กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 857

“ขวานผานกู่เล่า?”

“ขวานผานกู่อะไร?ตอนที่ข้ามาถึงก็มีแค่เจ้ากับชายสวมหน้ากาก”

เหวินเส่าอี๋จ้องมองไปที่กู้ชูหน่วน

อย่างไรก็ตาม กู้ชูหน่วนดูสับสนและไม่ได้ดูเหมือนเสแสร้ง

เหวินเส่าอี๋คิดเรื่องนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ไม่รู้ว่ากู้ชูหน่วน ไม่รู้จริง ๆ ว่าขวานผานกู่อยู่ที่ไหน หรือแสร้งทำเป็นไม่รู้กันแน่

เขาจำได้ว่าในตอนนั้นที่เขาต่อสู้กับสุนัขจิ้งจอกเก้าหางระดับเจ็ด ระหว่างการต่อสู้ สุนัขจิ้งจอกเก้าหางระดับเจ็ดน่าจะตาย และขวานผานกู่ก็ถือกำเนิดขึ้นถึงจะถูก

จะหายไปได้อย่างไร?

บางทีมันอาจจะถูกเยี่ยจิ่งหานแย่งชิงไป

มีการเคลื่อนไหวอยู่ไม่ไกล และเมื่อตั้งใจฟังจะได้ยินเสียงฟู่ ๆ ๆ

เหวินเส่าอี๋ใช้ไม้ค้ำเดินออกไป และทิ้งท้ายไว้ว่า “ขวานผานกู่ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าสามารถแตะต้องได้ การที่มันหายไปก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้า”

“แน่นอนว่าไม่เกี่ยวข้อง ข้าจะเอาขวานหัก ๆ นั่นไปทำอะไร”

ไม่นานหลังจากที่เหวินเส่าอี๋จากไป เจ้าเสือน้อยและเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ก็นำดอกบัวศักดิ์สิทธิ์สามสีกลับมามอบให้ด้วยความดีอกดีใจ

“นายท่าน ท่านดูสิ พวกเราได้ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์สามสีมาแล้ว”

เมื่อเห็นท่าทางกระตือรือร้นของพวกเขา ก็รู้แล้วว่าดอกบัวศักดิ์สิทธิ์สามสีที่เก็บมานั้นไม่เบ่งบาน

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ยังคงดมกลิ่นข้าง ๆ อย่างไม่หยุดและขมวดคิ้ว “มีกลิ่นที่คุ้นเคยในอากาศ เขามาที่นี่หรือ?”

“ใคร?” กู้ชูหน่วนถาม

“คนที่ตามฆ่าเซียวอวี่เซวียน”

“มาแล้ว ไปแล้ว”

“มีรอยเลือด คนผู้นั้นได้รับบาดเจ็บหรือ?”

“อืม”

“นายท่าน ทำไมท่านไม่ฉวยโอกาสฆ่าเขาเสียเลย”

“ทำไมขาต้องฉวยโอกาสฆ่าเขา”

“เพราะ……เพราะเขาตามฆ่าเซี่ยวอวี่เซวียน ช่างเถอะ ข้าจะไปดูหน่อย”

กู้ชูหน่วนยังไม่ทันได้พูด เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ก็พาร่างอ้วน ๆ ของมันเลื้อยตามไปเหวินเส่าอี่ไป

กู้ชูหน่วนถือดอกบัวศักดิ์สิทธิ์สามสี และมองไปที่ทิศทางที่เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์จากไป

จนกระทั่งเจ้าเสือน้อยเรียกนาง นางถึงตอบสนอง

“นายท่าน เราไม่ต้องรีบใช้ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์สามสีเพื่อช่วยคุณชายเซี่ยวหรือ?”

“ช่วยสิ แน่นอนว่าต้องช่วย เจ้าเสือน้อย พวกเจ้าทำได้ดีมาก ไปกันเถอะ”

เมื่อเข้าไปในถ้ำ เจ้าเสือน้อยก็เห็นเยี่ยจิ่งหานนอนหมดสติอยู่

นัยน์ตาของมันเป็นประกายขึ้นมาในทันที “นายท่าน เทพแห่งความมั่งคั่งหมดสติอยู่”

ในขณะที่พูด มันก็ต้องการค้นหาของมีค่าบนร่างของเยี่ยจิ่งหาน

กู้ชูหน่วนเขย่าเขาอย่างแรง

“นี่คือเทพแห่งความมั่งคั่ง ท่านไม่กลัวว่าเขาจะตามฆ่าท่านไปทั่วทุกแห่งหนหรือ”

