ตอนที่ 15-2 ข่าวลือฉาวโฉ่

ซ่อนรักเคียงบัลลังก์

ยังคงเป็นคำตอบที่เฉือดเฉือนเช่นเคย กโยซึลเต็มไปด้วยความงุนงง เช่นนั้นเมื่อครู่ที่จับไหล่ตนแล้วผลักลงบนเตียง ทั้งยังด่าว่าตนนั้น ทำไปเพื่อสิ่งใดกัน 

 

 

“เช่นนั้น… ที่ทรงโกรธถึงเพียงนี้…” 

 

 

“ข่าวลือไปถึงหูองค์จักรพรรดิแล้ว เป็นเพราะชายาจึงทำให้เราโดนจับผิด” 

 

 

กึก รู้สึกราวกับว่ามีบางอย่างขาดสะบั้น 

 

 

“เราบอกไปกี่ครั้งแล้วว่าเราไม่สนใจว่าจะทรงทำอะไร นอกจากว่าท่านคือชายาของเราอย่างอื่นเราไม่สน เราไม่อยากเปลืองเวลาไปให้ความสนใจเรื่องไร้สาระ บอกแล้วมิใช่หรือว่าเรายุ่งมาก” 

 

 

บีพาอันเดินออกจาห้องไปโดยที่กโยซึลเองก็ไม่ได้รั้งไว้แต่อย่างใด เพียงจ้องมองแผ่นหลังของบีพาอันที่เดินผ่านประตูห้องบรรทมออกไปกระทั่งแผ่นหลังนั้นหายไปหลังจากที่ประตูปิดลง  

 

 

กโยซึลขบคิดว่าเมื่อครู่ตนนั้นได้ยินสิ่งใดและสิ่งนั้นหมายความว่าเช่นไร แต่ก็ยากที่จะเข้าใจ เพียงแต่นั่งหมิ่นเหม่อยู่ที่เตียงและจ้องมองไปยังช่องประตูที่บีพาอันเพิ่งเดินออกไป แม้น้ำเสียงนั้นจะเต็มไปด้วยความเย็นชา แต่ทว่าพอมาคิดดูแล้วกลับตรงไปตรงมาไร้ความรู้สึกและหยาบกระด้างนัก ในความรู้สึกของกโยซึลที่ตอนนั้นเต็มไปด้วยความกลัวนั้น เขากำลังโกรธเกรี้ยวราวกับพายุ แต่ทว่าพอนึกย้อนดูอีกทีน้ำเสียงนั้นกลับเพียงแค่กระชากกระชั้นและเร่งรัดเท่านั้น 

 

 

เป็นเช่นนี้นี่เอง 

 

 

หลังจากที่ขบคิดถึงถ้อยคำของบีพาอันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในที่สุดกโยซึลก็ตระหนักได้ถึงความจริงข้อหนึ่ง คำพูด สายตา และท่าทางของบีพาอันนั้นหาได้เย็นชาและน่ากลัวไม่ แต่เป็นเพราะวิธีการพูดที่แข็งกระด้างของเขานั่นเอง 

 

 

“เป็นคนไม่แสดงสีหน้าเช่นนั้นหรือ” 

 

 

คนที่ไม่แสดงสีหน้าก็คือคนที่ไม่แสดงความรู้สึก แต่ทว่าบีพาอันเป็นยิ่งกว่านั้น เหมือนกับว่าเขาไม่มีความรู้สึกต่อสิ่งใดเลย 

 

 

“คนเรา คนเราเหตุใดถึงได้…” 

 

 

กโยซึลนึกย้อนไปถึงบีพาอันที่ตนเห็นมาจนถึงตอนนี้ นัยน์ตาเข้มนั้นมืดหม่นและไร้ความรู้สึกอยู่ตลอดเวลา ไร้ซึ่งความรู้สึกยินดี โกรธ เศร้า หรือทุกข์ ไม่รู้ว่าเคยแสดงมันออกมาบ้างหรือไม่ 

 

 

