ส่วนที่ 5 ตอนที่ 23-1 คนที่ชอบ

จารใจรัก [ส่วนที่ 5]

หลินไท่เฟยได้ยินเช่นนั้นก็พยักพระพักตร์ทันใด “ใช่ ใช่แล้ว คุยถึงตรงนี้พอดี” 

 

           ฮูหยินหมิงครุ่นคิด ไตร่ตรองกล่าวว่า “ท่านยายไม่อยู่ด้วย ข้าเองก็ไม่เคยปรึกษากับสามีมาก่อน เรื่องนี้ควรขอเวลาสักหน่อย แล้วค่อยคุยกันอีกครั้งดีหรือไม่” 

 

           “แม้กล่าวว่างานสมรสเป็นการตัดสินใจของบิดามารดา เป็นคำพูดของแม่สื่อ แต่ก็ต้องพิจารณาถึงความรู้สึกพวกเด็กๆ เช่นกัน มิได้หมั้นหมายกันตอนนี้เลย แค่ถือเอาวันนี้ที่ไหนๆ ฉินชิงกับเซี่ยอีก็ล้วนอยู่ตรงนี้แล้ว พวกเราจะได้ช่วยดูอีกแรง” หลินไท่เฟยแย้มสรวลมองฮูหยินหมิง  

 

           ฮูหยินหมิงผินหน้ามองเซี่ยอีแวบหนึ่ง พบว่านางยังคงก้มหน้า จึงไม่รู้ว่าควรตอบเช่นไรดีในยามนี้ 

 

           เห็นฮูหยินหมิงไม่ตอบ หลินไท่เฟยจึงตรัสขึ้นอีก “องค์ชายแปดสนใจเซี่ยอีมานานแล้ว เพียงแต่เด็กคนนี้เก็บเอาไว้ในใจ ไม่เคยบอกกับข้ามาก่อน ตอนที่ทราบในวันนี้ก็ตกใจเช่นกัน คิดในใจว่ามิน่าเล่าหลายวันมานี้หาแม่นางตระกูลใดมาให้เขาดูตัว เขาล้วนไม่ถูกใจเลยสักคน ที่แท้รออยู่ตรงนี้ แม้แต่ข้าก็ยังไม่รู้ว่าเขาไปชอบเซี่ยอีบ้านเจ้าตั้งแต่เมื่อไร” 

 

           ฉินชิงหน้าแดงพลางก้มหน้าตลอดเวลา ทว่าก็อดไม่ได้ที่จะเงยหน้ามองเซี่ยอี 

 

           เซี่ยอียังคงก้มหน้า ไม่แม้แต่จะตวัดตามอง 

 

           “องค์ชายแปดเป็นเช่นไร ฮูหยินอยู่ในเมืองมาโดยตลอด ก็น่าจะรู้จักนิสัยเขาแล้วเช่นกัน แต่ไหนแต่ไรข้าไม่เคยเห็นเขาชอบใครจนกระวนกระวายเช่นนี้มาก่อน แม้แต่เค่อเดียวก็ไม่ยอมรอแล้ว รบเร้าให้ข้ามาสู่ขอให้ได้ ข้าถูกเขากวนจนไม่มีทางเลือก ทำได้เพียงมาร่วมงานชมบุปผานี้ด้วย” หลินไท่เฟยแย้มสรวลตรัส  

 

           ฮูหยินหมิงมองฉินชิงแวบหนึ่ง พบว่าใบหน้าของเขาแดงจัด คล้ายค่อนข้างตระหนกอยู่บ้าง 

 

           หลินไท่เฟยยิ้มแล้วตรัสขึ้นอีก “แม่นางเซี่ยอีคนนี้ ข้าเห็นแวบแรกก็ไม่เลวเช่นกัน เพียงแค่ตอนแรกมิได้คิดถึงนาง ไม่นึกเลยว่าองค์ชายแปดชอบและปิดบังไว้ตลอดมา ข้าใกล้จะแก่เลอะเลือนแล้วดังคาด ถึงไม่เคยสังเกตว่าในใจเขามีแม่นางรองบ้านเจ้าอยู่ แม่นางรองบ้านเจ้าฉลาดและร่าเริง ตรงตามอุดมคติข้าพอดีเช่นกัน หากพวกเขาได้เกี่ยวดองกัน ข้าเองก็ยินดีอย่างยิ่ง” ตรัสจบ นางก็มองฮูหยินหมิง “หากฮูหยินมิได้เห็นต่าง เราก็ถือโอกาสนี้คุยกัน ถึงอย่างไรเด็กทั้งสองล้วนอยู่ตรงนี้แล้ว มิได้ขัดต่อประเพณีอันใด” 