ครั้งก่อนนางเอาของมีค่าของเขาไป ถึงได้ถูกชายผู้นี้ตามฆ่ามาจนถึงตอนนี้

“ทำให้เขาขุ่นเคืองอยู่แล้ว และไม่กลัวว่าจะทำให้เขาขุ่นเคืองอีกครั้ง อีกทั้งก่อนหน้านี้เขาต้องการที่จะฆ่านายท่าน และทุบตีฉันข้าจนเกือบตาย”

กู้ชูหน่วนลูบคางของตัวเอง

คำพูดนี้ดูเหมือนจะสมเหตุสมผล

ในขณะที่นางยังคงลังเล เจ้าเสือน้อยก็ค้นร่างของเขาอีกครั้ง

แต่นอกจากตั๋วเงินและจี้หยกแล้ว บนร่างของเขาก็ไม่มีอะไรอีก

เจ้าเสือน้อยไม่พอใจและฉีกเสื้อผ้าของเขา

เจ้าเสือน้อยพึมพำกับตัวเอง “ช่างอัตคัด เสื้อผ้าก็ดูดี น่าจะมีเงินมากกว่านี้”

กู้ชูหน่วนเอามือกุมหน้าและมองขึ้นไปบนท้องฟ้า

ทำไมนางรู้สึกรู้สึกว่าเจ้าเสือน้อยตัวนี้เหมือนกับนาง……เหมือนมาก

เฮ้ย เหมือนอะไรกัน

นางไม่ได้โลภมากขนาดนั้น

เมื่อเห็นเซี่ยวอวี่เซวียนกระอักเลือดสีดำออกมา กู้ชูหน่วนก็รีบนำดอกบัวศักดิ์สิทธิ์สามสีให้เซี่ยวอวี่เซวียนกิน จากนั้นก็กระตุ้นกำลังภายใน ทำให้ยาระเหยไปจนหมด

เมื่อเวลาผ่านไป ร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสของเซี่ยวอวี่เซวียนก็ค่อย ๆ ฟื้นตัว

เสียงร้องของเจ้าเสือน้อยดังก้องอยู่ในหูของเขา

เธอเอามือออกแล้ววิ่งออกไปดูข้างนอก เจ้าเสือน้อยถูกทุบตีและส่เสียงร้องไม่หยุด หนังเสือของมันแทบจะหลุดออกมา

ในทางกลับกัน ไม่รู้ว่าเยี่ยจิ่งหานฟื้นขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่

แย่แล้ว……

ความเกลียดชังต่อชายสวมหน้ากากเพิ่มขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง

“ข้าบอกว่าอย่าไปยุ่งกับเขา แต่เจ้าก็ไม่ฟัง ต่อไปเจ้าก็ระวังชีวิตน้อย ๆ ของเจ้าด้วย”

“แค่ก ๆ……”

เสียงไอของเซี่ยวอวี่เซวียนดังมาจากในถ้ำ กู้ชูหน่วนจึงหันหลังกลับเข้าไปในถ้ำ

เซี่ยวอวี่เซวียนฟื้นแล้ว

“ชีพจรคงที่แล้ว ขอเพียงไม่ใช้วรยุทธ์ ก็จะสามารถรักษาชีวิตของเจ้าไว้ได้”

เซี่ยวอวี่เซวียนเหลือบมองซ้ายขวา “เหวินเส่าอี๋เล่า แค่ก ๆ……”

“ไปแล้ว”

“ไปแล้ว?เจ้าปล่อยเขาไปแล้ว?”

กู้ชูหน่วนหาที่นั่งสบาย ๆ นางนั่งลงและกล่าวด้วยเสียงต่ำ “เจ้าโทษที่ข้าปล่อยเขาไปหรือไม่ได้ฆ่าเขากันแน่?”

เซี่ยวอวี่เซวียนกุมบาดแผลและถอนหายใจ จากนั้นก็พูดออกมา

“นี่เป็นความแค้นระหว่างข้ากับเขา ไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้า เจ้าไม่จำเป็นต้องเข้ามายุ่ง เจ้าไม่ได้ฆ่าเขา และไม่ได้เป็นหนี้ข้าแต่อย่างใด”

“ทำไมคำพูดนี้ฟังดูแปลก ๆ ”

“ขอบคุณที่ช่วยชีวิตข้าไว้สองครั้งสองครา”

“ระหว่างเรา ยังไม่ชัดเจนว่าใครช่วยใคร”

เซี่ยวอวี่เซวียนฝืนยิ้มและพยายามลุกขึ้น

“เจ้าบาดเจ็บสาหัสมาก ออกไปตอนนี้ ไม่กลัวว่าจะถูกพวกเขาตามล่าอีกหรือ?”

