ตอนที่ 266 ทรมาน / ตอนที่ 267 ฟื้นคืนสติ

เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย

ตอนที่ 266 ทรมาน

 

 

 

 

หลังจากฉินเพ่ยหรงกลับไปแล้ว เฉียวซือมู่ยังคงดูแลจิ้นหยวนเป็นอย่างดี แต่พี่โจวทนดูไม่ไหวแล้ว เธอบ่นงึมงำ “ว่าที่แม่สามีคนนี้ร้ายใช่เล่น”

 

 

เฉียวซือมู่ได้ยินเสียงงึมงำของเธอแล้วส่ายศีรษะเบาๆ “ไม่หรอกค่ะ ท่านแค่เป็นห่วงจิ้นหยวนมากถึงได้เป็นแบบนี้ ปกติท่านเป็นคนอ่อนโยนมากนะคะ”

 

 

ก่อนหน้านี้พวกเธอเคยเจอกันแล้ว ต่างประทับใจกันไม่น้อย เธอเชื่อว่าที่ฉินเพ่ยหรงพูดจาโหดร้ายแบบนั้นเป็นเพราะสงสารลูกชายที่ได้รับบาดเจ็บมากกว่า ต่อไปต้องดีขึ้นแน่

 

 

แต่เธอคงลืมไปว่าความรู้สึกนึกคิดของคนเรานั้นเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา

 

 

พี่โจวฟังแล้วเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เธอเคยเห็นแม่สามีตัวร้ายมาไม่น้อย สายตาที่มองลูกสะใภ้มักจะไม่ธรรมดา แววตามักมีแต่ความเกลียดชัง เมื่อเกี้เธอเห็นสายตาของฉินเพ่ยหรงก็ไม่แตกต่างกัน เธอจึงไม่ค่อยอยากจะเชื่อนัก แต่เรื่องนี้มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ เธอแค่เตือนเท่านั้น พอเห็นว่าเฉียวซือมู่ไม่ได้ใส่ใจจึงไม่สนใจอีก

 

 

หลังจากนั้นฉินเพ่ยหรงก็มาที่โรงพยาบาลทุกวัน เธอร้อนใจมากที่จิ้นหยวนยังไม่ฟื้นเสียที จึงโยนความโกรธทั้งหมดไปที่เฉียวซือมู่คนเดียว จับผิดการดูแลของเฉียวซือมู่ทุกอย่าง พี่โจวทนไม่ไหวจนเกือบจะโต้ตอบหลายครั้ง แต่ก็ถูกเฉียวซือมู่ห้ามไว้ด้วยสีหน้านิ่งเฉยอย่างยอมรับชะตากรรมทุกอย่าง

 

 

วันนี้ฉินเพ่ยหรงยังคงนั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียงจิ้นหยวนเหมือนเดิม คอยนั่งจับผิดเฉียวซือมู่ที่กำลังช่วยพลิกตัวให้จิ้นหยวน คุณหมอกำชับหนักหนาว่าต้องพลิกตัวคนไข้ที่หลับไม่ได้สติบ่อยๆ และต้องคอยนวดตัวให้ด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดแผลกดทับเพราะเลือดลมไหวเวียนไม่ดี เฉียวซือมู่เป็นคนแบกรับภาระนี้เอาไว้เองทันทีโดยไม่ลังเลแม้แต่นิดเดียว

 

 

แต่จิ้นหยวนเป็นคนรูปร่างสูงใหญ่มาก เขาสูงตั้งหนึ่งร้อยแปดสิบเก้าเซนติเมตร เฉียวซือมู่ที่ตัวเล็กนิดเดียวต้องใช้พละกำลังทั้งหมดที่มีในการพลิกตัวเขาแต่ละครั้ง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องนวดตัวให้เขาเลย จิ้นหยวนเป็นคนที่ออกกำลังกายทุกวัน กล้ามเนื้อแข็งโป๊กอย่างกับก้อนหิน เธอลงแรงนวดทีแทบจะหมดแรงน้ำข้าวต้ม

 

 

เพราะฉะนั้น ทุกครั้งที่ต้องพลิกตัวและนวดตัวให้จิ้นหยวนจึงกลายเป็นเรื่องที่ยากลำบากมากสำหรับเฉียวซือมู่ ปกติพี่โจวจะเป็นคนช่วยเธอ แต่ก็ทนคำพูดกระแนะกระแหนของฉินเพ่ยหรงไม่ไหว “ไหนเธอบอกว่าจะดูแลอาหยวนให้ดีไม่ใช่หรือไง? ทำไมต้องให้คนอื่นช่วยด้วย?”

