“นี่มันตัวอะไรกัน ?” เสียงตื่นตระหนกดังขึ้น

ปัง ปัง ปัง! มู่เฉียนซีกับโม่จิ่นเกือบจะถูกตัวประหลาดข้างหลังไล่ทันแล้ว

ปัง! มู่เฉียนซีเอื้อมมือไปเปิดประตูด้านข้างพลางกล่าวเสียงขรึมว่า “ไป!”

ตุบ! ทั้งสองกระโดดเข้าไปในห้องนั้น และรีบปิดประตูทันที นึกไม่ถึงเลยแม้แต่น้อยว่าโครงกระดูกนั่นจะไม่พังประตูตามเข้ามา

ทันใดนั้นเองโม่จิ่นก็รู้สึกหนาวสันหลังขึ้น เขาหันไปด้วยตัวที่แข็งทื่อ และกล่าวด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือว่า “ทิ ที่นี่ยังมีอะไรอีก ? หรือว่าจะเป็น……”

มู่เฉียนซีกล่าว “ปฏิกิริยาว่องไวมาก ในนี้ยังมีอะไรบางอย่างอยู่”

ได้ยินเช่นนี้แล้วโม่จิ่นก็ยิ่งรู้สึกขนพองสยองขวัญมากขึ้น!

“คงจะไม่ใช่ผีหรอกนะ! ช่วยด้วย! ” โม่จิ่นกระโดดขึ้นด้วยความหวาดกลัว

มู่เฉียนซีทำอะไรไม่ถูก “เจ้ากำลังจะกลายเป็นผู้แข็งแกร่งขั้นมหาจักรพรรดิที่สง่าผ่าเผย ยังจะกลัวผีอีกรึ ?”

“ต่อให้ข้าเป็นยอดฝีมือขั้นมหาจักรพรรดิจริง ๆ แต่ข้าก็เป็นคนนะ! ข้าจะไม่กลัวสิ่งที่มืดสลัวนั้นได้ยังไงกันเล่า ?” โม่จิ่นรู้สึกอายจนใบหน้าแดงก่ำและเริ่มกล่าวโต้แย้ง

เขาไปหลบอยู่ด้านหลังมู่เฉียนซีและกล่าวว่า “แม่นางมู่ เจ้าเป็นผู้กล้า เจ้าต้องช่วยข้าให้รอดพ้นไปจากกรงเล็บปีศาจของภูตผีปีศาจเหล่านี้นะ”

มู่เฉียนซีหมดคำพูดกับเขาจริง ๆ ทว่า ตอนนี้นางกลับรับรู้ได้ถึงเสียงร้องตะโกนของกระบี่มังกรเพลิงที่อยู่ในมือ

กระหายแล้ว! ต้องการจะกลืนกิน มีของอร่อยอยู่ตรงหน้ามิใช่รึ

ผีที่อยู่บนเรือวิญญาณมรณะลำนี้ เป็นเพียงแค่วิญญาณที่ล่องลอยเท่านั้น ตลอดเวลาที่ผ่านมากระบี่มังกรเพลิงกลืนกินเพียงแค่วิญญาณในร่างของมนุษย์เป็นอาหารเท่านั้น เหตุใดตอนนี้ถึงทนไม่ได้

ทว่า เหยื่อที่อยู่ตรงหน้านี้มิอาจมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แล้วจะลงมืออย่างไรกันเล่า!

ฮืม! ตอนนี้กระบี่มังกรเพลิงแสดงท่าทางไม่พอใจนายท่านเสียแล้ว

พลังจิตของมู่เฉียนซีแผ่ซ่านออกไป นางกล่าว “ตกลง! อยากจะกินก็ทำตัวให้มันดี ๆ หน่อย”

ไม่จำเป็นต้องใช้ทักษะวิญญาณที่รุนแรงมากนัก วิญญาณที่ล่องลอยทั้งหมดนี้ก็ถูกกระบี่มังกรเพลิงแทงเข้า พลังของพวกมันถูกกระบี่มังกรเพลิงผู้ตะกละนี้กลืนกินไปจนหมดสิ้นแล้ว

ในตอนแรกสามารถรับรู้ถึงการมีอยู่ของวิญญาณสัตว์โดยการใช้พลังจิตได้ วิญญาณที่เหลืออยู่ของมนุษย์ก็เช่นกัน ฆ่าได้ในคราเดียวด้วยความแม่นยำ!

