ตอนที่ 264 ความรังเกียจของฉินเพ่ยหรง / ตอนที่ 265 กล่าวโทษ

เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย

ตอนที่ 264 ความรังเกียจของฉินเพ่ยหรง

 

 

 

 

เสียงเคาะประตูดัง “ก๊อกๆๆ” เฉียวซือมู่กำลังเช็ดตัวให้จิ้นหยวนอยู่พอดี เธอรู้ว่าแม้จิ้นหยวนจะไม่ได้ให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ของตัวเองสักเท่าไหร่ แต่ความจริงแล้วเขาเป็นคนที่รักความสะอาดมาก อย่างน้อยต้องอาบน้ำวันละสองครั้ง ตอนนี้เขาต้องนอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง จะอาบน้ำก็ไม่ได้ ถ้าเขาตื่นขึ้นมาคงรู้สึกไม่สบายแน่

 

 

ดังนั้น นอกจากการดูแลที่ต้องทำปฏิบัติตามคำสั่งแพทย์แล้ว เธอยังช่วยเช็ดตัวให้เขาทุกวันอีกด้วย และยังช่วยพลิกตัวให้เขา ร่างกายเขาจะได้ไม่เป็นแผลกดทับ

 

 

วันนี้ก็เช่นเดียวกัน หลังจากเธอเหงื่อชื้นเต็มหน้าเพราะเพิ่งเสร็จสิ้นภารกิจดูแลจิ้นหยวนในช่วงเช้า จู่ๆ เธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ฟังดูเร่งรีบมาก จากนั้นตามมาด้วยเสียงเคาะประตูห้อง

 

 

เธอลุกขึ้นด้วยความแปลกใจ พยาบาลพิเศษเดินไปเปิดประตู เธอหันไปมอง ทันใดนั้น สิ่งที่เห็นทำให้เธอตกใจมาก

 

 

ไม่รอให้เฉียวซือมู่ได้ตั้งสติ ฉินเพ่ยหรงเดินลิ่วๆ เข้ามาในห้องราวกับสายลมวูบใหญ่ เธอไม่มองเฉียวซือมู่แม้แต่หางตา ถลาเข้าไปจะกอดจิ้นหยวนท่าเดียว

 

 

เฉียวซือมู่เหงื่อแตกพลั่ก รีบวิ่งเข้าไปกอดเอวเพื่อรั้งฉินเพ่ยหรงเอาไว้สุดแรง “คุณป้า ทำอย่างนั้นไม่ได้นะคะ…”

 

 

“เธอไสหัวออกไปเลยนะ!” ฉินเพ่ยหรงเพิ่งได้ข่าวว่าลูกชายตัวเองได้รับบาดเจ็บสาหัสเพราะเฉียวซือมู่ ในใจทั้งเป็นห่วงลูกชาย ทั้งรังเกียจเฉียวซือมู่ แล้วตอนนี้ยังจะมากีดกันไม่ให้เธอเข้าใกล้ลูกชายอีก เธอจึงอาละวาดทันที “เธอคิดว่าตัวเองเป็นใคร? ถึงได้กล้าลามปามฉันแบบนี้? ไสหัวออกไปเลยนะ!”

 

 

เฉียวซือมู่ตกใจมาก ถึงจะถูกฉินเพ่ยหรงดุด่าเสียๆ หายๆ แต่เธอก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ใดๆ ได้แต่กอดเอวฉินเพ่ยหรงเอาไว้แน่น พยาบาลพิเศษที่เพิ่งได้สติรีบเข้ามาช่วยดึงฉินเพ่ยหรง “คุณผู้หญิงท่านนี้ ทำอย่างนั้นไม่ได้นะคะ…”

 

 

“นังสารเลวหน้าไม่อาย ไสหัวออกไปนะ!”

