ตอนที่ 514 หาเรื่องใส่ตัว / ตอนที่ 515 ผู้หญิงที่อยู่ในโรงพยาบาลจิตเวช

กับดักรักในรอยแค้น

ตอนที่ 514 หาเรื่องใส่ตัว

 

 

           เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อฉู่เจียเสวียนมาถึงบริษัทกงก็มีเรื่องงานที่ต้องเจอกับเผยหนานเจวี๋ยพอดี ฉู่เจียเสวียนแอบถอนหายใจในใจ เธอกำลังคิดถึงเหตุผลที่จะไปหาเขา คิดไม่ถึงว่าจะมีการประชุมพอดิบพอดี

 

 

           ตั้งแต่เธอแยกกับเผยหนานเจวี๋ยครั้งนั้น ทั้งสองคนก็ไม่ได้ติดต่อกันอีก

 

 

           หยิบเอกสารบนโต๊ะขึ้นมาแล้วเดินออกไปจากออฟฟิศ เมื่อคิดว่าอีกประเดี๋ยวจะได้เจอเผยหนานเจวี๋ย เธอก็รู้สึกประหม่าเล็กน้อย

 

 

           ในห้องทำงานของท่านประธาน กลุ่มบริษัทเผย

 

 

           เผยหนานเจวี๋ยกำลังนั่งอยู่บนโซฟากับสาวสวยคนหนึ่ง ทั้งสองกำลังพูดคุยอะไรบางอย่าง ใบหน้าของเผยหนานเจวี๋ยเย็นชา ผู้หญิงคนนั้นยิ้มแย้มสดใส เธอใส่ชุดอย่างเป็นทางการ เหมือนกำลังพูดอะไรบางอย่างกับเผยหนานเจวี๋ย

 

 

           “ไม่ทราบว่าท่านประธานเผยพอใจกับการร่วมงานของพวกเราครั้งนี้ไหมคะ” เธอเอ่ยขึ้น มองเผยหนานเจวี๋ยพร้อมพูดด้วยสีหน้าจริงจัง ใบหน้ามีรอยยิ้ม

 

 

           “ขอคิดดูก่อน” เผยหนานเจวี๋ยพูดอย่างเย็นชา ไม่ปฏิเสธแต่ก็ไม่เห็นด้วย

 

 

           “ได้ค่ะ งั้นฉันจะรอข่าวดีจากประธานเผยนะคะ” เธอพูดจบ ก็ยื่นมือให้เผยหนานเจวี๋ย

 

 

           “ก๊อกๆ…”

 

 

           “เข้ามา”

 

 

           เสียงเคาะประตูดังขึ้น เสียงที่ทุ้มต่ำของเผยหนานเจวี๋ยก็ดังขึ้นด้วย

 

 

           “ประธานเผยคะ คุณหนูฉู่มาค่ะ” เลขาพูดกับเผยหนานเจวี๋ย

 

 

           ‘ฉู่เจียเสวียน?’ เผยหนานเจวี๋ยดีใจ บอกให้เลขาเรียกเธอเข้ามาโดยที่ไม่คิดอะไรมากแล้ว

 

 

           เมื่อผู้หญิงคนนั้นได้ยินว่าเผยหนานเจวี๋ยมีธุระต้องคุย และตอนนี้เธอก็คุยเสร็จแล้ว จึงเอ่ยปากกับเผยหนานเจวี๋ย “ประธานเผยคะ ในเมื่อคุณยังมีธุระต้องไปทำ งั้นฉันก็ขอตัวก่อน”

 

 

           เธอพูดจบก็ลุกขึ้นยืน กลับไม่คิดว่าจะขาอ่อน เธอล้มเทไปหาเผยหนานเจวี๋ย เผยหนานเจวี๋ยประคองเธอตามมารยาท

 

 

           ฉู่เจียเสวียนเข้ามาพอดี จากนั้นก็เห็นฉากที่เผยหนานเจวี๋ยกอดอยู่กับผู้หญิง แววตาในดวงตาเยือกเย็นลง ริมฝีปากยกขึ้นอย่างเย็นชา

 

 

           เธอพยายามอย่างหนักเพื่อควบคุมอารมณ์ของตัวเอง เธอยังต้องการที่จะให้โอกาสระหว่างพวกเขาอีกหรือ ดูเหมือนว่าเผยหนานเจวี๋ยไม่ต้องการโอกาสของเธอสักเท่าไร

 

 

           หากไม่มีเธอ เขาก็มีความสุขอยู่กับผู้หญิงคนอื่นได้เหมือนกัน เธอคิดไปเองข้างเดียวต่างหาก

 

 

           เผยหนานเจวี๋ยมองผู้หญิงในอ้อมแขน ตกตะลึงเล็กน้อยไปชั่วขณะ หลังจากดึงสติกลับมาแล้ว ก็ผลักเธอออกจากตัวเองทันที

 

 

