บทที่ 454 ความสะใจ
ณ หอคอยเวทมนตร์ของสำนักงานใหญ่สภาเวทมนตร์ในนครอัลลิน

ราเชล ผู้เยาว์วัยและกระฉับกระเฉงอยู่เสมอ สวมเสื้อคลุมเวทมนตร์สีเข้มซึ่งเผยให้เห็นถึงอารมณ์ขุ่นมัวของนาง นางกำลังรอผลสุดท้ายของการทดลองที่ทดลองโดยท่านบรูคและท่านลอเร็นอยู่ นางอยากรู้ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร และผลดังกล่าวจะปฏิเสธสมมติฐานควอนตัมแสงของลูเซียนได้หรือไม่

เมื่อได้รับผลกระทบจากซาแมนธา สหายสนิทของนาง โลกแห่งปัญญาของราเชลก็เปลี่ยนไปมากในช่วงสามปีที่ผ่านมา นางไม่ได้เป็นผู้สนับสนุนตัวยงของทฤษฎีคลื่นของแสงอีกต่อไป แต่กลับกัน ตอนนี้นางเอนเอียงไปทางสมมติฐานของลูเซียน อีวานส์ อย่างไรก็ตาม ความรู้ทั้งหมดที่นางได้มาตั้งแต่สมัยเป็นนักเวทฝึกหัด ภาพการแทรกสอดผ่านช่องคู่ รวมถึงจุดสว่างบรูค ทั้งหมดต่างเตือนให้นางเห็นว่าแสงแสดงลักษณะของคลื่น

อาจเหมือนกับที่ลูเซียนว่าไว้ พวกเขาควรไต่ระดับขึ้นสูงกว่าเพื่อวิเคราะห์สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างทฤษฎีคลื่นกับอนุภาค ราเชลคิดในหัวก่อนที่จะก้าวขึ้นบันได นางรีบดึงเท้าขวากลับ หันหลังกลับและมุ่งหน้าไปยังสำนักงานแลกเปลี่ยนเวทมนตร์ แม้ว่าในห้องทำงานของอาจารย์ของนาง นางจะได้อ่านวารสารอาร์คานาฉบับล่าสุดในอีกครึ่งชั่วโมงให้หลัง ราเชลก็ไม่อาจเฝ้ารอได้อีกต่อไป

นางสืบเท้าเดินเร็วกว่าปกติ เมื่อนางเดินเข้ามาใกล้กับหน้าไปยังสำนักงานแลกเปลี่ยน ราเชลก็เห็นว่ามีคนมุงอยู่เต็มไปหมด นางไม่ประหลาดใจ ทุกคนกำลังเฝ้ารอผลการทดลองของสงครามระหว่างคลื่นและอนุภาค โดยปกติแล้ว ไม่มีฝูงชนเฝ้ารอวารสารอาร์คานามากมายขนาดนี้ ขณะที่จอมเวทส่วนใหญ่ที่อยู่ระดับต่ำกว่าชั้นอาวุโสก็ไม่สามารถเข้าใจบทความทั้งหมดนี้ได้อยู่ดี

ราเชลเดินแทรกตัวผ่านฝูงชน พยายามเข้าไปให้ถึงโต๊ะหนึ่งตรงมุมที่มีคนบางตากว่า สิ่งที่ทำให้นางรู้สึกแปลกใจก็คือฝูงชนยืนกันอยู่ค่อนข้างเงียบ เงียบแบบแปลกๆ

“เกิดอะไรขึ้น?” ราเชลสงสัย ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ราเชลร่ายเวทในตัวนางเองสองสามบทและเดินไปยังโต๊ะแลกเปลี่ยนที่มีคนมุงมากที่สุด

“อ๊า!…” เสียงกรีดร้องสั้นๆ หยุดลงกะทันหัน

ราเชลเห็นศพร่างหนึ่งที่อวัยวะไม่ครบ หัวระเบิด… เลือดแดงข้น เนื้อเยื่อสมองสีขาว และวารสารอาร์คานาฉบับล่าสุดก็วางกองอยู่กับพื้น