“อะไรควรแก้ก็ต้องแก้”

“นี่คือสิ่งที่พวกเขากำลังตามหา และเป็นสิ่งที่เข้ากำลังตามหาด้วยเช่นกัน”

กู้ชูหน่วนหยิบขวานผานกู่ออกจากวงแหวนอวกาศแล้วมอบให้เซี่ยวอวี่เซวียน

“แม้ข้าจะไม่รู้ว่าขวานหัก ๆ นี้มีไว้ทำอะไร แต่ข้าคิดว่าเต้าต้องการมัน”

เซี่ยวอวี่เซวียนหยิบขวานผานกู่ขึ้นมาพลิกดูซ้ายขวา ดูเหมือนว่าเขาจะไม่คิดว่าขวานผานกู่ในตำนานจะสามารถแยกทุกอย่างได้ อีกทั้งยังเป็นขวานที่หัก

ขวานนี้ไม่ต่างจากขวานธรรมดา ๆ หากวางไว้ในกองขวานก็คงจะจำไม่ได้

“เจ้าคงไม่คิดว่าข้าเอาขวานหักมาให้เจ้าหรอกนะ”

เมื่อเห็นเขาขมวดคิ้ว กู้ชูหน่วนก็กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์

“ไม่หรอก ในโลกนี้ทุกคนสามารถโกหกข้าได้ แต่ข้าเชื่อว่าเจ้าไม่มีทางที่จะไม่โกหกข้า เพียงแต่…..เจ้ารู้หรือไม่ว่าขวานนี้มสำคัญมากแค่ไหน?”

“ไม่รู้ และไม่อยากรู้ ถึงอย่างไรมันก็ไร้ประโยชน์สำหรับข้า”

“เจ้าเด็กสกปรก”

ทันใดนั้นเซี่ยวอวี่เซวียนก็กอดนาง และสูดกลิ่นกายของนางอย่างตะกละตะกลาม

“ขอบคุณเจ้า ขอบคุณที่เชื่อใจข้า ขอบคุณที่อยู่กับข้าในตอนที่ข้าสับสนทำอะไรไม่ถูก”

กู้ชูหน่วนอยากจะผลักเขาออกไป แต่ไม่รู้ว่าจะทำให้เขารู้สึกโดดเดี่ยวหรือไม่ นางจึงลังเลที่จะผลักเขาออกไป

“เจ้าจะยอมแต่งงานกับข้าหรือไม่?”

“อะไรนะ?”

กู้ชูหน่วนคิดว่าตัวเองหูฝาดไป

เซี่ยวอวี่เซวียนลังเลที่จะปล่อยนางออกจากอ้อมแขน

เขาเบือนหน้าหนีเล็กน้อยและพึมพำ “ไม่มีอะไร……”

เขาก็ไม่รู้ว่าทำไมจู่ ๆ ตัวเองถึงพูดเช่นนั้นออกไป

เขารู้เพียงว่าหากได้อยู่กับนางไปตลอดชีวิต บางทีเขาอาจจะมีชีวิตที่มีความสุขมากนี้

“เซี่ยวอวี่เซวียน……ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร เป็นไปไม่ได้ที่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้วจะกลับมา เจ้ามองไปข้างหน้าเถอะ”

“อืม……ได้……”

“ไปกันเถอะ ใกล้จะหมดเวลาแล้ว พวกเราต้องออกไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุด มิเช่นนั้น เมื่อเขตอาคมถูกปิดลง เกรงว่าพวกเราจะต้องอยู่กับอสุรกายเหล่านั้นจริง ๆ”

กู้ชูหน่วนพูดพร้อมกับเดินไปข้างหน้า

นางคิดว่าเซี่ยวอวี่เซวียนจะไม่พูดอะไรอีก

แต่ดูเหมือนว่าเซี่ยวอวี่เซวียนนจะรวบรวมความกล้า และกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “เจ้าเด็กโสโครก ข้าเซี่ยวอวี่เซวียนตัวคนเดียว และพูดจาหวาน ๆ ไม่เป็น แต่หากเจ้ายอมแต่งงานกับข้า ข้าจะทุ่มเททั้งชีวิต ดูแลเจ้า ปกป้องเจ้า รักเจ้า และซื่อสัตย์ต่อเจ้า”

การสารภาพรักอย่างกะทันหันทำให้หัวใจของกู้ชูหน่วนสับสนวุ่นวาย

นางรู้สึกดีกับเซี่ยวอวี่เซวียน

และนางยังคิดว่าตัวเองชอบเซี่ยวอวี่เซวียน

อย่างไรก็ตาม เมื่อเผชิญหน้ากับคำสารภาพรักของเขา นางก็ลังเล

มีเสียงในใจของนางที่อยากให้นางปฏิเสธ

เมื่อมองไปที่ดวงตาอันเคร่งขรึมของเซี่ยวอวี่เซวียน นางก็รู้ว่าเซี่ยวอวี่เซวียนไม่ได้ล้อเล่น