ตอนที่ 666

The Divine Nine Dragon Cauldron

666 – จ้าวหอวารีสวรรค์

 

ตําแหน่งที่ไม่คุ้นเคยอย่างเจ้าพันธมิตรนั้นไม่มีอยู่ในอาณาจักรทมิฬ

 

“เจ้าพันธมิตร…”

 

หลิงเจี้ยนหลิวเม้มปากแน่น เขาครุ่นคิดอย่างหนัก

 

จากนั้นเขาก็เลิกคิ้ว นั่นก็เพราะมีภาพหนึ่งผุดขึ้นมาในหัว!

 

มันเป็นภาพของชายหนุ่มที่แข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ เขามีผมยาวสีเงิน ภาพนั้นคุ้นเคยกับชายตรงหน้าของเขามากนั่นคือซือหยู!

 

“หรือว่าเจ้าคือเจ้าพันธมิตรของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์….ซือหยู?”

 

จู่ๆเสียงของหลิงเจี้ยนหลิวแตกพร่าเขาหายใจเข้าลึกให้ใจเย็นลง

 

ทันทีที่พูด เหล่าผู้คนเริ่มแตกตื่น

 

“ไม่มีทาง! บุรุษผู้ยิ่งใหญ่คนนั้นจะมาปรากฏตัวที่อาณาจักรทมินได้รึ?”

 

บางคนอุทานออกมา

 

พวกเขาตกใจและสับสน พวกเขาทุกคนตัวสั่นเมื่อได้รับรู้ตัวตนของซือหยู

 

หลิงเอ๋อที่ยืนข้างๆตกใจไม่ต่างวกับคนอื่น ในหัวของนางว่างเปล่านางไม่คิดว่านางจะได้ใกล้ชิดกับคนที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้

 

ในตอนนั้นเอง นางย้อนคิดถึงความสง่างามราวกับภูติในนิทานของซื้อหยูเมื่อครู่และเริ่มที่จะเชื่อนางได้เดินใกล้กับบุรุษผู้เป็นตํานานมาทั้งคืน!

 

ความรู้สึกอันรุนแรงปะทุในใจของหลิงเอ๋อ นางจ้องซื้อหูตาไม่กระพริบนางอ้าปากเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็พูดไม่ออก

 

ตอนนี้ซือหยูอยู่ใกล้กลับนางมาก แต่นางก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่ทําให้นางไม่กล้าเข้าใกล้มากกว่านี้ นางไม่คิดไม่ฝันว่าวันหนึ่งจะได้ใกล้ชิดกับเจ้าพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ผู้เป็นวีรบุรุษที่นางนับถืออย่างลึกซึ้งเช่นนี้!

 

แต่เมื่อคิดว่านางไม่เป็นมิตรต่อเขาเลยระหว่างเดินทางมาที่นี่นางก็รู้สึกร้อนใจนางกลัวว่าเจ้าพันธมิตรอาจจะรู้สึกไม่ดีกับนาง!

 

นางเกลียดตัวเองขึ้นมาทันที วีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่อยู่ตรงหน้านางมาโดยตลอดแต่นางกลับไม่ได้ทําให้เขาประทับใจเลย

 

นางยังเคยจู่โจมซือหยูและบอกว่าเขาอ่อนแอเกินไป นางยังเคยบอกให้เขาทุ่มเทกับการบ่มเพาะพลังให้มากกว่านี้อีก

 

นางหน้าแดงเมื่อคิดถึงเรื่องที่เคยเกิดขึ้น ซือหยูเป็นคนที่ยิ่งใหญ่กว่าที่นางเคยคิดเสียอีก!

 

แต่คนที่กลัวซื้อหยูยิ่งกว่าก็คือยิ่งเฉิง นอกจากเขาจะพูดขู่แล้วยังอยากจะฆ่าซื้อหยูอีก ถ้าไม่ใช่เพราะหลิงเจี้ยนหลิวเขาคงจะพยายามลอบฆ่าซื้อหยูแน่นอน

 

หลิงเจี้ยนหลิวถอยหลังไปหลายก้าว เขาไม่คิดถึงเรื่องหลิงเอ๋อด้วยซ้ําเขากําลังกังวลกับชีวิตของตัวเอง

 

“เจ้าเป็นใครถึงกล้าเรียกท่านผู้นี้ว่าซือหยู?”

