นักข่าวคนนั้นนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถามเธอด้วยรอยยิ้มว่า “คุณถังครับ ขอถามได้ไหมว่าคุณมีความสัมพันธ์กับสุภาพบุรุษท่านนี้ยังไง”
ถังซีเลิกคิ้ว “เป็นความสัมพันธ์ระหว่างผู้คุ้มกันกับผู้อยู่ภายใต้การคุ้มกันค่ะ” พูดจบเธอก็ก้มศีรษะอำลาบรรดานักข่าว และมองไปทางด้านหลังเพื่อสบตากับผู้ช่วย ฝ่ายหลังรีบก้าวเข้ามาหา และกล่าวกับนักข่าวทั้งหมดว่า “วันนี้ขออนุญาตพอแค่นี้ก่อน ขอโทษด้วยนะครับ”
ทันทีที่เขากล่าวจบ ทีมรักษาความปลอดภัยของโรงแรมก็เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ โดยกันนักข่าวไว้ และคุ้มกันให้ถังซีไปขึ้นรถโดยปลอดภัย บอดี้การ์ดคนที่ถูกนักข่าวกล่าวถึงก้าวตามขึ้นไปนั่งบนรถกับเธอด้วย ถังซีหันไปมองเขาด้วยความประหลาดใจ แต่เขาไม่ยอมมองสบตาเธอ ถังซีจึงได้แต่บอกให้คนขับออกรถได้
ใช้เวลาเดินทางราวยี่สิบนาทีจากโรงแรมไปถึงเอ็มไพร์กรุป หลังจากก้าวลงจากรถแล้ว ถังซีได้โอกาสถามเฉียวเหลียงด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “คุณไม่มีอะไรทำเหรอ มาตามฉันแบบนี้ คุณจะไม่เบื่อเหรอ”
เฉียวเหลียงเดินตามเธอไป ส่วนบรรดาผู้บริหารอื่นๆ เดินตามเขามาอีกที เมื่อได้ยินเธอถามอย่างนั้น เฉียวเหลียงก็เลิกคิ้วขึ้น ตอบด้วยเสียงต่ำและเบาว่า “ไม่”
ถังซีนิ่งเงียบไป เธอมองกลับไปที่เฉียวเหลียง และก้าวเดินต่อไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาหมายความว่าอย่างไรนะ หมายความว่าไม่เบื่อที่มาเดินตามเธอหรือเปล่า เมื่อคิดอย่างนี้อารมณ์ขุ่นมัวจากการต้องพบเจอสมาชิกตระกูลถังผู้โลภมาก ก็ค่อยปลอดโปร่งขึ้น
เธอจึงแย้มริมฝีปากยิ้มหวาน
…
ภายในห้องชุดเพรสซิเดนเชี่ยล ของโรงแรมยูนิเวอร์แซลในเมือง A ถังเจิ้นหวากำลังตกตะลึงหลังจากชมข่าวจบ เขาได้รับโทรศัพท์จากซีซีเมื่อวานนี้ เธอขอให้เขาอย่าเพิ่งกลับไปเมืองหลวง เพราะเธอกำลังจะกลับไปจัดการกับกลุ่มคนที่ก่อปัญหาเหล่านั้น เขารู้สึกประหลาดใจที่ได้รับรู้ว่าซีซีคนปัจจุบันไม่ใช่คนเดียวกับซีซีในอดีต ปัจจุบันเธอเป็นบุตรสาวตระกูลเซียว แล้วนี่เธอจะกลับไปที่เอ็มไพร์กรุปด้วยสถานะที่เป็นอยู่ในปัจจุบันได้อย่างไร เขาไม่คาดคิดว่าเธอจะกลับไปในลักษณะนี้… ด้วยใบหน้าเช่นนี้…
ถังจงไม่เคยรู้ว่าถังซียังมีชีวิตอยู่ เขาจึงช็อกไปเมื่อเห็นข่าว เขาจ้องมองจอโทรทัศน์ด้วยดวงตาเบิกโพลง ชี้ไปที่หน้าจอ “นายท่าน… นี่มัน… คุณหนู… คุณหนูยัง…”
ถังเจิ้นหวายิ้มเมื่อเห็นถังจงมีอาการตกตะลึงเช่นนั้น ท่านส่ายศีรษะ “อย่าแปลกใจไปเลย ซีซีโทรมาหาฉันเมื่อคืน เธอบอกฉันว่าจะไปจัดการกับเรื่องยุ่งยากที่บริษัทเอง เราไปพักที่หุบเขากันดีกว่า อยู่ที่นั่นกันสักสองสามวัน”