 

           ฮูหยินหมิงครุ่นคิดแล้วเอ่ยขึ้น “วันนี้จู่ๆ องค์ชายแปดก็มาสู่ขอกับข้า ข้าเองก็ตกใจเช่นกัน และไม่คิดเลยว่าเขาชอบอีเอ๋อร์ เรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหันเกินไป การสมรสอย่างไรก็เป็นเรื่องใหญ่ ดังนั้นไท่เฟยก็มิต้องรีบร้อน ไว้เราค่อยหารือกันวันหลังเป็นเช่นไร ถึงอย่างไรเด็กทั้งสองก็ยังเด็ก ช่วงเวลาไว้ทุกข์แก่อดีตฮ่องเต้ยังมิผ่านพ้น ถึงแม้ตกลงกันได้ ก็ต้องรอถึงปีหน้ากว่าจะจัดงานสมรสได้ เวลายังมีอีกมาก” 

 

           หลินไท่เฟยส่ายพระพักตร์ “ข้าแก่แล้ว นับวันยิ่งสังขารไม่อำนวย ถือโอกาสตอนที่ข้ายังเคลื่อนตัวไหว ก็อยากรีบกำหนดงานสมรสขององค์ชายแปด และจัดการให้เสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุด ที่นี่วันนี้ไม่มีคนอื่น ผนวกกับเด็กคนนี้ได้มาสู่ขอก่อนแล้ว มิต้องกลัวว่าจะถูกหัวเราะเยาะ” ตรัสจบ นางก็แย้มสรวล “ข้ารู้ว่าฮูหยินไม่อยากให้บุตรีแต่งเข้าราชวงศ์ แต่เจ้าอย่ามองเพียงราชวงศ์เลย มองแค่ตัวเด็กทั้งสองเถอะ หากสายตาเจ้าคิดว่าเหมาะสม เจ้าก็พยักหน้าตกลง ข้าจะได้บากหน้าไปสู่ขอกับผู้นำบ้านเจ้ากับท่านยายของเจ้าต่อ” 

 

           หลินไท่เฟยตรัสถึงขั้นนี้แล้ว ต่อให้ฮูหยินปฏิเสธผัดวันก็คงทำมิได้ อีกทั้งนางลอบสะกิดเซี่ยอี เซี่ยอีก็ไม่ตอบสนองกลับเช่นเดียวกัน นางคิดไม่ออกชั่วขณะ จึงหันไปมองเซี่ยฟางหวา           

 

           เซี่ยฟางหวาเองก็ไม่รู้ว่าควรแสดงสีหน้าต่อนางเช่นไร และไม่รู้ควรพูดอย่างไรดี เดิมทีงานสมรสเป็นเรื่องมงคล หากเซี่ยอีชอบฉินชิง ทุกสิ่งก็ล้วนจัดการง่าย ทว่าไม่คาดคิดว่านางชอบฉินอวี้ นี่เป็นปัญหาที่จัดการได้ยากแล้ว 

 

           โดยเฉพาะหลินไท่เฟยที่ไม่รู้ว่าถูกฉินชิงรบเร้าอย่างหนักหน่วง หรือเป็นเพราะตอนที่นางกับท่านยายอาวุโสพูดไกล่เกลี่ยให้เซี่ยซีนั้น ถูกความคิดของฮูหยินหมิงที่ไม่อยากให้บุตรีแต่งเข้าราชวงศ์ขัดขวาง แม้สุดท้ายฉินชิงไม่ได้ชอบเซี่ยซี แต่ถึงอย่างไรฮูหยินหมิงก็แสดงท่าทีก่อนที่ฉินชิงจะแสดงออก ดังนั้นเมื่อเกี่ยวพันมาถึง 

 