 

 

ฉินเพ่ยหรงทั้งหวาดกลัวทั้งร้อนใจจนสติแทบจะไม่เหลือ พอเห็นเป็นตายร้ายดีอย่างไรเฉียวซือมู่ก็ไม่ยอมให้เธอเข้าใกล้ลูกชาย จึงทำให้เธอเข้าใจผิดคิดว่าต้องเกิดอะไรขึ้นกับจิ้นหยวนแน่ๆ ทีนี้เธอยิ่งกระวนกระวายหนักขึ้นไปอีก ด่าเสร็จแล้วไม่รู้ว่าไปเอาแรงมาจากไหน เธอหมุนตัวแล้วผลักเฉียวซือมู่เต็มแรง แต่เฉียวซือมู่ยังคงกอดเอวเธอแน่นไม่ยอมปล่อย ปากก็พยายามบอก “คุณป้าฟังหนูก่อน…”

 

 

ยังไม่ทันจะได้พูดจบเธอก็ถูกฉินเพ่ยหรงตบหน้าฉาดใหญ่ เฉียวซือมู่ตะลึงนิ่งอึ้ง สองแขนที่กอดเอวฉินเพ่ยหรงเอาไว้คลายออกทันที

 

 

ฉินเพ่ยหรงเห็นว่าเฉียวซือมู่เลิกขัดขวางตัวเองแล้ว จึงรีบสลัดพยาบาลพิเศษออก จากนั้นโถมตัวเข้าไปกอดจิ้นหยวน แต่ก็ถูกพยาบาลพิเศษดึงตัวเอาไว้อีก “คุณผู้หญิง ทำอย่างนั้นไม่ได้นะคะ…”

 

 

“อย่ามายุ่งกับฉัน….” ฉินเพ่ยหรงร้อนใจมาก แต่ก็สลัดพยาบาลพิเศษไม่ออกเสียที

 

 

“พวกคุณทำอะไรน่ะ?” ราวสวรรค์ทรงโปรด นางพยาบาลคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้องพอดี “พวกคุณเสียงดังเอะอะขนาดนี้จะให้คนไข้พักผ่อนได้ยังไง? เลิกเอะอะโวยวายได้แล้ว”

 

 

นางพยาบาลคนนั้นไม่สนอะไรทั้งนั้น เทศนาทุกคนถ้วนหน้า

 

 

ฉินเพ่ยหรงโกรธจนหน้าแดงก่ำ เธอเท้าสะเอว “คุณพยาบาลมาพอดีเลย รีบไล่คนพวกนี้ออกไปได้แล้ว”

 

 

“คุณเป็นใครคะ?” นางพยาบาลเอ่ยถามด้วยความสงสัย

 

 

ฉินเพ่ยหรงเอ่ยตอบ “ฉันเป็นแม่เขา เพราะฉะนั้น คุณรีบๆ ไล่คนพวกนี้ออกไปได้แล้ว เดี๋ยวนี้”

 

 

นางพยาบาลส่ายศีรษะปฏิเสธ “ขอโทษด้วยนะคะ ฉันไม่มีสิทธิ์ทำแบบนั้นหรอกค่ะ อีกอย่าง พวกเขาเป็นคนคอยดูแลลูกชายคุณ หลายวันมานี้ลูกชายคุณต้องพึ่งการดูแลจากพวกเขา แล้วตอนนี้คุณกลับปฏิบัติกับพวกเขาแบบนี้เหรอคะ แบบนี้คงไม่ดีหรอกมั้งคะ”

 

 

โบราณท่านว่าลูกวัวไม่กลัวเสือ นางพยาบาลอายุน้อยแต่กลับพูดอย่างเป็นเหตุเป็นผลเป็นฉากๆ

 

 

ฉินเพ่ยหรงหน้าแดงก่ำ “ดูแลอะไร? พวกเขาไม่ยอมให้ฉันแตะต้องตัวลูกชายด้วยซ้ำ แบบนี้มันกินปูนร้อนท้องชัดๆ”

 

 