ถังจงมองหน้าถังเจิ้นหวาด้วยสายตาพิศวงงงงวย หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็ค่อยรวบรวมสติได้ ถามขึ้นเบาๆ ว่า “นายท่าน ไม่อยากกลับไปพบคุณหนูหรือครับ”
ถังเจิ้นหวาสั่นศีรษะ “ทีแรกก็ตั้งใจว่าจะกลับไป แต่ตอนนี้ไม่ดีกว่า เราไปพักที่บ้านหุบเขากันสักสองสามวันเถอะ”
ถังจงยังคงจ้องมองถังเจิ้นหวาเขม็ง สักครู่ใหญ่ๆ เขาจึงพยักหน้ารับ “ได้ครับ ผมจะแจ้งไปยังคนที่บ้านบนพักในหุบเขา ให้เตรียมทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อนท่านจะไปถึง ท่านจะพักอยู่สักกี่วันดีครับ”
ถังเจิ้นหวาตอบ “ประมาณสักอาทิตย์หนึ่ง”
ถังจงก้มศีรษะรับคำสั่ง แล้วเดินออกไป ส่วนถังเจิ้นหวายังคงเพ่งมองไปที่จอโทรทัศน์ และเข้าสู่ภวังค์ในที่สุด
…
ที่เมืองหลวง
ภายในห้องประชุมของเอ็มไพร์กรุป บรรดาผู้บริหารและผู้ถือหุ้นต่างนั่งประจำที่ของตน และสนทนากันอย่างออกรส หัวข้อที่ถกเถียงกันอยู่ก็หนีไม่พ้นเรื่องที่ว่า ทำไมจู่ๆ ถังซีจึงกลับมา สีหน้าของแต่ละคนล้วนแสดงออกถึงความรู้สึกแตกต่างกัน บางคนตื่นเต้นที่ถังซีกลับมา แต่บางคนรู้สึกว่าน่าจะต้องเกิดเหตุไม่พึงประสงค์ขึ้นแน่นอน จากการที่เธอกลับมาอย่างกะทันหันเช่นนี้
ทันใดนั้นประตูห้องประชุมก็ถูกผลักเปิดออก ในฉับพลันเสียงต่างๆ ภายในห้องก็เงียบกริบลงอย่างน่าประหลาด ทุกคนมองไปที่ประตูซึ่งเปิดค้างอยู่ ผู้ช่วยของถังซีผลักบานประตูให้เปิดกว้างขึ้น ถังซีก้าวเข้ามาในห้อง เมื่อเห็นเธอทุกคนในห้องก็ลุกขึ้นยืน ถังซีมองไปรอบๆ ด้วยสายตาไม่บ่งบอกความรู้สึก กล่าวเสียงเรียบว่า “เชิญนั่งลงค่ะ” แล้วเดินไปที่เก้าอี้ประจำตำแหน่งประธานบริหาร และนั่งลง “เมื่อหนึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา ฉันได้อ่านรายงานสถานะทางการเงินของบริษัทในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา รวมถึงตารางงานทั้งหมด ทุกอย่างเรียบร้อยดีมาก ดูเหมือนว่าช่วงที่ฉันไม่อยู่ ทุกท่านจะปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างดี ไม่มีบกพร่อง”
ทุกคนมีอาการโล่งอกเมื่อได้ยินเธอกล่าวเช่นนั้น ถังเจี๋ยเหรินยิ้มและกล่าวว่า “ก็ควรจะเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว เอ็มไพร์กรุปเป็นธุรกิจของครอบครัวเรา ถึงแม้เธอจะไม่มีเวลาอยู่บริหารจัดการในบริษัท พวกเราก็ไม่อาจละเลยต่อหน้าที่ เพราะฉะนั้น…”
“ธุรกิจของครอบครัวคุณหรือคะ” ถังซีขัดขึ้นก่อนที่ถังเจี๋ยเหรินจะกล่าวจบ เธอส่งสายตาเย็นชาไปที่ถังเจี๋ยเหริน เลิกคิ้วขึ้นขณะกล่าวว่า “ผู้อำนวยการถัง ฉันไม่เข้าใจว่าคุณหมายความว่ายังไง เอ็มไพร์กรุปเป็นธุรกิจของครอบครัวคุณตั้งแต่เมื่อไร ฉันจำได้ว่าคุณปู่ของฉันเป็นผู้ก่อตั้งเอ็มไพร์กรุปขึ้นเมื่อสี่สิบปีที่แล้ว ที่คุณเข้ามาเป็นกรรมการผู้ถือหุ้นของเอ็มไพร์กรุปได้ เพราะถังกรุปถูกซื้อรวบเข้ากับเอ็มไพร์กรุป และคุณเป็นผู้ถือหุ้นถังกรุป คุณปู่ใจดี จึงไม่ได้ให้คุณออกไป นั่นเป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้คุณยังนั่งอยู่ที่นี่ได้ แล้วคุณจะเรียกเอ็มไพร์กรุปว่าเป็นธุรกิจของครอบครัวคุณได้ยังไง”