“จะเศร้าเสียใจบ้างหรือไม่นะ” 

 

 

กโยซึลรู้สึกเสียใจแทนบีพาอันอย่างไร้สาเหตุ ใบหน้าเย็นชานั้นดูน่าสงสาร เหตุใดเขาถึงได้ทำให้ตัวเองกลายเป็นคนไร้ความรู้สึกเช่นนั้นนะ ถึงแม้ว่ากโยซึลจะเกรงกลัวบีพาอันอยู่บ้าง แต่ใบหน้าที่ถึงแม้ว่ากำลังโกรธอยู่ แต่ก็ยังคงความสุขุมไว้นั้นช่างดูน่าเศร้านัก 

 

 

“การเป็นจักรพรรดิต้องทำให้ตนเองไร้ความรู้สึกเช่นนั้นหรือ” 

 

 

สิ่งที่บีพาอันสนใจมีเพียงแค่บัลลังก์ เพียงสิ่งนั้นเท่านั้น แค่ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ ประเด็นสำคัญที่ทั้งสองให้ความสนใจยังแตกต่างกัน คำตอบของบีพาอันที่ตนได้รับเมื่อครั้งที่ตนพยายามจะอธิบายความจริงทำให้กโยซึลรู้ว่าแท้จริงแล้วเขานั้นกำลังกังวลอยู่กับสิ่งใดอยู่ 

 

 

หาใช่เนื้อหาของข่าวลือ แต่เป็นเพราะว่ามีข่าวลือต่างหาก เพราะมีข่าวลือแล้วเข้าไปถึงหูขององค์จักรพพรรดิต่างหาก หากแม้ว่าข่าวลือนั้นจะเป็นความจริง แต่ทว่ามันมิได้ไปถึงหูองค์จักรพรรดิ และมิได้ทำให้บีพาอันเสื่อมเสียเกียรติ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะไม่ให้ความสนใจด้วยซ้ำ ไม่สิ เขาต้องไม่ให้ความสนใจเป็นแน่ 

 

 

“หรือว่าคำที่เขาพูดในคืนส่งตัวจะหมายถึงสิ่งนี้กันนะ” 

 

 

ในตอนนี้กโยซึลพอจะเข้าใจถึงเจตนาของบีพาอันบ้างแล้ว เขาไร้ซึ่งความสนใจอย่างแท้จริง 

 

 

“ช่างเป็นผู้ที่เข้าใจยากนัก” 

 

 

คนที่ชอบก็แสดงออกว่าชอบ เกลียดก็แสดงออกว่าเกลียดอย่างตรงไปตรงมาอย่างกโยซึล เพิ่งจะเคยพบเจอคนอย่างบีพาอันเป็นครั้งแรก  

 

 

  

 

 

           วันที่ท้องฟ้าแจ่มใส กโยซึลเหลือบมองไปที่ประตูห้องบรรทมซึ่งมีการเคลื่อนไหวใกล้เข้ามา 

 

 

“พระชายาฮวางแทจาเพคะ โมซังกุงเองเพคะ” 

 

 

“มีเรื่องอันใดหรือ เชิญเข้ามาได้” 

 

 

เป็นหนึ่งในซังกุงสองคนที่คอยดูแลห้องบรรทมของตน หลังจากได้รับคำอนุญาตซังกุงจึงเปิดประตูเข้ามา นางถือชุดสีแดงเข้ามาด้วย นางค่อยๆ เดินเข้ามาหากโยซึลแล้วค้อมตัวลงยื่นชุดสีแดงที่ถือมาให้แก่กโยซึล 

 

 

“ฉลองพระองค์ของฝ่าพระบาทฮวางแทจาที่ทรงทิ้งไว้ในคืนส่งตัวเพคะ” 

 

 

“อ้อ…” 

 

 