สิ่งที่เธอคิดคือเฉียวซือมู่คงทำให้ลูกชายได้รับบาดเจ็บสาหัสหนักมาก จึงไม่กล้าให้เธอเข้าใกล้เขา เธอจ้องเฉียวซือมู่ตาเขียวปั๊ด ไม่ว่านางพยาบาลคนนั้นจะพูดอะไรก็ตาม เธอก็ต้องไล่เฉียวซือมู่ออกไปให้ได้

 

 

 

 

ตอนที่ 265 กล่าวโทษ

 

 

 

 

นางพยาบาลสีหน้าประหลาดใจ “คุณก็ต้องระวังสิคะ เพราะ…” ยังเอ่ยไม่ทันจบก็สังเกตเห็นท่าทางของฉินเพ่ยหรง เธอเข้าใจทันที “คุณกำลังจะเข้าไปกอดตัวคนไข้ใช่ไหมคะ? ทำแบบนั้นไม่ได้นะคะ คนไข้ได้รับบาดเจ็บบริเวณหน้าอก ขืนทำแบบนั้น เท่ากับทำให้อาการคนไข้แย่ลงนะคะ”

 

 

ฉินเพ่ยหรงชะงักอึ้ง หันกลับไปมองลูกชายที่ยังคงหลับไม่ได้สติ ไม่เห็นความผิดปกติตรงบริเวณหน้าอกสักนิด

 

 

เธอเดินเข้าไปใกล้ เลิกผ้าห่มออกอย่างระมัดระวัง เห็นบริเวณหน้าอกของจิ้นหยวนถูกพันด้วยผ้าพันแผลหลายชั้น เธอถึงยอมเชื่อคำพูดของนางพยาบาล และรู้สึกเสียใจต่อการกระทำของตัวเอง

 

 

ฉินเพ่ยหรงใจอ่อนลง พอได้กลิ่นน้ำยาระคนกลิ่นคาวเลือดที่ซึมผ่านผ้าพันแผลบนอกจิ้นหยวน ทำให้เธอนึกถึงเรื่องที่ลูกชายตัวเองต้องบาดเจ็บเพราะเฉียวซือมู่ขึ้นมาอีก หัวใจเธอกลับมาแข็งกระด้างอีกครั้ง

 

 

เธอหันกลับไปมองเฉียวซือมู่ที่ยืนนิ่งอยู่อีกทาง เอ่ยอย่างเย็นชา “เมื่อกี้ฉันใจร้อนเกินไปหน่อย”

 

 

ใบหน้าเฉียวซือมู่ยังร้อนผะผ่าว พอได้ยินฉินเพ่ยหรงเอ่ยแบบนั้นจึงรีบละล่ำละลักตอบ “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเข้าใจ ไม่เป็นไรค่ะ”

 

 

พี่โจวที่เป็นพยาบาลพิเศษทนดูไม่ไหวอีกต่อไป “ฉันไปเอาน้ำแข็งมาให้นะคะ” เธอเดินไปหยิบก้อนน้ำแข็งในตู้เย็น จากนั้นใช้ผ้าขนหนูห่อน้ำแข็งเอาไว้เพื่อให้เฉียวซือมู่ใช้ประคบหน้า

 

 

เฉียวซือมู่รับผ้าขนหนูห่อน้ำแข็งมาแล้วเอ่ย “ขอบคุณ” เบาๆ จากนั้นใช้ผ้าขนหนูประคบใบหน้าเพื่อบรรเทาความเจ็บปวด

 

 

พูดตามตรง เมื่อกี้ฉินเพ่ยหรงร้อนรนมากจึงออกแรงเยอะมาก เธอถูกตบจนกล้ามเนื้อบนใบหน้ากระตุก ถ้าไม่ได้ผ้าเย็นประคบเอาไว้ ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอจะเจ็บมากขนาดไหน เธอรู้สึกขอบคุณพี่โจวมาก จึงหันไปส่งยิ้มให้พี่โจวเป็นการขอบคุณ

 

 