เซี่ยอี หลินไท่เฟยคิดว่าฉวยโอกาสวันนี้ที่ไทเฮากับพระชายาอิงชินอ๋อง รวมถึงฮูหยินทุกท่านอยู่พร้อมหน้า อยากให้ฮูหยินหมิงแสดงท่าที จะได้คุยกันในลำดับถัดไป ถือโอกาสที่ฉินชิงมาสู่ขอ ตัดสินใจตีเหล็กเมื่อร้อน 

 

           แม้พูดกันตามเหตุผล หลินไท่เฟยเองก็คงจนปัญญาเช่นกัน เนื่องด้วยฉินชิงไม่ชอบคนเป็นพี่สาว หากแต่ชอบคนเป็นน้อง ทำให้นางเองก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออก กลัวว่าครอบครัวหกไม่ตอบตกลง จึงทำได้เพียงบีบบังคับให้แสดงทรรศนะ ทว่าเพราะเหตุนี้เอง กลับทำให้ผู้อื่นค่อนข้างที่จะทำตัวไม่ถูกอย่างเห็นได้ชัด 

 

           แต่เนื่องด้วยหลินไท่เฟยเคยปฏิบัติต่อนางอย่างดีในวันวาน มีไมตรีจิตที่มอบสิ่งของที่เต๋อฉือไทเฮาทรงทิ้งไว้ให้แก่นาง ยามนี้นางจึงมิอาจเอ่ยปากช่วยฮูหยินหมิงปฏิเสธได้ ถึงอย่างไรก็เป็นงานสมรสของเซี่ยอี ยังไม่ถึงคราวที่นางซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องจะสอดมือต่อหน้าได้ 

 

           เซี่ยอีวิ่งกลับมาก่อน ก็เพื่อมิให้ลากตนลงน้ำไปด้วย 

 

           เซี่ยฟางหวาจึงได้แต่ส่ายศีรษะให้ฮูหยินหมิงเล็กน้อย พร้อมทั้งมองเซี่ยอีแวบหนึ่ง 

 

           ฮูหยินหมิงเดิมเป็นคนฉลาด เข้าใจในทันที นางละสายตากลับมาโดยไม่ส่งเสียง มองเซี่ยอีแวบหนึ่งแล้วถอนหายใจออกมา กล่าวกับหลินไท่เฟย “ไท่เฟย มิใช่ว่าข้าไม่อยากเกี่ยวดองกับราชวงศ์ เพียงแต่งานสมรสของบุตรีเป็นเรื่องใหญ่ ข้าอยากรอบคอบมากกว่านี้ ถึงอย่างไรก็ไม่อยากทำเหมือนเรื่องเด็กเล่น” พูดจบ นางก็กล่าวต่อ “แต่ไท่เฟยตรัสถึงขนาดนี้แล้ว ก็ถามความเห็นของอีเอ๋อร์แล้วกัน หากนางก็ชอบองค์ชายแปดเหมือนกัน เช่นนี้ข้าผู้เป็นมารดาก็ไม่ขัดขวางเป็นแน่” 

 

           หลินไท่เฟยได้ยินเช่นนั้นก็ดีใจ “รอเจ้าพูดประโยคนี้” ตรัสจบก็แย้มสรวล “แม่นางรองบ้านเจ้ากับฉินชิงอายุไล่เลี่ยกัน พวกเขานั่งด้วยกันแล้ว แม้แต่ข้ามองก็ยังคิดว่าเหมาะสม องค์ชายแปดมีศีลธรรมดีงาม มิได้ถูกข้าเลี้ยงมาแบบผิดๆ พรสวรรค์และรูปลักษณ์มิใช่ข้าโอ้อวด ไม่ว่าใครก็ล้วนตอบตกลง ยามนี้ขาดก็แต่อายุยังน้อย จำต้องขัดเกลาอีกสองสามปี แม่นางรองหากแม้แต่เขายังไม่สนใจ เช่นนั้นต่อไปจะหาสามีอย่างไรอีก” 

 

           ฮูหยินหมิงได้แต่ยิ้มตอบ 

 

