ตอนที่ 475: การกลับมาขององค์ราชา
ไม่มีอาคารไหนรอบ ๆ ที่จะอยู่ในสภาพสมบูรณ์ มันเป็นซากปรักหักพังทั้งหมดเท่าที่ดวงตามองเห็นได้ อาคารทุกหลังถล่มลงมา ศพคนรับใช้และยามสามารถมองเห็นได้ทั่วทุกที่พร้อมกับใบหน้าที่เจ็บปวด
โศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นในวันนี้มันจะเป็นวันที่ตระกูลเจียงหยางไม่มีวันลืม พลังจากเซียนสวรรค์ทั้ง 10 คนได้ฆ่าผู้คนมากมายและสร้างความเสียหายเป็นอย่างมาก ผู้คนจำนวนมากได้รับบาดเจ็บสาหัสและออกจากตระกูลเจียงหยางด้วยความหดหู่
เจียงหวูจี่เหยียบลานกว้างที่แตกระแหงอย่างหนัก มันไม่เหมือนก่อนที่พวกเขาจะต่อสู้และเขาไม่อาจช่วยอะไรได้ นอกจากถอนหายใจด้วยความโล่งอก แม้ตระกูลเจียงหยางจะเสียหายอย่างหนัก แต่คนสำคัญของตระกูลเจียงหยางไม่มีใครตาย บางคนได้รับบาดเจ็บแต่ก็ไม่มีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นกับพวกเขา
เจียงหวูจี่เดินไปยังจุดศูนย์กลางและมองไปรอบ ๆ ก่อนที่จะถอนหายใจอีกครั้ง ใบหน้าของเขาโศกเศร้าอย่างมาก
ที่ปรึกษาจักรพรรดิทั้งห้าคนจากอาณาจักรฉินหวงลงมาอยู่ข้าง ๆ เจียงหวูจี่ เซียวเทียนเป็นคนแรกที่พูดว่า เจียงหวูจี่ หัวหน้าตระกูลและฮูหยินสี่ได้รับบาดเจ็บร้ายแรงหรือไม่ ? ที่ปรึกษาจักรพรรดิทุกคนกังวลเกี่ยวกับการบาดเจ็บของเจียงหยางป้าและไป๋หยุนเทียนอย่างมาก เพราะว่าพวกเขาเป็นพ่อแม่ของผู้พิทักษ์จักรพรรดิของพวกเขา
เจียงหวูจี่ส่ายหน้า ข้าขอบคุณที่ปรึกษาจักรพรรดิเป็นอันมากที่ห่วงใยพวกเขา พวกเขาทั้งสองได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ไม่มีอะไรร้ายแรงมาก
เมื่อได้ยินอย่างนี้ที่ปรึกษาจักรพรรดิทั้ง 5 ก็ไม่อาจทำอะไรได้ หากหนึ่งในสองเป็นอะไรขึ้นมาในเวลาสั้น ๆ พวกเขาก็ไม่รู้ว่าพวกเขาจะเผชิญหน้ากับผู้พิทักษ์จักรพรรดิของเขาได้หรือไม่
ความลับที่ว่าที่ปรึกษาจักรพรรดิอยู่ในตระกูลเจียงหยางก็ได้รับเปิดเผยในวันนั้น ทุกคนที่รู้จักคุ้นเคยพวกเขาหลังจากมองดูก็ตกอยู่ในอาการตกใจ อย่างมากเมื่อพวกเขาเห็นเซียนสวรรค์ทั้ง 5 เข้าไปในเขตของตระกูล ผู้คนรอบ ๆ ก็เริ่มจับกลุ่มคุย ไม่มีใครจินตนาการได้ว่าตระกูลเซียงหยางจะมีเซียนสวรรค์ซ่อนตัวอยู่มากเพียงใด ความแข็งแกร่งแบบนี้มันมากเกินไป
ฮ่าฮ่า…ท่าน…เจียง…เจียงหวูจี่ เยว่เอ๋ออยู่ไหน ? ราชาที่กระอักเลือดออกมาด้วยอาการบาดเจ็บพยายามฝืนอาการเพื่อพูด
ฝ่าบาทโปรดวางใจ องค์หญิงไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ เจียงหวูจี่ตอบ