เมื่อได้ยินเธอกล่าวเช่นนั้นสีหน้าถังเจี๋ยเหรินก็ซีดเผือด ส่วนถังหมิงเหรินและถังเย่าเหรินชักสีหน้าแสดงความไม่พอใจ กรรมการผู้ถือหุ้นคนอื่นๆ เหลียวมองหน้ากันด้วยความสงสัยว่า ทำไมถังซีจึงได้กล่าววาจาแข็งกร้าวเช่นนี้กับบรรดาผู้อาวุโส หรือถังซีจะรู้แล้วว่า ถังเจี๋ยเหรินกับสมาชิกตระกูลถังคนอื่นๆ ก่อเรื่องอะไรไว้กับบริษัท
“ท่านประธานครับ ทำไมถึงพูดแบบนี้ ผม…”
“ไม่เป็นไรค่ะ” ถังซียกมือขึ้นห้ามกลางประโยค เธอขัดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ฉันได้อ่านรายงานแผนธุรกิจ และผลประกอบการล่าสุดในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา ของเอ็มไพร์เอ็นเตอร์เทนเมนต์แล้ว ดูไม่ดีเลย ประธานเอ็มไพร์เอ็นเตอร์เทนเมนต์ทำอะไรอยู่หรือคะ”
ประธานบริหารเอ็มไพร์เอ็นเตอร์เทนเมนต์คือบุตรชายของถังเจี๋ยเหริน ชื่อถังเหา ซึ่งก็คือผู้ที่ถังซีมีเรื่องด้วยเมื่อคืนนั่นเอง
ถังเจี๋ยเหรินอ้าปากจะพูด แต่ถังซีแทรกขึ้นก่อนว่า “เขามัวไปอยู่กับนักแสดงสาวๆ ในห้องพักของโรงแรมตลอดทั้งวันทั้งคืน ไม่ทำงานทำการ ผู้อำนวยการถังคะ ไม่ทราบว่าใครแต่งตั้งขยะแบบนี้ให้เป็นประธานบริหารเอ็มไพร์เอ็นเตอร์เทนเมนต์กันคะ”
สีหน้าถังเจี๋ยเหรินเปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำ ถังซีนึกสะใจอยู่เงียบๆ เมื่อเห็นสีหน้าถังเจี๋ยเหริน เธอได้เตรียมคำพูดแสบๆ ไว้มากมายเพื่อตอกหน้าพวกเขา ซึ่งตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา แต่ว่าขณะนี้เธออยากจะพุ่งเข้าไปตบหน้าคนพวกนี้สักฉาดใหญ่เพื่อแก้แค้นให้สะใจ!
ถังเจี๋ยเหรินพยายามระงับความโกรธ เขาฝืนยิ้ม “ท่านประธาน ผมจะสั่งสอนเจ้าเด็กนั่นเอง ช่วยให้โอกาสเขาอีกสักครั้งเถอะ…”
ถังซีส่งเสียงคำรามเบาๆ ออกทางจมูก มองหน้าผู้ช่วยของเธอ เขาผงกศีรษะ ส่งเอกสารที่ถือในมือให้ถังซี เธอรับมาแล้วโยนลงบนโต๊ะ “พวกคุณจะอธิบายเรื่องรายจ่ายพวกนี้ยังไง ขอให้แจกแจงมาให้ฉันทราบด้วย เงินแปดสิบล้านหยวน แต่ไม่ได้ใช้ไปในโครงการใดๆ ทั้งสิ้น อธิบายให้ฟังได้ไหมคะ ว่าเอาเงินไปใช้ทำอะไร”
หากให้เดาคงไม่ผิด เงินก้อนนี้คือเงินที่ใช้ว่าจ้างในการสังหารเธอ คนพวกนี้คิดว่าเธอตายไปแล้ว ย่อมไม่มีใครมาตรวจสอบเงินที่ใช้ไปก้อนนี้ พวกเขาคิดว่าจะทำอะไรกับบริษัทก็ได้ เพียงเพราะคุณปู่ไม่สบายอย่างนั้นหรือ! เธออยากรู้นักว่าพวกเขาจะหาเงินมาคืนได้ด้วยวิธีไหน!