 

 

พี่โจวจึงต้องหลบไปอีกทาง คอยดูเฉียวซือมู่ที่พยายามพลิกตัวคนไข้ตัวใหญ่ยักษ์บนเตียงด้วยความยากลำบากจนเหงื่อแตกพลั่ก ส่วน “แม่สามี” ใจร้ายกลับนั่งดูอย่างเย็นชา เธอเห็นแล้วรู้สึกโมโหมาก เสนอตัวเข้าไปช่วยแต่ก็ถูกเฉียวซือมู่จอมดื้อปฏิเสธ เธอโมโหจนต้องหนีออกไปนั่งรอนอกห้อง ตาไม่เห็นใจจะได้ไม่นึกถึง

 

 

เฉียวซือมู่พยายามมากขนาดนั้นแล้ว แต่ฉินเพ่ยหรงยังคงตำหนิว่าเธอทำได้ไม่ดี เธอได้แต่ปิดปากเงียบ พยายามนวดตัวให้จิ้นหยวนสุดความสามารถ

 

 

เนื่องจากเธอต้องออกแรงเป็นเวลานาน ทำให้ตอนนี้เหงื่อแตกไปทั้งตัว เธอรู้สึกเหนียวเหนอะหนะจนไม่สบายตัว จึงเอ่ยกับฉินเพ่ยหรง “ช่วยปรับแอร์ให้เย็นลงอีกหน่อยได้ไหมคะ หนูร้อนน่ะค่ะ”

 

 

ฉินเพ่ยหรงครางเสียงฮึ่ม สีหน้ารังเกียจ “อาหยวนยังนอนสลบอยู่ เธออยากทำให้เขาเป็นหวัดหรือไง?”

 

 

เฉียวซือมู่เหลือบมองจิ้นหยวนแล้วลังเลชั่วครู่ แต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรอีก ความจริงจิ้นหยวนสวมเสื้อผ้าหนาพอสมควร ตอนนี้อุณหภูมิในห้องค่อนข้างสูง ปรับอุณหภูมิให้ลดลงอีกนิดหน่อยก็คงไม่เป็นไร แต่ท่าทางฉินเพ่ยหรงจะไม่ยอมแน่

 

 

ช่วงเวลาหลายวันที่ผ่านมา เฉียวซือมู่ดูออกแล้วว่าฉินเพ่ยหรงไม่ชอบเธอ เห็นเธอขัดหูขัดตาไปเสียทุกอย่าง แต่เธอไม่เคยคิดจะต่อต้านท่านเลยแม้แต่นิดเดียว ก็ใครใช้ให้ฉินเพ่ยหรงเป็นคุณแม่ของจิ้นหยวนล่ะ นั่นมันคุณแม่ของชายที่เธอรักนะ ที่สำคัญ เรื่องนี้ก็เป็นความผิดเธอด้วย เพราะฉะนั้น หากท่านจะใจร้ายไปบ้างก็สมควรอยู่หรอก รอให้จิ้นหยวนหายดีแล้วเดี๋ยวทุกอย่างก็จะดีขึ้นเอง…

 

 

 

 

ตอนที่ 267 ฟื้นคืนสติ

 

 

 

 

เฉียวซือมู่ปลอบใจตัวเอง พยายามนวดคลายกล้ามเนื้อให้จิ้นหยวนสุดกำลัง ขณะที่เธอกำลังนวดแขนให้เขาอยู่นั้น เธอสังเกตเห็นเปลือกตาเขากระตุก

 

 

เธอชะงักกาย หยุดนวดโดยอัตโนมัติ

 

 

“คุณป้าคะ เขาขยับแล้วค่ะ” เธอรีบเอ่ยบอกด้วยความตื่นเต้นดีใจ

 

 

ฉินเพ่ยหรงรีบลุกขึ้น “จริงเหรอ?”

 

 

“จิ้นหยวน? จิ้นหยวน?” เฉียวซือมู่เรียกชื่อเขาอยู่ข้างหู แต่กลับไร้ปฏิกิริยาตอบรับใดๆ จากเขาอีก

 

 

แปลกจัง หรือว่าเธอจะตาฝาดไป? เฉียวซือมู่ชักไม่แน่ใจเสียแล้ว

 

 

ฉินเพ่ยหรงที่ถลาเข้าไปหาจิ้นหยวนเอ่ยเสียงเข้ม “นี่เธอคิดจะอู้งานใช่ไหม ไม่เห็นเขาขยับอย่างที่เธอพูดสักนิด”

 

 

“ไม่ใช่นะคะ เมื่อกี้ฉันเห็น…” เอ่ยได้เพียงครึ่งพลันเห็นเปลือกตาของจิ้นหยวนขยับอีก  

 

 

“คุณป้าดูสิคะ ขยับอีกแล้ว” เธอเอ่ยอย่างตื่นเต้น

 

 

เอ่ยจบพลันเห็นจิ้นหยวนขยับเปลือกตาแล้วลืมตาขึ้น เขาพยายามโฟกัสการมอง “มู่มู่? ทำไมคุณถึงอยู่บนตัวผม?” เขาเอ่ยเสียงแหบแห้ง

 

 

เธอดีใจมากจนลืมตัวว่าตัวเองกำลังนั่งทับอยู่บนตัวเขา พอได้ยินแบบนั้นจึงหน้าแดงซ่าน รีบขยับกายจะลงไป แต่กลับถูกเขาห้ามเอาไว้ “เดี๋ยวก่อน ไหนขอผมดูหน่อยซิว่าตกใจมากหรือเปล่า?”