โม่จิ่นที่หลบอยู่ด้านข้างเมื่อมองไปแล้วก็ตกตะลึงขึ้น ร่างสีม่วงเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วโดยที่ไม่ทิ้งร่องรอยใดเหลือไว้

ทุกครั้งที่นางกวัดแกว่งกระบี่ นางรับรู้ได้ว่าสิ่งที่มืดสลัวเหล่านั้นลดน้อยลงไปมาก เห็นได้ชัดว่าพลังความแข็งแกร่งของนางนั้นมิอาจเทียบเขาได้ ทว่า พลังจิตในการรับรู้ของนางนั้น ทิ้งห่างเขาไปไกลมาก

ปลายกระบี่ส่องแสงแดงฉานราวกับสัตว์ร้ายที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการ

มู่เฉียนซีรู้สึกได้ถึงความหวาดกลัวของวิญญาณเหล่านั้น กระบี่มังกรเพลิงสมแล้วที่เป็นอาวุธแห่งการสังหาร

ปัง ปัง! วิญญาณที่อยู่ในนี้ค่อย ๆ ลดน้อยลง ทำให้โครงกระดูกที่เฝ้าประตูอยู่นั้นเตรียมพร้อมที่จะลงมือบุก และเริ่มกระแทกประตูตรงหน้าอย่างรุนแรง

“เจ้านั่นเข้ามาแล้ว” สีหน้าของโม่จิ่นซีดเผือด

“เจ้าขวางมันเอาไว้ก่อน ข้าจะจัดการกับวิญญาณเหล่านี้ให้สิ้น!” มู่เฉียนซีกล่าว

ปัง! โครงกระดูกขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านนอกได้กระแทกประตูอย่างรุนแรงจนประตูถูกเปิดออก

พลังธาตุอัคคีของโม่จิ่นโคจรไปทั่วทั้งร่าง และได้ต่อสู้กับตัวประหลาดที่ฆ่าไม่ตายนั้นอย่างสุดชีวิต ส่วนมู่เฉียนซียังคงจัดการกับวิญญาณเหล่านั้นอย่างง่ายดาย เขารู้สึกว่านางแตกต่างไปจากมนุษย์โดยสิ้นเชิง!

พลังจิตของมู่เฉียนซีแข็งแกร่งมาก อีกทั้งยังมีกระบี่มังกรเพลิงที่เป็นเคราะห์ร้ายของวิญญาณเหล่านั้นแน่นอนว่าต้องจัดการได้อย่างง่ายดาย

และเมื่อได้จัดการกับวิญญาณจนไม่เหลือแล้ว กระบี่มังกรเพลิงก็ยังคงไม่พอใจ ไม่พอใจเป็นอย่างมาก

เมื่อความกระหายของมันได้เริ่มขึ้น ก็ยากที่ควบคุมได้

กระบี่เจ้าตะกละได้กลืนกินเรียบเป็นหน้ากลองเช่นนี้ มู่เฉียนซีก็จนปัญญาจริง ๆ แต่ถึงอย่างไรบนเรือวิญญาณมรณะนี้ก็มีวิญญาณอยู่ไม่น้อย น่าจะเพียงพอที่จะให้เจ้านี่กลืนกินจนอิ่ม ตอนนี้จัดการกับผู้ที่คุกคามตรงหน้านี้ก่อน

มู่เฉียนซีมองไปยังโครงกระดูกที่ได้ทำร้ายยอดฝีมือขั้นจักรพรรดิแห่งภูตระดับสูงสุดอย่างโม่จิ่นจนตกอยู่ในที่นั่งลำบาก ร่างสีม่วงเคลื่อนไหวไปอย่างรวดเร็วราวสายฟ้า และลงมืออย่าไร้ซึ่งความปรานี

“ทักษะเทียนซวน!”

ตูม ตูม ตูม! พลังที่สามารถทำลายก้อนหินให้แหลกสลายกลายเป็นผุยผงได้นั้น ได้โจมตีโครงกระดูกนี้จนพังทลาย

แกร่ก แกร่ก แกร่ก!

ทว่า มันกลับมาประกอบร่างขึ้นใหม่อีกครั้ง ร่างนี้ยังคงเป็นร่างที่ไม่ยอมตาย

มู่เฉียนซีกล่าว “รีบไป!”

มู่เฉียนซีรู้ดีว่าเจ้านี่ทำลายอย่างไรก็ไม่ตาย เว้นแต่ว่าต้องมีพลังอันไร้เทียมทาน เหมือนกับที่จิ่วเยี่ยได้ทำลายโครงกระดูกตรงหน้าให้กลายเป็นผุยผง เช่นนั้นก็น่าจะกลับมาประกอบร่างไม่ได้อีกแล้ว

ใช่แล้ว!

ผุยผง!

นางไม่มีพลังแข็งแกร่งที่ไร้เทียมทาน แต่การที่จะทำให้โครงกระดูกนี้กลายเป็นผุยผง ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีวิธีอื่น

โม่จิ่นรีบวิ่งหนีตามมู่เฉียนซีไป แต่โครงกระดูกที่ความเร็วของมันฟื้นกลับมาอีกครั้งนั้นดูท่าแล้วไม่ยอมปล่อยพวกเขาไปเลย

เงาร่างสีเขียวเข้มลอยมาและกล่าวติดตลกว่า “โชคของสาวงามนั้นไม่ดีเอาซะเลย ทันทีที่เข้ามาก็เจอศัตรูรายใหญ่เอาซะแล้ว ปัญหาใหญ่แล้วหล่ะ”

“หรือเยี่ยจะเห็นว่าการที่สาวงามวิ่งหนีตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูกเช่นนี้เป็นเรื่องสนุก และดูน่ารักมาก เขาก็เลยไม่คิดจะลงมือ”

เงาร่างสีดำเคลื่อนไหวมา และกล่าวว่า “ซียังมีวิธี”

“ไปหาต้นตอเดี๋ยวนี้!” ดวงตาสีฟ้าอันเย็นยะเยือกจ้องมองไปที่จื่อโยวผู้ที่ไม่จริงจังต่อเรื่องใดใด

“ขอรับ!”