           หลังจากผู้หญิงคนนั้นยืนอย่างมั่นคงแล้ว เห็นฉู่เจียเสวียนก็พยักหน้าให้เธอ จากนั้นก็เอ่ยปาก “ถ้างั้นประธานเผย คุณทำงานก่อนเถอะค่ะ ฉันจะกลับแล้ว” พูดจบเธอก็จากไป

 

 

           ออฟฟิศที่กว้างใหญ่เหลือเพียงฉู่เจียเสวียนกับเผยหนานเจวี๋ยเท่านั้น ฉู่เจียเสวียนเดินเข้ามาหาเผยหนานเจวี๋ยด้วยรอยยิ้มเย็นชา จากนั้นก็นั่งลงบนโซฟาสำหรับนั่งคนเดียว

 

 

           เธอนำเอกสารออกมาจากกระเป๋าแล้ววางลงบนโต๊ะ

 

 

           “คุณเผยคะ ฉันมาที่นี่ในครั้งนี้เพราะต้องการยืนยันกับคุณเกี่ยวกับความร่วมมือในเขตเฉิงเซียว” ฉู่เจียเสวียนเอ่ยปากอย่างเป็นทางการ ท่าทีเฉยเมย

 

 

           เมื่อเห็นใบหน้าที่เย็นชาของฉู่เจียเสวียน เผยหนานเจวี๋ยก็รู้สึกผิดหวัง เธอมักจะเย็นชากับเขาเช่นนี้เสมอ

 

 

           เมื่อทั้งสองคนคุยเรื่องงานกันเสร็จก็เป็นเวลาบ่ายโมงแล้ว มองดูเวลา เผยหนานเจวี๋ยเอ่ยปากพูด “พวกเราไปกินข้าวกันเถอะ”

 

 

           “ไม่ต้องหรอก ในเมื่อคุยเรื่องงานกันเสร็จแล้ว งั้นฉันก็ขอตัวก่อน” ฉู่เจียเสวียนเอ่ยปากปฏิเสธโดยไม่คิดแล้ว

 

 

           เจอหน้ากันครั้งนี้พวกเขาคุยกันเพียงเรื่องงาน ไม่ได้คุยเรื่องส่วนตัวเลยแม้แต่คำเดียว แม้แต่การถามสารทุกข์สุขดิบทั่วไปก็ไม่มี

 

 

           ฉู่เจียเสวียนเก็บเอกสารลงในกระเป๋าอย่างดี จากนั้นก็ลุกขึ้นยืน เดินผ่านเผยหนานเจวี๋ยโดยไร้ความอาวรณ์ใดๆ ไม่แม้แต่จะชายตามองเขา

 

 

           เธอช่างหาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ เธอลืมไปได้อย่างไรว่าข้างกายเผยหนานเจวี๋ยไม่เคยขาดผู้หญิงเลย

 

 

 

 

       ตอนที่ 515 ผู้หญิงที่อยู่ในโรงพยาบาลจิตเวช

 

 

           เผยหนานเจวี๋ยมองดูแผ่นหลังที่เฉยเมยของฉู่เจียเสวียน แววตามีความผิดหวัง ตอนนี้เขาไม่มีคุณสมบัติใดๆ ที่จะร้องขอเธออีกแล้ว

 

 

           เผยหนานเจวี๋ยมองเงาของฉู่เจียเสวียนที่ไกลออกไปจนกระทั่งลับสายตา เขายังคงยืนอยู่ตรงนั้นไม่ขยับเขยื้อน อีกทั้งมือข้างกายก็กำหมัดแน่น ราวกับว่าพยายามข่มความรู้สึกที่ต้องการไปหาเธออย่างไรอย่างนั้น

 

 

           ต่อหน้าเธอ ทุกสิ่งที่เขาทำล้วนไร้ประโยชน์ บางทีเขาอาจเป็นแค่ตัวตลกในสายตาของเธอ เป็นคนที่เคยทำร้ายเธออย่างสาหัส แต่ตอนนี้เขากลับพยายามอย่างหนักที่จะพาเธอกลับมาหาเขา ถ้านี่ไม่ใช่เรื่องตลกแล้วมันคืออะไรล่ะ

 

 

           หลังจากฉู่เจียเสวียนขับรถออกจากกลุ่มบริษัทเผยแล้ว จิตใจของเธอก็เริ่มล่องลอย เธอปล่อยให้ตัวเองมีความคิดเช่นนี้ได้อย่างไรกัน การอยู่ด้วยกันกับเขา เธอมีแต่จะปวดเจ็บ เธอจะปล่อยให้เขาทำร้ายครั้งแล้วครั้งเล่าได้อย่างไรกัน เธอจะจุดไฟที่มันดับไปแล้วขึ้นมาเพื่อเขาอีกได้อย่างไรกัน

 

 

           วันเวลาย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงอย่างรวดเร็ว ผู้คนเริ่มใส่เสื้อโค้ท ฤดูใบไม้ร่วงนี้ดูเหมือนจะเย็นกว่าในปีก่อนๆ เล็กน้อย

 

 

           อารมณ์ของฉู่เจียเสวียนเป็นเหมือนสายลมฤดูใบไม้ร่วง มันพัดจนทำให้หัวใจของเธอเย็นชา

 