จอมเวทหลายคนในกลุ่มฝูงชนต่างเคยฆ่าคนมาแล้วในอดีต อย่างไรก็ตาม ภาพที่เห็นตรงหน้าก็มากเกินไปสำหรับพวกเขา ทั้งนี้ทั้งนั้น ในช่วงไม่กี่ร้อยปีที่ผ่านมา เหตุหัวระเบิดเป็นเพียงเรื่องเล่าที่ผู้อาวุโสถ่ายทอดต่อๆ กันมา กลุ่มหัตถ์ไร้ชีวาก็เคยเห็นเหตุการณ์เช่นนี้มาครั้งหนึ่ง ในอีกมุมหนึ่ง บาทหลวงหรือพระคาร์ดินัลก็กลายเป็นคบเพลิงหรือดอกไม้เพลิงแสงศักดิ์สิทธิ์ที่ทุกคนสามารถเห็นได้ในนบางครั้ง

พวกนักเวทชั้นต้นและนักเวทฝึกหัดที่ไม่เคยถูกส่งออกไปทำภารกิจมาก่อนต่างประหวั่นพรั่นพรึง พวกเขาพูดพึมพำชื่อและสมญานามอันน่าขนลุก ‘เครื่องบดศีรษะ’ หน้าของพวกเขาซีดเผือด ราวกับว่าหัวของพวกเขาถูกขย้ำจากกงเล็บของเจ้าแห่งปีศาจ

ราเชลคิดว่าคงมีจอมเวทมาหานางและอาจารย์ของนางมากขึ้น หวังรับการบำบัดด้วยภาพมายาเพื่อรักษาบาดแผลในจิตใจในอนาคต รายการอาหารหล่อเลี้ยงวิญญาณก็โด่งดังในกลุ่มจอมเวท… นางไม่รู้ว่าทำไมความคิดนี้ถึงผุดขึ้นมาในช่วงเวลาเศร้าสลดเช่นนี้

ภาพที่เห็นไม่ใช่สาเหตุหลักของบรรยากาศอันเคร่งเครียดและน่าขนลุก แต่กลับเป็นเพราะวารสารที่วางเปิดอยู่บนพื้น บนหน้าที่เปิดอยู่ มีข้อความตัวหนาหลายบรรทัด

“…ข้าทำการทดลองเพื่อโต้แย้งสมมติฐานควอนตัมแสง อย่างไรก็ตาม ผลและภาพการทดลองตรงกับคุณสมบัติของควอนตัมแสง ข้าต้องยอมรับว่าความพยายามของข้าที่จะปฏิเสธสมมติฐานกลับกลายเป็นหลักฐานที่สนับสนุนสมมติฐานนี้ในตอนนี้”

“เอ็ดวิน บรูค มหาจอมเวทชั้นตำนานระดับสี่ ‘จักรพรรดิแห่งการควบคุม’

ราเชลถอนสายตาจากหน้ากระดาษและหันขึ้นไปมองเพดาน นางไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมา ตั้งแต่นางเข้ามาเป็นลูกศิษย์ของสำนักเวทมนตร์ ทฤษฎีคลื่นก็เป็นหนึ่งในความเชื่อพื้นฐานที่สุดที่บรรดาอาจารย์ของนางสอนมา ในความคิดของนาง ทฤษฎีคลื่นของแสงก็เหมือนกับหอคอยยักษ์ ตั้งตระหง่านบนพื้นที่แข็งแกร่งเหมือนกับระบบทฤษฎีอื่นๆ ที่นำเสนอโดยท่านดักลาสและท่านบรูค

นางรู้สึกว่าโลกนี้แปลกประหลาดสำหรับนาง

ความรู้สึกอ่อนไหวที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยครั้งก็เกาะกุมหัวใจของนาง ราเชลค่อยๆ เดินถอยออกจากฝูงชนอย่างเงียบๆ แล้วก็ตรงไปยังคณะกรรมการตรวจสอบอาร์คานา ขณะเคาะประตูห้องทำงานของอาจารย์ของนาง ราเชลก็รู้สึกว่านางเหมือนเด็กที่เรียกหาแม่มาปลอบใจ