นั่นดีแล้ว ทุกอย่างก็เรียบร้อย หัวใจที่กระโดดขึ้นมาถึงลำคอของราชาก็กลับไปอยู่จุดเดิมหลังจากที่ได้ยินว่าโหยวเยว่ลูกสาวสุดที่รักของเขาไม่เป็นอะไรและเขาไม่สงสัยเกี่ยวกับความปลอดภัยของนาง
หลังจากที่เห็นตัวแทนจากตระกูลทั้งสามในเมืองลอร์ที่เดินทางมาแสดงความเสียใจต่อตระกูลเจียงหยาง พวกเขามองหน้าที่โศกเศร้าและมีความกังวลในน้ำเสียง แต่ดวงตาของพวกเขายังคงจดจ่ออยู่กับที่ปรึกษาจักรพรรดิทั้งห้าจากอาณาจักรฉินหวงพร้อมกับรู้สึกตกใจและสับสน
มีสมาชิกจำนวนมากจากทั้ง 3 ตระกูลที่ได้เข้าร่วมฐานที่มั่นทางเหนือ ดังนั้นพวกเขาจึงจำที่ปรึกษาได้ เมื่อเห็นพวกเขาทั้ง 5 รวมตัวกันในตระกูลเจียงหยางและยังช่วยป้องกันผู้บุกรุก พวกเขาไม่อาจทำอะไรได้นอกจากมีความอยากรู้อยากเห็นต่อความสัมพันธ์ที่ทั้งสองฝ่ายมีด้วยกัน
อย่างไรก็ตามไม่มีแม้แต่คนเดียวที่กล้าถามว่าทำไมและได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจ
อย่างไรก็ตามตระกูลทั้งสามก็ปรารถนาที่จะจากไปให้เร็วที่สุด พวกเขาให้คนของพวกเขาช่วยประเมิณความเสียหายให้กับตระกูล แม้ทั้งตระกูลจะเพิ่มระดับขึ้นและถูกทำลาย มันก็ไม่ได้ทำให้ชื่อเสียงหรือความนิยมลดลง หากมีการสนับสนุนในท้ายที่สุด พวกเขาไม่เพียงแต่จะมีเซียนสวรรค์เพิ่มมากขึ้น แต่พวกเขายังสามารถเอาชนะผู้คนที่มาจากอาณาจักรอินทรีสวรรค์ได้อีกด้วย
ทันใดนั้นก็มีแสงสีฟ้าพุ่งทะลุท้องฟ้ามาราวกับสายฟ้าฟาดมุ่งหน้าไปยังตระกูลเจียงหยาง ไม่นานลำแสงก็หยุดลงและเริ่มลอยอยู่ด้านบน
เซียนสวรรค์อีกคน ? เขาเร็วขนาดนั้นเลย
เมื่อทุกคนเห็นสิ่งที่อยู่อากาศ พวกเขาต่างก็ตะโกนออกมาด้วยความสับสนว่าเป็นมิตรหรือศัตรู
ที่ปรึกษาทั้งห้าคนและเจียงหวูจี่ทั้งสองฝ่ายต่างก็เผยสีหน้าตกใจ เมื่อมองขึ้นไปเห็นดวงตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขาเห็นใบหน้าของชายที่ลอยอยู่ด้านบน ใบหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปเป็นมีความสุข
นายน้อยสี่กลับมาแล้ว !
ท่านผู้พิทักษ์จักรพรรดิผู้ทรงเกียรติ”
แสงสีฟ้านี้คือเจี้ยนเฉินหลังจากที่เขาเดินทางออกไปสองวันก่อน ในที่สุดเขาก็กลับมาที่เมืองลอร์จากถ้ำของเซียนผู้คุมกฎ
เจี้ยนเฉินลอยอยู่เหนือคฤหาสน์เจียงหยางด้วยท่าทางเฉยเมย ดวงตาของเขาไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือเรื่องจริง ในเวลาหลายวันที่เขาจากไป ตระกูลเจียงหยางมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้น ความเก่าแก่และความยิ่งใหญ่ของตระกูลได้หายไปกลายเป็นความว่างเปล่า สิ่งที่เหลืออยู่คือซากปรักหักพังและมีหลุมบ่อมากมายรวมทั้งศพที่เกลื่อนกลาด