ฉินเพ่ยหรงเห็นรอยยิ้มของเฉียวซือมู่แล้วรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที เธอทำเสียงฮึดฮัด รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้เป็นกาลกิณี อยู่กับลูกชายเธอนานขนาดนั้นแล้วแต่ยังไม่มีลูกสักที แถมยังทำให้อาหยวนเจ็บตัวอีก รอให้อาหยวนหายดีก่อนเถอะ เธอจะต้องเกลี้ยกล่อมลูกชายให้ได้ ต่อให้ไม่มีหร่วนเซียงเซียง แต่ก็ไม่ควรอยู่กับผู้หญิงกาลกิณีแบบนี้

 

 

แถมยังเป็นคนเจ้าแผนการอีก อาหยวนบาดเจ็บหนักขนาดนี้แล้วยังไม่คิดจะบอกพวกเธอสักคำ คงกลัวว่าจะถูกเธอด่าละสิ เฮอะ!

 

 

เฉียวซือมู่ไม่รู้เลยว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ฉินเพ่ยหรงมีอคติกับเธอมาก เธอยังคงคิดจะปรนนิบัติฉินเพ่ยหรงให้ดี เธอรินน้ำชาให้อย่างเอาใจใส่ เอ่ยปลอบเสียงอ่อนโยน “คุณป้าไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ คุณหมอบอกว่าอาการเขาคงที่ อีกไม่นานก็ฟื้นแล้วค่ะ”

 

 

ฉินเพ่ยหรงรับถ้วยน้ำชามา เอ่ยเพียง “อืม” คำเดียว เธอไม่ได้ดื่มน้ำชาที่รับมา หากแต่วางถ้วยน้ำชาลงบนโต๊ะ สายตามองดูจิ้นหยวนที่ยังหลับไม่ได้สติแล้วถอนหายใจออกมา “เวรกรรม เขายังหลับอยู่แบบนี้แล้วจะมีกะจิตกะใจดื่มชาได้ยังไง ทำไมถึงได้ซวยแบบนี้ ใครกันที่มันกล้าทำแบบนี้”

 

 

เฉียวซือมู่ฟังแล้วรู้สึกผิดมาก “ขอโทษค่ะคุณป้า เพราะฉัน… เขาถึงได้…”

 

 

ฉินเพ่ยหรงได้ยินแล้วหันไปทางเฉียวซือมู่ กวาดสายตามองเธอตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า จ้องเธอด้วยสายตาคมเฉียบ “เธอรู้ตัวก็ดีแล้ว ในเมื่อเป็นแบบนี้ เธอยิ่งต้องดูแลเขาให้ดี เข้าใจไหม?”

 

 

แม้ฉินเพ่ยหรงจะพูดจาฟังดูใจร้ายไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้เกินเลยอะไร เฉียวซือมู่จึงพยักหน้าหงึกๆ อย่างว่าง่าย “ค่ะ”

 

 

ฉินเพ่ยหรงเห็นท่าทางโอนอ่อนผ่อนตามของเฉียวซือมู่แล้วพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นหันกลับมองจิ้นหยวนแล้วถอนหายใจออกมาอีก

 

 

ความจริงเธออยากจะอยู่ดูแลลูกชายด้วยตัวเอง แต่พอเห็นว่าเฉียวซือมู่ที่เธอรังเกียจหนักหนาดูแลลูกชายได้เป็นอย่างดี ไม่มีแม้แต่โอกาสให้เธอเข้าแทรก ที่สำคัญ ตาแก่จิ้นเฮ่าที่ยังไม่รู้อิโหน่อิเหน่ยังรอเธออยู่ที่บ้านด้วยสิ

 

 

เพียงไม่นานเธอก็ลุกขึ้นเตรียมตัวกลับบ้าน ก่อนกลับยังอุตส่าห์วางมาดสั่งสอนเฉียวซือมู่ต่างๆ นานา บอกให้เฉียวซือมู่ดูแลจิ้นหยวนให้ดี มิเช่นนั้นเธอได้เห็นดีแน่ เฉียวซือมู่คิดว่าเป็นเพราะเธอเป็นห่วงลูกชายถึงได้เข้มงวดกับตัวเองแบบนี้ จึงไม่ได้คิดอะไรมาก