“เข้ามาได้” เสียงของอิซาเบลลาดังมาจากด้านหลังประตู

เมื่อได้ยินเสียงของอาจารย์ ราเชลก็ตื่นจากการละเมอราวกับตกอยู่ในภวังค์และพบว่าตัวเองอยู่ผิดที่ผิดทาง นางตั้งใจจะไปยัง ‘ศูนย์วิจัยสมองและฮอร์โมน’ ที่ตั้งอยู่ข้างๆ กับสถาบันอะตอม เพื่อรออาจารย์ของนางที่นั่น นอกจากนี้ โดยปกติ ท่านหญิงอิซาเบลลาก็ไม่น่าจะอยู่ในห้องทำงานตั้งแต่เช้าตรู่เช่นนี้

ราเชลเปิดประตูเข้าไปช้าๆ และเห็นเสื้อคลุมเวทมนตร์ของอาจารย์แปลงเป็นชุดราตรียาวสีดำ บนหน้าอกของอิซาเบลลา ก็มีดอกไม้สีขาวดอกเล็กๆ ประดับอยู่

“ใครกันเจ้าคะ…?” ราเชลถามด้วยความระมัดระวัง

“ลอเร็น คริสตัล…” อิซาเบลลาเอ่ยชื่อออกมาด้วยความเศร้า นางรู้จักนักเวทหัวดื้อทั้งสองคนมานานหลายปี

“ท่านลอเร็น…?” ราเชลก็ห้วนนึกถึงชายชราร่างสูงผอมบาง แต่สิ่งที่นางประทับใจในตัวเขาที่สุดก็คือแถวเหรียญตราบนหน้าอก ซึ่งบอกให้รู้ถึงเกียรติยศสูงสุดของเขา

อิซาเบลลาพยักหน้า ดวงตาของนางเป็นประกาย “ใช่ ผู้วิเศษสิ้นใจแล้ว” ผู้วิเศษที่เคยได้รับรางวัลสูงสุดจากสำนักแม่เหล็กไฟฟ้า แสง-ความมืด และอุณหพลศาสตร์คนนั้น สิ้นใจแล้ว เขาสิ้นใจจากการพัฒนาอาร์คานาและเวทมนตร์…”

“…” ราเชลก็เข้าใจถึงความโหดร้ายของโลกใบนี้ได้ในทันที

ต่อหน้าลูกศิษย์ของนาง อิซาเบลลาฝืนยิ้มออกมาเพื่อปลอบใจนาง “ไม่ต้องกลัว! อย่าหลงทาง นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ตอนที่ข้ายังเด็ก บางครั้งหัวของผู้สนับสนุนทฤษฎีอุนภาคก็ระเบิด ตอนนี้ถึงเหลือจอมเวทที่สนับสนุนทฤษฎีอนุภาคไม่มาก เจ้าน่าจะรู้สึกโชคดี ราเชล ข้าก็ด้วย สำหรับพวกเราที่เตรียมตัวกันมาสามปี สมาชิกคณะกรรมการที่ตรวจสอบบทความของท่านบรูคและท่านลอเร็นก็คงรอดมาได้ เราต้องใช้เวลาอีกสองสามเดือนเพื่อให้วิญญาณของพวกเขาฟื้นตัวจากบาดแผลในจิตใจ”

“ข้าเข้าใจเจ้าค่ะ” สมัยนางยังอยู่ในสำนัก ราเชลเคยอ่านเรื่องราวประวัติศาสตร์ ในช่วงนั้นอัจฉริยภาพของท่านบรูคเฉิดฉายอย่างยิ่ง และก็สามารถโค่นล้มทฤษฎีอนุภาคของแสงได้ เขาต้องก้าวย่ำไปบนเลือดและหัวที่ถูกระเบิด จนขึ้นสู่บัลลังก์มหาจอมเวทในที่สุดและกลายเป็นผู้วิเศษชั้นตำนานสูงสุดระดับสองในสภา ว่ากันว่าสหายสนิทคนหนึ่งของท่านดักลาส ซึ่งเป็นสมาชิกของสภาสูงสุดและเป็นผู้วิเศษระดับตำนานในตอนนั้น ก็ต้องสิ้นใจลงพร้อมกับมิติพิเศษที่ล่มสลาย

