“ฝ่า ฝ่าพระบาท…”
หน้าของกโยซึลซีดเผือด บีพาอันจับไหล่ทั้งสองข้างของนางแล้วผลักตัวนางลงไปที่เตียงโดยไม่พูดไม่จา ถึงแม้ว่าเตียงจะนุ่มจึงไม่ได้ทำให้เจ็บอะไร แต่มือที่จับไหล่ตนแน่นนั้นทำให้ใบหน้าของกโยซึลขมวดขึง
“ฝ่า ฝ่าพระบาท…”
“เงียบเสีย”
แปะ น้ำตาเม็ดใหญ่ร่วงหล่นลงบนใบหน้าของกโยซึล ถึงแม้ว่าตนเองจะปิดปากเงียบแต่ทว่ากลับไม่สามารถบังคับน้ำตาที่หลั่งไหลออกมาได้ สีหน้าของบีพาอันที่สะท้อนออกมาจากดวงตาของกโยซึลที่ตอนนี้เต็มไปด้วยน้ำตานั้นเรียบนิ่งไร้อารมณ์
นางไม่สามารถอ่านความรู้สึกอันใดจากสีหน้าของบีพาอันได้เลย แม้ว่ามือที่จับไหล่จะบีบแน่น แต่ใบหน้าของเขากลับนิ่งสงบดั่งช่วงเวลาเช้ามืด น้ำเสียงเย็นชาที่เปล่งออกมาเต็มไปด้วยความโกรธเคือง แต่ทว่าใบหน้าของเขากลับนิ่งเรียบดั่งภาพวาดบนผืนผ้าใบ
กโยซึลรู้สึกหวาดหวั่นที่บีพาอันรีบเร่งมาหาตนเช่นนี้ เขาต้องกำลังโกรธอยู่เป็นแน่ มิเช่นนั้นคงไม่มีทางมาหาตนได้ กโยซึลเกิดความกลัว เพราะตนนั้นไม่เคยเผชิญหน้ากับคนแบบนี้มาก่อน คนอะไรแสดงความเดือดดาลออกมาด้วยใบหน้าเรียบนิ่งราวกับแค่จะมาพูดคุยกันธรรมดา ตัวของกโยซึลสั่นนิดๆ บีพาอันจับไปที่คางของนางแน่น แล้วสายตาเย็นชาของบีพาอันก็เลื่อนเข้าไปตรงหน้าของกโยซึลที่เต็มไปด้วยความกลัว
“เราน่าจะเคยบอกไปแล้วว่าเราไม่สนใจว่าท่านจะใช้ชีวิตอย่างไร ขอแค่อย่างมาขวางทางเรา”
ถึงแม้ว่าจะเป็นคำต่อว่า แต่น้ำเสียงที่ใช้กลับราบเรียบ เป็นน้ำเสียงที่ใช้พูดคุยกันปกติในบทสนทนา
กโยซึลไม่สามารถจัดการกับตนเองที่ตัวสั่นระริกได้ และไม่สามารถหลบเลี่ยงสายตาเย็นชาของบีพาอันที่จ้องมาที่ตนได้เลย นางไม่รู้เลยว่าเหตุใดบีพาอันจึงกล่าวเช่นนั้น ขวางทางอย่างนั้นหรือ ในช่วงนี้กโยซึลอยู่แต่ในตำหนักดงบี ยังไม่ได้ทำสิ่งใดด้วยซ้ำ
“ปล่อยให้ข่าวลือเช่นนั้นไปถึงหูองค์จักรพรรดิ มิใช่ว่าทรงร่วมมือกับรูแฮหรอกหรือ”
“ฝ่าพระบาท…”
เมื่อได้ยินชื่อของรูแฮ ใบหน้าที่ซูบเซียว ดวงตาลึกโบ๋ของกโยซึลพลันเคร่งเครียดขึ้นมา บีพาอันที่เห็น
กโยซึลกระสับกระส่ายจึงเพิ่มแรงบีบที่มือมากขึ้น กโยซึลเจ็บปวดกับแรงบีบที่เพิ่มขึ้นพร้อมส่ายหน้า และเปล่งเสียงแผ่วออกมาจากลำคอที่ถูกปิดไปเพราะความกลัว
“ข ข่าวลืออันใดกันเพคะ หม่อมฉัน… มิเข้าใจว่าทรงตรัสถึงเรื่องใดอยู่…”
ตนกับรูแฮสรุปแล้วมีข่าวลืออันใดกันแน่ กโยซึลมึนงงกับคำว่ากล่าวที่สาดเทลงมาอย่างกระทันหัน บริเวณข้างใบหูเปียกไปด้วยน้ำตาอุ่นที่หลั่งไหลออกมาเพราะความกลัว บีพาอันจ้องมองไปที่นางด้วยดวงตาที่สงบนิ่ง
กโยซึลนอนราบอยู่บนเตียงอย่างไร้ทางต่อสู้ บนตัวของนางมีบีพาอันที่เหยียดแขนคร่อมอยู่ เครื่องประดับอัญมณีที่ใช้ตกแต่งซังทูกวันอย่างโอ่อ่างดงามห้อยต่องแต่งลงมาที่หน้าผากของกโยซึล ทั้งห้องมีเพียงเสียงลมหายที่สั่นระริกของกโยซึล ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด บีพาอันเม้มริมฝีปากบางของตน
“พระชายาฮวางแทจาและฮวางเซจาคบชู้กัน”
เสียงที่เปล่งออกมานั้นราบเรียบไร้ความรู้สึกราวกับกำลังกล่าวรายงานเรื่องบ้านเมืองอยู่ ทว่าเนื้อความของประโยคนั้นเป็นเรื่องต่ำช้าที่ไม่อาจเอ่ยออกมาได้โดยง่าย
คบชู้!