 

           กงจวิ้นฉือจะกลับมาในอีกไม่กี่วัน ในที่สุดกลุ่มบริษัทกงก็ทรงตัวได้แล้ว

 

 

           ในขณะที่วันเวลาเริ่มไหลไปราวกับสายน้ำ ก็มีข่าวจากโรงพยาบาลจิตเวชว่าอาการป่วยของฉู่อีอีอยู่ภายใต้ความควบคุมแล้ว และเธอเสนอที่จะพบฉู่เจียเสวียน

 

 

           เดิมทีฉู่เจียเสวียนต้องการจะปฏิเสธ แต่เธอบอกว่ามีเรื่องสำคัญที่ต้องการจะคุยกับเธอ หลังจากครุ่นคิดแล้ว คิดว่าอย่างไรเสียพวกเธอก็เป็นพี่น้องกัน จึงรับปาก

 

 

           วันนี้ ฉู่เจียเสวียนตั้งใจแต่งตัวอย่างดี เธอสวมใส่เดรสสีแดง ดูมีสีสันและสวยงามมาก เธอจะไปโรงพยาบาลจิตเวชเพื่อเยี่ยม “น้องสาวที่แสนดี” ของเธอ

 

 

           โรงพยาบาลจิตเวชอบอวลเต็มไปด้วยกลิ่นของน้ำยาฆ่าเชื้อ กลิ่นนั้นพุ่งตรงไปที่โพรงจมูก

 

 

           ฉู่เจียเสวียนราวกับเป็นนางฟ้า ปรากฏตัวต่อหน้าฉู่อีอี แม้ว่าอาการป่วยของฉู่อีอีจะอยู่ภายใต้ความควบคุมแล้ว แต่ก็ยังอยู่ในภาวะที่ต้องแยกตัว

 

 

           ฉู่เจียเสวียนมองฉู่อีอีที่อยู่ในห้องด้วยสายตาเย็นชา ผู้หญิงคนนี้เปลี่ยนแปลงเธอไปตลอดชีวิต ผู้หญิงคนนี้ที่มอบความเจ็บปวดให้เธอไม่มีที่สิ้นสุด ผู้หญิงคนนี้ที่มีจิตใจโหดเ**้ยม!

 

 

           เมื่อฉู่อีอีเห็นฉู่เจียเสวียน เธอก็กะตือรือร้นขึ้นมาทันใด ก่อนหน้านี้เธอมักจะมีท่าทีอ่อนแอไร้ทางสู้อยู่เสมอ

 

 

           “เธออยากเจอฉันเหรอ” ฉู่เจียเสวียนเปิดประตู พูดด้วยน้ำเสียงชัดเจน แววตาที่มองเธอเปี่ยมด้วยความเย็นชา

 

 

           “ใช่แล้ว” ฉู่อีอียิ้มเอ่ย มองดูฉู่เจียเสวียนผู้มีเสน่ห์เบื้องหน้า รอยยิ้มเธอสดใสราวกับดอกไม้

 

 

           เมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ ฉู่เจียเสวียนรู้สึกอึดอัด ไม่เจอกันสองเดือน ลมหายใจมืดมนในตัวเธอดูเหมือนว่าจะเข้มข้นมากกว่าเดิม

 

 

           “พี่สาวที่แสนดีของฉัน พี่คิดถึงฉันหรือเปล่า” ฉู่อีอีเอ่ยปากอย่างมืดมน แววตาเป็นประกาย

 

 

           “ฉันไม่มีเวลากับเธอที่นี่มากหรอกนะ มีอะไรก็รีบพูด” ฉู่เจียเสวียนเอ่ยเย็นชา คิ้วขมวดเข้าหากัน ความรังเกียจผ่านวูบในแววตา

 

 

           จู่ๆ ฉู่อีอีก็ระเบิดหัวเราะ มองดูกำแพงสีขาวรอบกาย เธอเอ่ยหัวเราะเยาะตัวเอง “เธอเห็นฉันที่เป็นแบบนี้มีความสุขมากสินะ? ฉันก็ไม่เข้าใจว่าทำไมฉันถึงมีสติกลับมาด้วย เป็นบ้าไปก็ดี จะได้ไม่ต้องใช้ชีวิตอย่างตายทั้งเป็นอยู่ที่นี่”

 

 

           “ถ้าเธอต้องการบ่นกับฉันล่ะก็ ขอโทษที ฉันไม่มีเวลาเยอะขนาดนั้น” ฉู่เจียเสวียนชำเลืองมองฉู่อีอีแล้วเอ่ยเย็นชา เธอไม่มีเวลาเป็นบ้าอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนเธอ

 

 

           “อย่าใจร้อนสิพี่สาว ไหนๆ ก็มาแล้ว พวกเราคุยกันสักหน่อยเป็นไง” ทันทีที่ฉู่อีอีได้ยินก็พูดขึ้นทันที แววตาที่มองฉู่เจียเสวียนเปี่ยมด้วยความเกลียดชัง