แต่การอ่านประวัติศาสตร์จากหนังสือต่างๆ และการได้เห็นด้วยตาตัวเองเป็นเรื่องที่แตกต่างกันลิบลับ หัวใจของราเชลยังคงเต้นไม่เป็นส่ำจากภาพน่าขนลุกที่เห็น

เมื่อเห็นว่าหน้าของลูกศิษย์ของนางยังคงดูซีดเผือด อิซาเบลลาก็เดินไปหาราเชลและลูบผมนางอย่างอ่อนโยน เหมือนกับแม่กำลังโอ๋ลูกสาว “ยุคสมัยแห่งการก้าวหน้ากำลังมา ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมาตอนที่ท่านบรูคนำการปฏิวัติครั้งใหญ่มาสู่สภา เราได้เห็นผู้นำกลุ่มใหม่ขึ้นมาสู่เวที มหาจอมเวทสองคน เฮลเลนและวิเซนเต ราวถึงนักเวทชั้นตำนานอีกสี่คน พลังของสภาเวทมนตร์ก็เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ตอนนี้เรามีผู้วิเศษและนักเวทอาวุโสมากกว่าแต่ก่อน สมัยที่ข้ายังเด็ก สภามีผู้วิเศษประมาณยี่สิบคน แต่ตอนนี้เรามีมากถึงหกสิบสอง… ไม่สิหกสิบเอ็ดคน”

“นี่เป็นโอกาสของเรา” อิซาเบลลาเอ่ย “จำไว้ เราต้องไม่หลับหูหลับตาเชื่ออะไรและไม่สูญเสียศรัทธา เราต้องเชื่อในความจริง”

ณ คริสตจักรแห่งอาภาในราชอาณาจักรโฮล์ม

“ลอเร็น ‘อสนีบาตทำลายล้าง’ ลำดับที่เจ็ดสิบหกในบัญชีกวาดล้าง” วาฮารัลล์อ่านรายชื่อพร้อมกับรอยยิ้มกว้างบนหน้า “คริสตัล ‘สายฟ้ากระหายโลหิต’ ลำดับที่สองร้อยหกสิบเก้าในบัญชีกวาดล้าง… โถ ข้าอยากจะเพิ่มเหรียญเทวทูตราตรีให้กับท่านลูเซียน อีวานส์ ศาสตราจารย์ของเราเสียจริงๆ เพื่อเป็นเกียรติที่ช่วยกำจัดนักเวทชั่วๆ พวกนี้!”

หลังจากใช้เวลาอยู่ในโฮล์มมานาน วาฮารัลล์ก็ได้เรียนรู้ถึงสุุนทรพจน์การมอบรางวัลมงกุฎแห่งโฮล์มมาตรฐานและใช้พูดเป็นมุกตลก

อัศวินศักดิ์สิทธิ์สโตนก็หัวเราะออกมาเสียงดัง “ผู้วิเศษหนึ่งศพ นักเวทอาวุโสสามศพ นักเวทชั้นกลางยี่สิบเจ็ดศพ… ไหนจะพวกที่โลกแห่งปัญญาแตกสลายและปิดผนึก! ถ้าลูเซียน อีวานส์ อยากจะเข้าเป็นผู้พิทักษ์ราตรี เขาน่าจะติดอันดับหนึ่งในห้าเพราะจำนวนศพพวกนี้!”