คบชู้เช่นนั้นหรือ แถมยังเป็นพระชายาฮวางแทจากับฮวางเซจาที่คบชู้กัน! ช่างเป็นเรื่องน่ารังเกียจทั้งในเรื่องของธรรมเนียมและศีลธรรม ตาของกโยซึลเบิกกว้างแต่รูม่านตาสีน้ำตาลอ่อนกลับหดเล็กลง
“มะ ไม่นะเพคะ มิใช่เรื่องจริงเพคะ เพียงแค่ หม่อมฉันเพียงแค่…”
“เราไม่สนว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ที่เป็นปัญหาคือเรื่องเข้าไปถึงหูขององค์จักรพรรดิ”
ท่าทางที่ไม่สนใจใยดีข้อเท็จจริงนั้นกลับข่วนใจของกโยซึลไม่เบา ตนไม่ได้เจ็บปวดกับถ้อยคำร้ายกาจนั่น แต่เป็นบรรยากาศรอบตัวและท่าทางนั่นต่างหาก ความเย็นชาที่ทะลุออกมาจากเสื้อเกราะที่เขาใส่อยู่นั้นยากที่จะทนไหว
“หากไม่สามารถเป็นชายาที่เพียบพร้อมได้ก็ควรที่จะอยู่เฉยๆ ต้องประพฤติตนตามอำเภอใจเช่นไรถึงได้มีข่าวลือแบบนั้นออกไปได้กัน”
ดวงตาที่เบิกกว้างของกโยซึลสั่นไหว นางยังคงอึ้งกับคำว่าคบชู้อยู่ บีพาอันไม่รีรอไล่ต้อนนางต่อ
“หากมิใช่ว่าทรงร่วมมือกับรูแฮเพื่อทำให้เราหลุดจากตำแหน่งฮวางแทจา ทรงโดยใส่ร้ายจากคนอื่นเช่นนั้นหรือ”
“ฝ่า ฝ่าพระบาท…”
ด้วยหัวใจที่ร้อนรน กโยซึลจึงไม่รู้ว่าควรจะพูดคำใดออกมา คำว่ากล่าวที่ไร้ซึ่งความลังเลนั้นช่างโหดร้ายนัก
“เรื่องแค่นี้ไม่สามารถทำอะไรเราได้หรอก ระวังพระองค์ให้ดี หากมีข่าวลือเช่นนี้ออกมาอีกล่ะก็…”
บีพาอันโน้มตัวลงไปทำให้ใบหน้าของทั้งคู่ใกล้กันมาก เขายื่นหน้าเข้าไปใกล้ ด้วยความตกใจกโยซึลจึงหลับตาแน่น ใบหน้าทั้งสองเลื่อนผ่านกัน เมื่อรับรู้ได้ถึงลมหายใจข้างใบหูกโยซึลจึงลืมตาขึ้น ตรงหน้าของนางมีเพียงเพดานห้องอันเวิ้งว้างหาใช่ใบหน้าของบีพาอันที่ตนนึกว่าจะโน้มเข้ามาใกล้ไม่ บีพาอันโน้มหน้าลงไปที่ข้างใบหูของกโยซึลหาใช่ที่ใบหน้า ริมฝีปากของเขากระซิบแผ่วเบา
“เราจะต้องเป็นจักรพรรดิ”
กโยซึลรับรู้ได้ถึงลมหายใจร้อนและอุณหภูมิอุ่นจากร่างกาย นี่เป็นครั้งแรกที่ตนได้ใกล้ชิดกับบีพาอันถึงเพียงนี้ ร่างกายของทั้งคู่แทบจะแนบสนิทกัน จอนผมที่ไว้ยาวของเขาสัมผัสที่แก้มของกโยซึล
“ชายานั้นเพียงอยู่ในตำแหน่งฮวังฮูเป็นพอ”
หลังจากที่เอ่ยคำนั้นอย่างนิ่งเรียบ บีพาอันก็ถอนตัวขึ้น กโยซึลเองก็ยกตัวที่สั่นไหวขึ้นเช่นเดียวกัน แล้วร้องเรียกบีพาอันไว้ก่อนที่เขาจะเดินออกจากห้องไป
“ฝ่าพระบาท! หม่อมฉัน หม่อมฉันมิได้คบชู้นะเพคะ ทั้งหมดเป็นเพียงข่าวเท็จ ทรงเชื่อเถอะเพคะ หม่อมฉัน…”
“ชายา”
บีพาอันหยุดเดิน ทว่ามิได้หันหลังกลับมา แผ่นหลังกว้างเอ่ยตัดคำอย่างไร้เยื่อใย
“มิจำเป็นต้องแก้ตัวอันใด”
“มิได้แก้ตัวเพคะ เป็นเรื่องจริงเพคะ”
“อืม แม้แต่ความเป็นจริงก็ไม่ต้องแจ้งแก่เรา เราบอกไปแล้วไม่ใช่หรือว่ามิสนข้อเท็จจริงอันใด”
“เพคะ?”
ตนนั้นยืนยันความบริสุทธิ์ของตนเองไปแท้ๆ แต่กลับโดนเพิกเฉย กโยซึลจึงเปล่งเสียงออกมาอย่างงุนงง
“เราไม่สนใจว่าท่านจะมีใจให้ใครหรือผูกไมตรีกับผู้ใด เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นต้องมาแก้ตัวกับเรา อีกอย่างเราเองก็ไม่ได้อยากรู้”
“แต่ว่า… หม่อมฉันเป็นคนของฝ่าพระบาทนะเพคะ”
“เราไม่สน”