 

 

“ฉัน… ฉันไม่เป็นไรค่ะ…” เธอขยับกายด้วยความกระวนกระวายใจ คุณป้ายืนอยู่ข้างหลังนะ

 

 

ยังไม่ทันที่เธอจะได้เอ่ยปากเขาก็เอ่ยแทรกขึ้น “คุณไม่เป็นไรก็ดีแล้ว…”

 

 

เขาเอ่ยจบปุ๊บ เฉียวซือมู่รู้ทันทีว่าแย่แน่แล้ว ก่อนหน้านี้ฉินเพ่ยหรงไม่พอใจเธอเพราะจิ้นหยวนช่วยเธอเอาไว้ ตอนนี้มาได้ยินเขาพูดแบบนี้คงโกรธเธอมากขึ้นกว่าเดิมแน่

 

 

และเป็นไปตามคาด เสียงไม่พอใจของฉินเพ่ยหรงดังขึ้น “ลูกก็เลยต้องยอมเจ็บตัวเพราะเธออย่างนั้นเหรอ?”

 

 

จิ้นหยวนหันไปมองฉินเพ่ยหรงด้วยความประหลาดใจ “คุณแม่มาอยู่ที่นี่ได้ยังไงครับ?” เขากำชับกับพ่อบ้านแล้วนี่ว่าห้ามบอกคุณพ่อคุณแม่

 

 

ฉินเพ่ยหรงกลับเข้าใจความหมายเขาผิดไปใหญ่ “นี่ลูกเจ็บตัวขนาดนี้ไม่คิดจะบอกแม่สักคำใช่ไหม ทำไมลูกต้องปกป้องผู้หญิงคนนี้มากขนาดนี้ด้วย?”

 

 

จิ้นหยวนมุ่นหัวคิ้ว “นี่ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอเลยนะครับ”

 

 

การพูดทำให้กระเทือนถึงบาดแผลของเขา เขาจึงชักหัวคิ้วชนกันแน่นเพราะรู้สึกไม่สบาย

 

 

เฉียวซือมู่เห็นสีหน้าเขาแล้วตกใจ รีบกดปุ่มเรียกคุณหมอทันที ฉินเพ่ยหรงปิดปากเงียบทันที รู้สึกเสียใจที่ตัวเองตำหนิลูกชายทันทีที่เขาฟื้นขึ้นมา

 

 

ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบทันที คุณหมอเข้ามาในห้อง ลงมือตรวจอาการเขาอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงเอ่ยขึ้น “ร่างกายคนไข้ไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่บาดแผลค่อนข้างลึก จึงต้องนอนรักษาตัวอยู่บนเตียงอีกสักครึ่งเดือน พวกคุณต้องดูแลคนไข้ให้ดี อย่ากระตุ้นให้คนไข้อารมณ์แปรปรวนหรือรุนแรง และห้ามทำอะไรที่มันต้องใช้แรงมาก ไม่อย่างนั้นแผลอาจจะฉีกได้”

 

 

 พอคุณหมอบอกแบบนี้ ต่อให้ฉินเพ่ยหรงไม่พอใจมากแค่ไหน เธอก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก เพราะตอนนี้สุขภาพของจิ้นหยวนคือสิ่งที่สำคัญที่สุด

 

 

หลังจากฉินเพ่ยหรงยอมสงบศึก เฉียวซือมู่ก็สบายขึ้นเยอะ แม้เธอจะยังคงแอบถลึงตาใส่เฉียวซือมู่ในยามที่จิ้นหยวนเผลออยู่บ่อยๆ แต่โดยรวมแล้วเธอก็ไม่ได้จับผิดอะไรอีก

 

 

เฉียวซือมู่โล่งอก แต่จิ้นหยวนกลับไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรเลย แม้จิ้นหยวนจะขยับตัวไม่ได้ แต่เขายังคงพูดคุยหัวเราะกับเฉียวซือมู่โดยไม่สนใจบาดแผลของตัวเองสักนิด

 

 

พ่อบ้านทำหน้าที่ส่งซุปไก่ที่เต็มไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการมาให้ที่โรงพยาบาลตรงเวลาทุกวัน จากนั้นเฉียวซือมู่รับหน้าที่ป้อนซุปให้จิ้นหยวน สีหน้าเขาดีวันดีคืน แต่เธอกลับสังเกตเห็นว่าเวลาที่เขามองพ่อบ้านนั้น สีหน้าเขาไม่สู้ดีนัก

 

 

เธอถามจิ้นหยวนด้วยความสงสัย แต่เขาแค่ทำเสียงฮึ่มแล้วบอกว่าพ่อบ้านไม่ฟังคำสั่ง

 

 

ไม่ฟังคำสั่ง? เธอไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่จิ้นหยวนตอบเพียงแค่นั้น และทำท่าไม่ยอมอธิบายอะไรอีก เธอจึงได้แต่แอบเก็บความสงสัยนี้ไว้ในใจ

 

 

ต่อมาภายหลังเธอจึงแอบถามพ่อบ้าน พ่อบ้านยิ้มขื่นแล้วเล่าที่มาที่ไปให้เธอฟัง เธอถึงได้เข้าใจ