มีนักบวชชั้นตำนานเพียงสามคนในคณะไต่สวน และหนึ่งในนั้นก็เป็นนักเวทโบราณที่แปรพักตร์มา ดังนั้น เขาจึงอยู่ในอันดับของผู้พิทักษ์ราตรี นักเวทโบราณคนนี้ครั้งหนึ่งเคยสังหารนักเวทชั้นตำนานที่อยู่ในสามสิบอันดับแรกในบัญชีกวาดล้าง และกลายเป็นผู้พิทักษ์ราตรีระดับสูงสุด แม้ว่าจะมีนักเวทอาวุโสหลายคนในหน่วย แต่ก็มีถึงไม่สิบคนที่มีพลังระดับเก้า แม้มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถกำจัดจอมเวทระดับเก้าและนักเวทระดับเก้าเหมือนลอเร็นได้

ฟีลิเบลไม่อาจหุบยิ้มได้เช่นกัน นี่เป็นข่าวดีที่สุดสำหรับเขาในรอบสิบปี สำหรับพวกเขา ไม่ว่าจะแสงหรืออนุภาคก็ไม่มีความสำคัญ เคยมีบาทหลวงที่ถูกแสงศักดิ์สิทธิ์กัดกินมาก่อนสมัยที่บรูคพิสูจน์ว่าแสงเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าประเภทหนึ่ง แต่ก็เพราะความจริงที่ว่าผลการศึกษาดังกล่าวทำให้ความศักดิ์สิทธิ์ของแสงแปดเปื้อน สำหรับสมมติฐานควอนตัมแสง พวกเขาไม่ได้รู้สึกอะไรด้วยทั้งสิ้น

ฟีลิเบลลูบเคราสีขาวหนาๆ ของเขาแล้วยิ้มกว้างออกมา

“เสียดายที่อีวานส์ไม่ได้ระเบิดหัวของบรูคด้วย ไม่อย่างนั้นพระสันตะปาปาคงมอบตำแหน่งนักบุญให้กับเขา เจ้าสองคนจำตอนที่มีคนบอกว่าเราควรเรียกบรูคว่านักบุญได้ไหม? ถ้าเทียบกับบรูคแล้ว ลูเซียน อีวานส์ ก็ยังล้าหลังเขาอยู่นิดหน่อยไม่ใช่หรือ?”

เมื่อได้ยินความเห็นดังกล่าว วาฮารัลล์และสโตนก็หัวเราะออกมาเสียงดัง สะใจกับความสูญเสียของศัตรู

“ได้ยินมาว่าบรูคก็บาดเจ็บสาหัสเหมือนกัน ข้าอยากเห็นสภาพโลกแห่งปัญญาของเขาตอนนี้เสียจริง ถ้าโลกแห่งปัญญาของเขาแตกสลายและปิดผนึก ข้าต้องบอกว่านี่เป็นการจัดสรรอันสมบูรณ์แบบของพระเจ้าแห่งสัจธรรม เมื่อหลายปีที่แล้ว เขาได้ใจจากบาทหลวงไปนับไม่ถ้วนและทำลายโลกแห่งปัญญาของนักเวทไปมากมาย กรรมตามสนองเขาเข้าแล้ว” ฟีลิเบลพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งศาสนา เขาเชื่อว่าพระเจ้าแห่งสัจธรรมมีอยู่จริง และเชื่อมากขึ้นยิ่งกว่าแต่ก่อน

“สัจจะคงอยู่นิรันดร์” วาฮารัลล์และสโตนทำเครื่องหมายกางเขนบนหน้าอกพร้อมกัน

แล้วทั้งสามก็มองหน้ากันและยิ้มอีกครั้ง

ฟีลิเบลพูดติดตลก “เราควรสวดให้ ‘นักบุญ’ ลูเซียน อีวานส์ ด้วยไหม? มาสวดคุ้มครองเขาให้ปลอดภัยและทำภารกิจอันทรงเกียรติรับใช้พระผู้เป็นเจ้าต่อดีไหม?”

“การเล่น-แร่-แปร-ธาตุ…ใหม่?” เฟอร์นันโดออกเสียงแต่ละพยางค์ของบทความใหม่ของลูเซียน ดวงตาสีแดงของเขาจ้องมองลูเซียนที่มีท่าทางสุขุมและสงบอย่างกระตือรือร้น