูกพาตัวมาสถานที่อัศจรรย์อะไรอีก

 

 

           เจียงมู่เฉินถอนหายใจ รู้สึกว่าชีวิตคนเราช่างไม่แน่นอนจริงๆ

 

 

           ทุกๆ ที่มีแต่ความประหลาดใจ

 

 

           ในเมื่อตัวเขาก็อยู่ที่นี่แล้ว จะอะไรต่อมากมายก็ไม่มีความหมายอะไร สู้ทำใจยอมรับสภาพที่เป็นยังจะดีกว่า      

 

 

           คิดได้แบบนี้ เจียงมู่เฉินก็สบายใจแล้ว

 

 

           เขาเอนกายพิงเตียงแกว่งขาไปมาอย่างเอ้อระเหยบนเตียง ในใจสงบนิ่ง

 

 

           ส่วนฟู่เหยี่ยนอยากจะเล่นอะไร เขาคอยอยู่เป็นเพื่อนก็ได้แล้ว ถึงอย่างไรอยู่ที่นี่ก็มีให้กินให้ดื่มถือว่าใช้ได้ทีเดียว

 

 

           เจียงมู่เฉินสบายใจ แต่กลับทำให้ซังจิ่งลำบากใจ วิ่งวุ่นไปทุกแห่งหน เพื่อเรื่องของเจียงมู่เฉิน

 

 

           อยากจะรีบหาให้เจอว่าฟู่เหยี่ยนพาเจียงมู่เฉินไปเก็บที่ไหนกันแน่

 

 

           แต่จะทำอย่างไรได้ อิทธิพลอำนาจของฟู่เหยี่ยนใหญ่เกินไป ไม่ว่าเขาจะตามสืบอย่างไร ยังคงไม่ได้ข่าวคราวอะไรเช่นเดิม

 

 

           ซังจิ่งจนปัญญา หัวใจสิ้นหวัง

 

 

           ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ถ้าหากเจียงมู่เฉินเกิดเรื่อง…

 

 

           ซังจิ่งกุมขมับ หรือว่าเขาต้องไปหาซือเหยี่ยน

 

 

           รู้ว่าเครื่องบินวันนี้ของเจียงมู่เฉินบินจากไปแล้ว ซือเหยี่ยนจนใจ แต่กลับโล่งอกไปโดยไม่รู้ตัว

 

 

           ตอนนี้เจียงมู่เฉินกลับถึงถานโจวโดยปลอดภัย เขาก็พอวางมือได้

 

 

           กับดักที่เขาวางไว้ก่อนหน้านั้นใกล้จะถึงเวลาตกเบ็ดแล้ว

 

 

           ซูเตอร์เป็นไปตามสิ่งที่เขาคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าจริงๆ ค่อยๆ ติดเบ็ดเข้ามาทีละนิดๆ ขอเพียงแต่รออีกไม่กี่วัน เขาก็จะจัดการตระกูลซูให้ติดเบ็ดทั้งหมดจนไม่เหลือสิ้นซาก

 

 

           รอให้ตระกูลซูพังทลาย รอให้ทุกอย่างเสร็จสิ้น ไม่มีการคุกคามของตระกูลซูแล้ว เขาก็จะกลับไปหาเจียงมู่เฉินที่ถานโจวได้ทันที

 

 

           ถึงเวลานั้น เจียงมู่เฉินอยากรู้อะไร เขาก็จะบอกโดยไม่ปิดบังเลยแม้แต่น้อย

 

 

           ไม่ว่าจะเป็นครั้งนี้ หรือเรื่องเมื่อห้าปีก่อน

 

 

           เขาจะบอกความจริงทั้งหมด ไม่ปกปิดเลยแม้แต่คำเดียว

 

 

           ซือเหยี่ยนเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ไปทั้งใจ กลับไม่รู้ว่าเวลามากมายนี้โลกของคนเราช่างไม่แน่นอน กว่าเขาจะทำทุกอย่างเสร็จ กลับสายไปเสียแล้ว

 

 

           ซือเหยี่ยนในตอนนั้นยังไม่รู้ว่าจนกว่าจะเจอกันครั้งหน้า ระหว่างเขาและเจียงมู่เฉิน…

 

 

           ก็ไม่ใช่พวกเขาในตอนแรกเริ่มนั้นมาตั้งแต่ต้นแล้ว

 

 

           แล้วเรื่องราวทุกอย่างเหล่านั้นที่เขาอยากจะบอกเจียงมู่เฉิน ก็จะไม่มีใครเคยถามถึงมันอีก

 

 

           ทุกอย่างก็เหมือนเพียงความฝันอย่างไรอย่างนั้น…

 

 

           หลังจากตื่นจากฝัน จบสิ้นไม่ทิ้งรอย

 

 

           นึกย้อนกลับไป ไม่รู้อะไรทั้งสิ้น

 

 

           จวบจนมาถึงสุดท้าย ก็เป็นเพียงแค่ประโยคที่ว่า ‘โชคชะตาเล่นตลกกับชีวิตคน’ เท่านั้นเอง