เรือโบราณแห่งโลกสี่ทิศมีกลิ่นอายของแดนปรโลกอยู่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผิดปกติเป็นอย่างมาก!

พวกเขาเปิดประตูอีกบ้านหนึ่งอีกครั้งและเข้าไปซ่อนตัวอยู่ด้านใน วิญญาณด้านในสามารถสยบโครงกระดูกนั้นได้ ทำให้มันไม่กล้าบุกเข้ามา

ทว่า ในห้องห้องนี้มิได้ง่ายดายเหมือนดั่งตอนแรก ทันทีที่พวกเขาย่างกรายเข้ามาเหมือนกับเข้ามาในภูเขาที่เต็มไปด้วยซากศพอันนองเลือด ทั่วทุกแห่งหนล้วนแต่มีวิญญาณดุร้ายพลิ้วไหวอยู่

ตอนนี้โม่จิ่นรู้สึกขนพองสยองเกล้าเป็นอย่างมาก “ช่วยด้วย!”

วิญญาณชั่วร้ายแต่ละตัวมีใบหน้าอันน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง และเข้ามาพัวพันกับพวกเขา ทันทีที่กระบี่มังกรได้กวัดแกว่งพวกมันก็ได้ถอยหลบไป

มู่เฉียนซีกล่าว “สิ่งที่เจ้าเห็นล้วนแต่เป็นภาพมายาทั้งสิ้น วิญญาณที่แท้จริงซ่อนอยู่ในที่ที่ลึกกว่านี้”

“เจ้าเฝ้าเอาไว้ให้ดี ข้ามีสิ่งที่ต้องทำ”

โม่จิ่นกล่าว “อะไรนะ ? ให้ข้าเฝ้า? เจ้า เจ้าไม่ฆ่าพวกมันเหรอ ?”

มู่เฉียนซีกล่าว “หากฆ่าพวกมัน โครงกระดูกนั่นก็จะบุกเข้ามา อยู่ตรงนี้มากสุดพวกมันแค่โจมตีจิตของมนุษย์ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร!”

สีหน้าของโม่จิ่นยิ่งซีดเผือด “นี่มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรกัน ข้ากลัวนะ! มันน่ากลัวซะยิ่งกว่าโครงกระดูกนั่นอีก”

“นี่เป็นเวลาที่เจ้าจะต้องฝึกความกล้าหาญ หากลูกน้องพวกเจ้ารู้ว่าหัวหน้าโม่ของพวกเขากลัวผีแล้วล่ะก็ มีหวังคนทั้งเกาะวิญญาณมรณะคงจะหัวเราะเจ้าจนฟันหลุดแน่!”มู่เฉียนซีกล่าวเบา ๆ

“อย่างไรเสีย ฟ้าดินรู้ เจ้ารู้ ข้ารู้มันไม่มีอะไรต้องละอายแล้ว” โม่จิ่นกล่าวอย่างธรรม

มู่เฉียนซีกล่าวขู่ว่า “หากเจ้าไม่เฝ้าให้ดี ข้ารับรองว่าความลับนี้ของเจ้า คนทั้งเกาะวิญญาณมรณะจะต้องรู้แน่”

โม่จิ่นสีหน้าดำคล้ำด้วยความโกรธ เขาแอบกัดฟันกรอดและกล่าวว่า “นี่เจ้าโหดร้ายมากเกินไปแล้ว อย่างน้อยเราก็เป็นสหายร่วมรบกันนะ!”

“หากเจ้าไม่ทำ ข้าก็จะไม่สนว่าเจ้าจะเป็นสหายร่วมรบหรือไม่”

เปลวเพลิงอันแดงฉานได้ปกคลุมบริเวณรอบ ๆ โม่จิ่นกล่าว “เห็นแก่ชื่อเสียงของข้า ข้าจะสู้ให้สุดใจ!”

มู่เฉียนซีกล่าวกับกระบี่มังกรเพลิงว่า “หากจะกินของดีก็ต้องเชื่อฟังข้า เฝ้าตรงนี้ไว้ให้ดี อย่าให้วิญญาณตนใดมารบกวนข้าได้ เข้าใจหรือไม่ ?”

ทั้งสองนั้นเป็นพันธสัญญากัน กระบี่มังกรเพลิงก็เชื่อฟังเป็นอย่างดี มันคอยเฝ้าข้างหน้ามู่เฉียนซีเอาไว้ โม่จิ่นกล่าวอย่างกลัดกลุ้มใจว่า “สถานการณ์มาถึงขั้นนี้แล้ว เจ้าคิดจะทำอะไร ?”