นี่..นี่คือตระกูลเจียงหยางจริง ๆ หรือ ? เกิดอะไรขึ้น ? มีแสงวาบอยู่ในดวงตาของเจี้ยนเฉิน ขณะที่เขาพึมพำกับตัวเองอย่างไร้สติ แม้กระทั่งความยินดีหลังจากที่เขาได้รับโครงกระดูกเซียนผู้คุมกฎก็หายไป
ท่าทีของเจี้ยนเฉินเปลี่ยนไปมากขึ้นเรื่อย ๆ และยิ่งดุร้ายมากขึ้นขณะที่เขาลงใกล้ ๆ กับซากของสิ่งก่อสร้าง
เจียงหวูจี่และที่ปรึกษาจักรพรรดิทั้งห้าคน รีบวิ่งเข้าหาเจี้ยนเฉิน แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้พูดอะไร เจี้ยนเฉินก็พูดก่อนว่า ลุงเจียง เกิดอะไรขึ้น ? ตระกูลเจียงหยางกลายมาเป็นอย่างนี้ได้อย่างไร ? น้ำเสียงของเจี้ยนเฉินเต็มไปด้วยความกังวลและท่าทีของเขาก็มีแต่ความกังวล การกลับมาครั้งล่าสุดของเขา เขาไม่รู้ว่าตระกูลเจียงหยางจะเปลี่ยนแปลงไปขนาดนี้
เจียงหวูจี่ถอนหายใจยาวออกมา นายน้อยสี่ เซียนสวรรค์ทั้ง 10 มาจากอาณาจักรอินทรีสวรรค์พร้อมกับจับตัวไป๋เต๋าและฝ่าบาท พวกเขาพูดว่าจะมาจับกุมท่าน แต่หลังจากที่สู้กันระหว่างพวกเขากับพวกเรา ตระกูลเจียงหยางก็ได้รับความเสียหายโดยไม่ตั้งใจ”
เมื่อได้ยินอย่างนี้ ทันใดนั้นจิตสังหารก็ระเบิดออกมาจากร่างของเจี้ยนเฉินพร้อมกับแสงจ้าที่ดุดันและสว่างมากขึ้นราวกับว่าเขาเป็นพยัคฆ์ที่กระหายเลือด ทำให้คนที่จ้องมองเต็มไปด้วยความสั่นเทาจากความกลัว อุณหภูมิพื้นที่รอบ ๆ ลดลงจนสังเกตได้ คนที่อ่อนแออกว่าก็เริ่มรู้สึกว่าเขากำลังจมอยู่ภายใต้ภูเขาน้ำแข็งและพวกเขาก็เริ่มสั่นสะท้าน
อาณาจักรอินทรีสวรรค์ ! เจี้ยนเฉินพูดทีละคำด้วยความโกรธ กำปั้นที่กำแน่นเริ่มส่งเสียงกรอบแกรบ คราวนี้อาณาจักรอินทรีสวรรค์ทำให้เขาโกรธแล้วจริง ๆ ทันใดนั้นความคิดก็แว่บผ่านเข้ามาในใจเจี้ยนเฉิน การแสดงออกของเขาเปลี่ยนไปทันทีและเขาก็รีบถามว่า ลุงเจียง พ่อแม่ข้าเป็นอย่างไรบ้าง ? พวกเขาสบายดีหรือไม่ ?
ท่านผู้นำและฮูหยินสี่อยู่ในห้องใต้ดินโดยได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย เจียงหวูจี่พูด
ก่อนที่เขาจะพูดจบ เจี้ยนเฉินก็พลันเป็นเงาพร่ามัวและมุ่งไปยังห้องใต้ดิน
ห้องใต้ดินลึกประมาณ 100 เมตรและลึกมาก มันมีแม้แต่ความกว้างขวางและสามารถรองรับผู้คนได้รับพัน มันถูกสร้างขึ้นเพื่อให้รองรับพวกเขาได้ทันหมด
ไม่นานเจี้ยนเฉินก็เข้ามาในห้องด้านล่าง เขาเห็นสมาชิกระดับสูงของตระกูลเจียงหยางและทหารของพวกเขาเดินออกมา
นายน้อยสี่ !