           หลินไท่เฟยหันมองเซี่ยอี ตรัสถามด้วยความเมตตาอ่อนโยน “อีเอ๋อร์ ตอนนี้ข้ากับแม่เจ้าพูดถึงขนาดนี้แล้ว เจ้าเองก็กล่าวสักประโยค หรือหากเจ้าอาย ก็เพียงพยักหน้าแสดงท่าทีก็ได้ หากเจ้าคิดว่าองค์ชายแปดก็ไม่เลว ประเดี๋ยวพวกเราจะได้ไปหาบิดากับย่าเจ้าด้วยกัน ตกลงหมั้นหมายกันเป็นเรื่องเป็นราว” หยุดชั่วครู่แล้วตรัสต่อ “เมื่อก่อนไฉนข้าถึงได้เลอะเลือนขนาดนั้น นึกไม่ถึงว่าจะไม่สังเกตเห็นพวกเจ้า…” 

 

           ใบหน้าเซี่ยอีเปลี่ยนไปทันที 

 

           เซี่ยฟางหวาเห็นหลินไท่เฟยตรัสถึงตรงนี้ก็ขมวดคิ้วเช่นกัน แม้ถ้อยคำที่นางตรัสออกมาฟังดูเหมือนไม่มีอะไร หากแต่น้ำเสียงนั้นกลับต่างกันอยู่บ้าง 

 

           อดไม่ได้ที่จะให้คนที่ตอบสนองไวเดาว่าประโยคนี้ของหลินไท่เฟยหมายความว่าอย่างไร อันใดเรียกว่านึกไม่ถึงว่าจะไม่สังเกตเห็นพวกเขา…เหมาะสมกันหรือ คู่ควรกันหรือ หรือว่าต่างฝ่ายต่างมีใจให้กัน หรือว่านางเข้าใจผิดไป คิดว่าเป็นเซี่ยอีที่ยั่วยวนฉินชิง ฉินชิงจึงไม่ต้องการพี่สาวของนาง 

 

           นางตวัดตามองหลินไท่เฟยแวบหนึ่ง 

 

           เวลานี้ฉินชิงก็อ้าปากขัดหลินไท่เฟยทันใด “ไท่เฟย เป็นข้า…” 

 

           เขายังพูดไม่ทันจบ เซี่ยอีก็ผุดลุกขึ้นยืน ใบหน้าที่ก้มอยู่ตลอดเวลาเงยขึ้น มองหลินไท่เฟยด้วยแววตานิ่งสงบ กล่าวด้วยความจริงจัง “ไท่เฟย ข้าไม่ชอบฉินชิง” 

 

           หลินไท่เฟยชะงัก 

 

           ใบหน้าฉินชิงซีดขาวทันใด 

 

           ไทเฮากับพระชายาอิงชินอ๋อง และฮูหยินทุกท่านล้วนมองมาที่เซี่ยอี บางคนพินิจสีหน้าของแม่นางน้อยคนนี้ ดวงตาคู่นั้นเป็นประกาย นัยน์ตาใสสะอาด ดวงหน้าเล็กขึงตึง ดูแล้วจริงจังไม่น้อย 

 

           บางคนรู้สึกว่าปฏิเสธต่อหน้าหลินไท่เฟยกับองค์ชายแปดได้ นางมีความกล้าน่าสรรเสริญ 

 

           ยิ่งไปกว่านั้น คิดว่าได้รับความชื่นชอบจากองค์ชายแปดได้ นี่เป็นวาสนาที่คนอื่นยากจะได้มา ช่วงนี้ในเมืองหลวงเป็นเพราะหลินไท่เฟยทรงเลือกคู่ครองให้องค์ชายแปด จวนกี่มากน้อยล้วนตื่นเต้น แทบอยากคิดหาทุกวิถีทางเพื่อให้แม่นางในบ้านตนเข้าตาองค์ชายแปด เซี่ยอีคนนี้สมกับเป็นแม่นางน้อย บอกว่าไม่ชอบก็ไม่ชอบ เอาแต่ใจตัวเองเกินไปอยู่บ้าง 

 

           ฮูหมิงหมิงมองเซี่ยอี ไม่ส่งเสียงใด 

 

           หลังหลินไท่เฟยหายตกใจแล้ว ก็แย้มสรวลอ่อนโยน “แม่นางอี ใช่เข้าใจอันใดผิดไปหรือไม่ หรือว่ามีประโยคใดที่คนแก่เช่นข้าพูดไม่เหมาะสม ทำให้เจ้าโกรธเข้าหรือ ข้าขอโทษเจ้าตรงนี้ด้วย ข้าแก่แล้ว เลอะเลือนไปบ้าง” 

 