 

หัวหน้าผู้ตรวจการไปจงถามเชิงตําหนิ เขามองหลิงเจี้ยนหลิวอย่างเยือกเย็น

 

หลิงเจี้ยนหลิวใจเย็นลงและตระหนักได้ว่าเขาเดินทางตัวติดกับเจ้าพันธมิตรผู้คุมสวรรค์มาโดยตลอด!

 

“เจ้าพันธมิตรซือหยูุ! ขอข้ออภัยกับความผิดพลาดระหว่างที่เดินทางมาที่นี่ได้โปรดอภัยให้ข้าเถอะ”

 

หลิงเจี้ยนหลิวโค้งคํานับต่อซือหยูุขณะที่ขอโทษเขารู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ทําลงไปอย่างมาก

 

ถ้าพูดตามจริง ตั้งแต่ที่ซือหยูปรากฏตัว หลิงเจี้ยนหลิวควรที่จะรับรู้ถึงความคล้ายกันระหว่างพลังและอายุของซือหยูเพราะเขาตรงกับเจ้าพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ทุกประการ

 

ซือหยูยิ้มอย่างอ่อนโยน

 

“ท่านหัวหน้าหลิงมิต้องเป็นทางการนักหรอก ข้าสิควรจะขอบคุณท่านที่พาข้ามาถึงที่นี้”

 

“ข้ามิบังอาจรับคําขอบคุณของท่านเลย โปรดอย่าพูดเช่นนั้นกับข้าเถอะ เจ้าพันธมิตรซื้อ”

 

หลิงเจี้ยนหลิวขวัญเสียอย่างมาก เขารู้สึกถึงแรงกดดันอันทรงพลังจากร่างซือหยูในทันทีที่รู้ว่าซือหยูุเป็นใครมันทําให้เขาแทบหายใจไม่ออก

 

เมื่อพูดคุยกันมาบ้าง ตัวตนของซือหยูเป็นที่ยืนยันแล้ว เหล่าผู้คนเริ่มพูดคุยกันด้วยค

 

ความสงสัย…

 

“เขาคือเจ้าพันธมิตรชื่อจริงๆรึ?”

 

“ชายที่สังหารผู้ศักดิ์สิทธิ์เชี่ยหรูแล้วทําให้วุ่เพิ่งมาเป็นข้ารับใช้ของตัวเอง แล้วยังมอ บชัยครั้งแรกให้กับพวกเรา!”

 

“ข้าได้ยินว่าเขาใช้แค่มือเดียวฆ่า

 

“ตํานานเล่าว่าเขาเป็นแค่เด็กไร้นามในดินแดนรกร้าง แต่ไม่ถึงสี่ปี เขาก็ได้กลายมาเป็นเทพ เจ้านี่มันปาฏิหาริย์!”

 

“ตํานานยังบอกว่ายอดฝีมือแห่งทวีป หยินหยู และราชาปีศาจหิมะทมิฬ ทุกคนก็คือตัวตนของเขา!”

 

ข่าวเรื่องราวของซือหยูแผ่ขยายไปยังทั่วทุกมุมของทวีปในสิบวัน อดีตต่างๆที่เขาพบเจอล้วนเป็นดังเรื่องราวที่เล่าต่อกันรวดเร็วดั่งไฟลามทุ่ง ทุกคนในทวีปต่างรับรู้ถึงยอดฝีมือเทพเจ้าแห่งทวีปเฉินหลง!

 

แค่ไม่ถึงสี่ปี เด็กหนุ่มไม่รู้หัวนอนปลายเท้าได้กลายมาเป็นผู้นําพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ เขานําเหล่านักรบของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ไปกําจัดกองทัพของเซี่ยหญ่อันเป็นที่เกลียดชัง นั่นทําให้เขาได้สร้างตํานานบทใหม่ของทวีปเฉินหลง

 

ซือหยูในตอนนี้คือตํานานแห่งทวีป เทียบเคียงได้กับราชาแห่งความมืด นอกจากราชาแห่งความมืดก็ไม่มีใครอีกแล้วที่จะโด่งดังเท่าเขา!