สิ่งที่ซังกุงยื่นมาให้อย่างนอบน้อมด้วยสองมือนั้นคือเสื้อตัวนอกที่ใส่ในพิธีอภิเษกสมรส ร่องรอยที่ลืมเลือนไปแล้วอยู่ๆ ปรากฏขึ้นมากระทันหันทำให้กโยซึลตกใจอยู่ไม่น้อย แถมยังเป็นชุดอภิเษกที่ปรากฏขึ้นมาราวกับว่ามันรอคอยวันที่ตนจะมีเรื่องขัดแย้งกับบีพาอันอยู่ กโยซึลมองไปชุดอภิเษกอย่างเหม่อลอย 

 

 

ชายเสื้อที่ปักลายผีเสื้อสีฟ้าอมน้ำเงิน ในวันอภิเษก ตนได้เดินตามผีเสื้อเหล่านี้ไป ในตอนนั้นตนหารู้ไม่ว่าเขาจะเป็นชายที่น่ากลัวถึงเพียงนี้ หารู้ไม่ว่าเขาจะเป็นชายที่น่าสงสารถึงเพียงนี้ 

 

 

“ขอบใจมาก” 

 

 

กโยซึลรับเสื้อตัวนอกมาจากซังกุง ซังกุงโน้มตัวลงแล้วเดินถอยหลังออกจากห้องบรรทมไป กโยซึลที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวภายในห้อง ลูบคลำผ้าแพรสีแดงตรงหน้า 

 

 

ชุดอภิเษกกำลังพูดกับตนว่า 

 

 

เจ้าคือพระชายาแห่งองค์ฮวางแทจา 

 

 

บีพาอันในคืนนั้นพูดไว้ว่า 

 

 

           เราไม่สน 

 

 

เนื้อผ้านุ่มนัก หากเขานุ่มนวลได้อย่างผ้าผืนนี้ ไม่แน่ว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองอาจจะแตกต่างกับตอนนี้ก็เป็นได้ น้ำตารื้นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ กโยซึลได้แต่จมอยู่กับความเสียดายอยู่พักใหญ่ 

 

 

“หม่อมฉันควรทำอย่างไรเพคะ” 

 

 

กโยซึลลูบคลำเสื้อตัวนอกครั้งแล้วครั้งเล่า พร้อมกับถามคำถามที่ไม่ได้ถามแก่บีพาอัน 

 

 

“ต้องทำอย่างไรจึงจะเป็นเพียงพระชายาฮวางแทจาที่ไม่ปรารถนาความสนใจจากพระองค์ได้” 

 

 

เป็นคำถามที่ไม่อาจรู้คำตอบ 

 

 

  

 

 

กโยซึลนำเสื้อของบีพาอันแขวนไว้ที่ผนัง เสื้อตัวนี้จะเป็นตัวแทนของบีพาอันจนกว่าตนจะมีโอกาสคืนมันให้แก่เจ้าของ กโยซึลวางมือบนผ้าผืนนั้นอีกครั้ง พร้อมกับนึกถึงใบหน้าไร้ความรู้สึกของบีพาอันที่เอ่ยคำพูดร้ายกาจด้วยน้ำเสียงเย็นชา 

 

 

หรือว่าการเป็นฮวางแทจาจะไม่สามารถแสดงความในใจได้กัน 

 

 

กโยซึลที่เกรงกลัวบีพาอันมาตลอดนึกถึงแผ่นหลังที่เดินจากไป พร้อมกลับบังอาจแสดงความเห็นใจต่อเขา ที่จริงแล้วเขาที่ต้องสวมหน้าเป็นคนเพิกเฉยต่อทุกสิ่ง ไม่สามารถแสดงความรู้สึกของตนได้ช่างน่าเวทนานัก 

 

 

หรือว่าจะไม่สามารถเป็นได้แม้กระทั่งตัวตนของตนเองกัน  

 

 

ความสงสัยในตัวบีพาอันยังคงดำเนินต่อไป แม้ว่าเขาจะมีน้ำเสียงที่เยือกเย็นดั่งน้ำค้างแข็ง และมีดวงตาเฉียบคมราวกับทะลุผ่านได้ทุกสิ่ง แต่ทว่ามือของเขานั้นอบอุ่นนัก