           เซี่ยอีส่ายหน้า กล่าวด้วยความจริงจัง “มิได้เข้าใจผิด สิ่งที่ไท่เฟยตรัสมานั้นข้าก็ฟังอยู่ตลอด องค์ชายแปดอยากสู่ขอข้า นั่นเป็นเพราะบอกว่าชอบข้า แต่ข้ามิได้ชอบองค์ชายแปด ในเมื่อจะถามความเห็นข้า ข้าก็ขอตอบว่าไม่ชอบเขา มิได้มีเหตุผลอื่น” 

 

           ใบหน้าฉินชิงสิ้นหวังลงชั่วพริบตา 

 

           หลินไท่เฟยตรัสไม่ออกพักหนึ่ง แม้นางอยู่ในวังมาหลายปี เคยชินกับการพูดไกล่เกลี่ยต้อนรับขับสู้ แต่ยามนี้เมื่อเผชิญกับการปฏิเสธของเซี่ยอีที่ทั้งจริงจังและตรงไปตรงมา ก็ไม่รู้ว่าควรตรัสคำใดชั่วขณะ 

 

           ไทเฮาพลันแย้มสรวล ตรัสแก้หน้าว่า “ทั้งสองมีใจตรงกันก็ดี แต่ก็ต้องดูด้วยว่ามีวาสนาต่อกันหรือไม่ แม่นางรองยังเยาว์วัย ชอบหรือไม่ชอบนั้นค่อยเป็นค่อยไปได้ คนกี่มากน้อยก่อนแต่งงานล้วนไม่เคยพบกันมาก่อน หลังแต่งงานก็ใช้เวลาร่วมกันให้มาก ต่างก็ชอบซึ่งกันและกันแล้ว” 

 

           “ถูกต้อง เป็นเช่นนี้” หลินไท่เฟยตรัสทันที  

 

           เซี่ยอีมองไปยังไทเฮา พบว่านางกำลังแย้มสรวลอย่างอ่อนโยน จึงกัดริมฝีปากเล็กน้อย มองไปยังบริเวณไม่ไกลกันนักฉับพลัน 

 

           เวลานี้ เป็นเพราะจู่ๆ เซี่ยอีก็ลุกขึ้นประกาศว่าไม่ชอบฉินชิง น้ำเสียงค่อนข้างดัง ครั้นบริเวณนี้เงียบสงบ บริเวณที่นั่งของเหล่าแขกบุรุษที่อยู่ไม่ไกลกันกับที่นั่งของเหล่าคุณหนูก็เงียบสงบตาม สายตานับไม่ถ้วนกำลังมองมาที่ตน 

 

           ในนั้นรวมถึงฉินอวี้ด้วย 

 

           เซี่ยอีเห็นฉินอวี้มองมาก็ตื่นตระหนกฉับพลัน ก้มหน้าลงอีกครั้ง หลังไทเฮากับหลินไท่เฟยตรัสจบ นางก็มิได้เอ่ยคำใดตอบกลับในทันที 

 

           ทางฝั่งโต๊ะของฉินอวี้ เยี่ยนถิงพลันยิ้มออกมา กล่าวเสียงเบาว่า “ที่แท้ฉินชิงก็ตกลงฝ่ายเดียว คนพี่ชอบเขา เขาดันไม่ชอบ แต่ชอบคนน้องแทน ครั้งนี้โง่เขลาแล้ว” หยุดชั่วครู่แล้วกล่าวต่อ “หลายวันนี้ไท่เฟยทรงคัดเลือกบรรดาแม่นางจากแต่ละจวนในเมืองหลวงมาให้ฉินชิง จำนวนมากจนมิอาจนับไหว สายตาไท่เฟยล้วนมีไว้เพื่อคัดเลือกสตรี คิดว่าไม่มีใครเหมาะสมกับฉินชิงทั้งนั้น ยามนี้ก็กลับกัน ไท่เฟยจะได้เป็นฝ่ายลิ้มรสชาติของการถูกปฏิเสธบ้าง” 

 

           “อย่าพูดเหลวไหล” ฉินอวี้ตำหนิเสียงทุ้ม “ถึงไท่เฟยไม่ได้ยิน แต่คนอื่นมิได้หูหนวก” 

 

           เยี่ยนถิงเบะปาก ไม่พูดคำใดอีก