 

“เจ้าพันธมิตรชื่อ!”

 

เหล่าผู้คนส่งเสียงด้วยความตื่นเต้น ความนับถือ ความตกใจ และหลากหลายความรู้สึกต่างๆหลั่งไหลเข้ามาราวกับคลื่น

 

หน้าใหม่ของชีวิตซือหยูุคือการเป็นวีรบุรุษที่ทุกคนบนโลกรู้จักไม่เว้นแม้แต่อาณาจักรทมิฬ!

 

เขาเป็นที่นับถือแก่เหล่าชายหนุ่มและหญิงสาว เหล่าชายชาตรีประทับใจและครั่นคร้ามในพลังเหล่าอิสตรีนับถือเขาในฐานะวีรบุรุษของโลก

 

เขาดูเหมือนกับที่ข่าวลือพูดไว้ไม่ผิดเพี้ยน เขายังอายุน้อย รูปโฉมงดงาม ทั้งน่านับถือและเชี่ยวชาญในโลกแห่งพลัง

 

เสียงตะโกนสรรเสริญดังมาที่เขา ผู้คนกรูเข้าไป เขารู้สึกราวกับถูกคลื่นยักษ์ซัดใส่ แม้แต่ยอดเขาอันยิ่งใหญ่นี้ก็สั่นสะเทือน ซือหยูเองยังตกใจเล็กน้อยแม้จะคุ้นชินกับการถูกต้อนรับโดยคนจํานวนมาก

 

“หัวหน้าไป พาข้าไปที่อื่นที่พูดคุยกันได้เถอะ…”

 

ซือหยูพูดอย่างหมดท่า

 

ไปจงหัวเราะและบินขึ้นฟ้า

 

“ยินดีต้อนรับเจ้าพันธมิตรชื่อ ข้าจะไปท่านไปหานายท่าน”

 

ซือหยูรีบตามไปจงไปก่อนที่ผู้คนจะล้อมเขาเอาไว้ แต่ก่อนหน้านั้น เขาหันไปประสานหมัดให้กับหลิงเจี้ยนหลิวและหลิงเอ๋อ

 

“ลาก่อน จนกว่าจะพบกันอีกครั้ง”

 

เขาจ้องมองหลงควนอย่างไม่คิดอะไร แววตาของเขาเยือกเย็น ไร้ซึ่งจิตสังหารหรือ

 

แต่มันทําให้หลงควนตกใจอย่างมาก เขารู้สึกราวกับถูกสายฟ้าชัดใส่ ร่างของเขากระตุกไม่หยุดหัวใจเต้นแรงจนเหนื่อยหอบ

 

หลงควนรู้สึกว่าเขาตายได้ทุกเมื่อที่ซือหยูจ้องมอง ราวกับว่าซื้อหยูจะลบเขาให้หายไปจากโลกได้เพียงแค่คิดครั้งเดียว

 

แต่โชคดี หลงควนยังรู้สึกได้อีกเช่นกันว่าซือหยูุไม่สนใจเขาแม้แต่น้อย! ดูเหมือนว่าคนต่ําต้อยอย่างเขาจะไม่แม้แต่จะเรียกความสนใจจากตัวตนในตํานานอย่างซื่อหยุได้

 

นอกจากซือหยูุละไม่ละอายใจ เขายังโล่งใจอีกด้วย เขาแอบดีใจเสียด้วยซ้ํา

 

โชคดีที่เขาต่ําต้อยเกินไปที่เจ้าพันธมิตรผู้คุมสวรรค์จะยุ่งเกี่ยว มิเช่นนั้นเขาก็คงจะตายไปแล้ว!

 

“ผู้นําหลง ข้ากับลูกสาวจะไปได้หรือยัง?”