ยามบางคนที่เห็นเขาก็คำนับทันทีที่เห็น
แม่ข้าอยู่ไหน ! เจี้ยนเฉินพูดด้วยน้ำเสียงน่ากลัวทันที เพียงแค่ยามมองไปที่ดวงตาของเขาพวกเขาก็ไม่กล้าแม้แต่จะสบตา
ฮูหยินสี่อยู่ในห้องที่ใหญ่ที่สุด ยามตอบอย่างรวดเร็ว
เขาวิ่งผ่านพวกเขาทันทีและเข้าไปให้ห้องที่ใหญ่ที่สุดใต้ผืนดิน อย่างไรก็ตามมันจะเหมาะสมกว่าที่จะเรียกมันว่าถ้ำจากลักษณะของมัน
หลังจากเข้าห้อง เจี้ยนเฉินไม่เพียงแต่พบพ่อแม่ของเขา แต่ยังพบป้าใหญ่หลิงหลง, ป้าสองหยูเฟิงหยานและป้าสามไป๋ยู่ซวงและพี่สามของเขา เจียงหยางเค่อที่อยู่ข้าง ๆ แม่ของเขา ขณะที่มีคนอีกหลายคนที่เต็มไปด้วยเลือดและมีผู้หญิงที่บอบช้ำบางคนอีกด้วย ที่ทางเข้ามีหมิงตงและตู่กูเฟิงนั้นยืนเฝ้าอยู่ เมื่อสายตาของพวกเขาประสานกัน พวกเขาไม่จำเป็นต้องพูดอะไร
ท่านแม่ ท่านสบายดี ! เจี้ยนเฉินเดินไปด้านหน้าอย่างรวดเร็วพร้อมกับสีหน้าที่เป็นกังวล ในเวลานี้เจี้ยนเฉินมองดูบาดแผลที่ศีรษะของแม่ของเขาด้วยความตกใจ ท่านแม่ ท่านได้รับบาดเจ็บ
เซียงเอ๋อ แม่ของเจ้าสบายดี ไปดูเยว่เอ๋อ อาการบาดเจ็บของนางนั้นแย่กว่าข้าเสียอีก ไป๋หยุนเทียนไม่ได้สนใจอาการบาดเจ็บของนางและนางก็กังวลกับว่าที่ลูกสะใภ้ของนางอย่างมาก
ในเวลานั้นองค์หญิงได้นอนอยู่ที่เตียงพร้อมกับใบหน้าซีดเซียวจากอาการบาดเจ็บ
เจี้ยนเฉินมาข้างเตียงเพื่อตรวจดูบาดแผลขององค์หญิง ท่าทีของเขาก็เปลี่ยนมาเป็นเคร่งขรึมขณะที่เขากำลังประเมิณผล หินที่ทะลวงมาที่ไหลซ้ายของนางสร้างรูขนาดนิ้วหนึ่งไว้ นอกจากนี้ยังมีบาดแผลที่ด้านซ้ายของนางหลังจากนั้นยังมีรอยหินอื่น ๆ อีก ยังมีหินก้อนหนึ่งฝังอยู่ในร่างกายของนางและเกือบจะถึงหัวใจ อวัยวะภายในอื่น ๆ ก็บอบช้ำและดูอันตรายอย่างมาก
เซียงเอ๋อ แม่รู้ว่าเจ้ามีความสามารถในการรักษาเยว่เอ๋อ ช่วยนางด้วย นางได้รับบาดแผลสาหัส ไป๋หยุนเทียนกระซิบเจี้ยนเฉินด้วยความกังวลว่าองค์หญิงจะตายจากพิษบาดแผล
เจี้ยนเฉินพยักหน้า การต่อสู้ด้านนอกหยุดลงแล้ว ท่านแม่ควรจะออกไปตรวจสอบดู ข้าจะทำการรักษาองค์หญิงโหยวเยว่
ไป๋หยุนเทียนไม่คัดค้าน หลังจากนั้นไม่นานนางก็ออกจากห้องไปเหลือเพียงเจี้ยนเฉินและองค์หญิงเท่านั้น
น้องชาย พวกเราจะออกไปก่อน หมิงตงและตู่กูเฟิงออกจากห้อง หากนี่เป็นช่วงเวลาอื่น ๆ หมิงตงคงจะยังไล่ซักถามเจี้ยนเฉินอีกหลายคำ หมิงตงไม่ใช่คนไร้หัวใจหลังจากเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นกับตระกูลเจียงหยาง
หลังจากที่ทุกคนออกไป เจี้ยนเฉินก็ปิดประตูอย่างลับ ๆ ตามหลังและเดินกลับมาที่เตียงพร้อมกับท่าทีซับซ้อน เมื่อไม่กี่วันนางได้อาศัยอยู่ในตระกูล แต่วันนี้นางก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส สิ่งนี้ทำให้เจี้ยนเฉินรู้สึกผิดต่อนางเป็นอย่างมาก ราวกับว่าเขาทำให้นางผิดหวัง
แม้ว่าบาดแผลขององค์หญิงจะหนักหนา แต่นางก็ยังรู้สึกตัวและตื่นตัวอยู่ตลอด ดวงตาที่กลมโตของนางจ้องมองมาที่เจี้ยนเฉินพร้อมกับใบหน้าที่ซีดเซียวก็มีรอยแดงจาง ๆ เผยให้เห็นถึงความเขินอายของนาง ในใจนางแม้ว่าจะมีช่วงเวลาที่ยากลำบาก แต่นางก็อดไม่ได้ที่จะมีความสุขจากสถานการณ์เช่นนี้
เจี้ยนเฉินนั่งลงข้างเตียงของนางและพูดเบา ๆ องค์หญิงโหยวเยว่ มันอาจจะเจ็บเล็กน้อย แต่ก็เพียงไม่กี่นาทีขอให้อดทนไว้หน่อย