 

หลิงเจี้ยนหลิวถาม

 

เขายังคงไม่ใจเย็นลงจนถึงตอนนี้ นั่นก็เพราะซื้อหยุเพียงแค่บอกลาเขาก่อนจะบินขึ้นไปตอนนี้เขาได้กลายเป็นจุดรวมความสนใจ

 

เขารู้สึกว่ามีคนหลายคนที่ไม่ได้อ่อนแอกว่าเขาได้มองเขาด้วยความริษยาความกลัว และความนับถือ นั่นเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับเขามาก่อน

 

เขาห้ามไม่ได้ที่จะภูมิใจ เพราะการได้เดินทางเคียงคู่กับตํานานอย่างเจ้าพันธมิตรผู้คุมสวรรค์นั้นเป็นสิ่งที่เขาภาคภูมิใจสูงสุด

 

หลงควนอึดอัดเมื่อได้ยินคําถามของหลิงเจี้ยนหลิว แต่เขาก็ไม่กล้าจะแสดงความหวาดกลัวออกมา…ใครจะรู้กันเล่าว่าหลิงเจี้ยนหลิวกับเจ้าพันธมิตรมีความสัมพันธ์กันอย่างไร?

 

“เจ้าไปเถอะ”

 

หลงควนตอบและคิดในใจ…ข้าจะกล้าหยุดได้ยังไงเล่า? ซือหยูยังไปไม่ไกลเลย!

 

หลิงเจี้ยนหลิวถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาไม่เคยรู้สึกดีขนาดนี้มาก่อน เขาไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งหลงควนจะต้องก้มหน้าให้กับเขา!

 

“หัวหน้าหน่วยหลิง”

 

สตรีวัยกลางคนผู้งดงามเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม ผู้คนหลีกทางให้กับนาง นางมีสาวใช้ของคนมาด้วย

 

“จ้าวหอวารีสวรรค์! นั่นนางนี่! นางมาที่นี่ทําไมกัน?”

 

เหล่าผู้คนตกใจ

 

หลงควนขมวดคิ้วอย่างกังวล

 

“ท่านจ้าวหอวารีสวรรค์ ท่านมาที่นี่ด้วยเหตุอันใดกัน?”

 

สตรีวัยกลางคนหัวเราะ

 

“ข้าไม่ได้มีธุระอะไรกับเจ้า”

 

การเคลื่อนไหวอันคล่องแคล่วของนางมีกลิ่นบุพผาอยู่ด้วย นางดูราวกับภูติ

 

หลิงเจี้ยนหลิวโค้งคํารับให้นาง นี่คือจ้าวหอวารีสวรรค์ที่เป็นหลานสาวของจ้าวผู้ยิ่งใหญ่

 

นางได้กลายเป็นภูติระดับสองเมื่อสองปีก่อนด้วยความช่วยเหลือจากจ้าวแห่งความมืดลําดับหนึ่งและตอนนี้นางก็เตรียมจะทะลวงพลังเป็นภูติระดับสาม

 

นางเป็นคนดังในอาณาจักรทมิฬ บุคคลระดับนี้มักจะไม่สุงสิงกับคนอย่างหลิงเจี้ยนหลิว เพราะว่าเขามิใช่คนในระดับเดียวกับนาง

 

“ท่านจ้าวหอวารีสวรรค์”

 

หลิงเจี้ยนหลิวไม่กล้าจะทําให้นางไม่พอใจ

 

นางยิ้มตอบ

 

“หัวหน้าหน่วยหลิงไม่ต้องเป็นทางการนักก็ได้ ท่านคงจะทําภารกิจของตําหนักเจ็ดจ้าวเสร็จแล้ว พอเสร็จธุระแล้วมาที่หอวารีสวรรค์ ตอนนั้นข้าจะชี้แนะการบ่มเพาะของลูกสาวท่าน”

 

อะไรนะ? เหล่าผู้คนตกใจเมื่อได้ยินคําพูดของนาง นางกําลังจะชี้แนะหลิงเอ๋อให้บ่มเพาะด้วยตัวเองเลยรึ?

 

แม้แต่หลงควนก็ตกตะลึง จ้าวหอวารีสวรรค์มีพลังระดับนี้ก็เพราะคําชี้แนะของจ้าวแห่งความมืดลําดับแรก ทุกอย่างที่นางเรียนรู้นั้นมาจากท่านผู้นั้น

 

นางมักจะอยู่สันโดษและไม่เคยชี้แนะใครในการบ่มเพาะพลังเลย นางไม่เคยแม้แต่ทักทายคนอื่นด้วยความเป็นมิตร!

 

นี่เป็นครั้งแรกที่นางพูดเช่นนี้อย่างเปิดเผย นี่เท่ากับว่าหลิงเอ๋อจะกลายเป็นศิษย์ของนางเสียกงหนึ่ง! จะไม่มีใครกล้าหาเรื่องหลิงเอ๋ออีกแล้วนับแต่วันนี้ไป!

 

แม้แต่คนที่หลงในความงามของนางก็ต้องระวังตัวแล้ว เพราะพวกเขาอาจจะไม่เหมาะสมกับนางอีกแล้ว!

 

หลงควนใจหายเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น เขารู้ว่าเขาจะต้องลงแรงหนักขึ้นในการที่จะห่าเรื่องพ่อลูกคู่นี้

 

“ขอบคุณท่านจ้าวหอวารีสวรรค์ หลิงเอ๋อ ขอบคุณท่านสิ!”

 

หลิงเจี้ยนหลิวประทับใจยิ่งนัก เขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อ

 

นี่เป็นวันที่เต็มไปด้วยความตกใจอันน่ายินดี แต่เขารู้ดีว่าทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะซื้อหยู จ้าวหอวารีสวรรค์เพียงอยากจะใกล้ชิดหลิงเอ๋อก็เพื่อเอาใจซือหยู

 

“ขอบคุณท่านมาก!”

 

หลิงเอ๋อดีใจอย่างมาก

 

นางรู้สึกว่าผู้คนรอบๆอยากจะกลืนกินนางไปเสียทั้งตัวในตอนนี้ ทุกคนต่างอิจฉานาง มันทําให้นางไม่สบายใจเท่าใดนัก นางไม่เคยได้รับความสนใจมากมายขนาดนี้มาก่อนเลย

 

“เจ้าทั้งงดงามและเป็นเด็กสาวมากพรสวรรค์ มากับข้า หลิงเอ๋อ หัวหน้าหลิงจะตามมาทีหลัง”

 

จ้าวหอวารีสวรรค์หัวเราะและดึงมือเล็กๆของหลิงเอ๋อ สตรีทั้งสองเดินผละออกจากกลุ่มคนท่ามกลางแววตาริษยา

 

หัวหน้าหน่วยหลิงใจชื้นขึ้นมาอย่างมาก เขาหัวเราะและเดินออกไป

 

ผ่านไปนานก่อนผู้คนจะเงียบ หลังจากนั้นทั้งอาณาจักรทมิฬก็ได้ยินเรื่องที่เจ้าพัน ธมิตรผู้คุมสวรรค์เดินทางมาที่นี่!

 

ขาวนี้สะเทือนไปทั้งแผ่นดิน ถ้าไม่ใช่เพราะทุกคนรู้ว่าซือหยูจะไปที่ตําหนักเจ็ดจ้าว ตอนนี้ชาวเมืองก็อาจจะวุ่นวายไปแล้ว!

 

ส่วนในของยอดเขาใหญ่นี้แบ่งเป็นเก้าชั้น แต่ละชั้นแบ่งแยกต่อกัน ซือหยูเข้ามาในชั้นที่ต่ําที่สุด ยังมีอีกแปดชั้นเหนือเขา

 

ผู้คนมีอยู่เต็มไปหมด ที่นี่ดูไม่เหมือนกับที่ไหน

 

ซือหยูุขมวดคิ้วเบาๆ

 

“ผู้ตรวจการไป ที่นี่มีคนมากมายนัก หลายคนก็เป็นผู้บ่มเพาะพลัง คนพวกนี้อยู่โดยมีทรัพยากรจํากัดได้อย่างไร?”

 

ในด้านจํานวน พวกเขามีคนอย่างน้อยสองแสนคน จํานวนคนมากมายเช่นนี้หมายถึงปัจจัยสี่อาหาร น้ํา สิ่งที่ใช้บ่มเพาะพลัง ทุกอย่างล้วนต้องการปริมาณมหาศาล

 

แต่เมื่อซื้อหยูเดินมาเรื่อยๆก็พบว่าคนเหล่านี้อยู่อย่างสงบสุขแม้จะมีจํานวนมาก ไม่มีใครต่อสู้แย่งชิงทรัพยากร นั่นหมายความว่าสิ่งที่อาณาจักรทมิฬมีนั้นเพียงพอสําหรับคนทุกคน