ตอนที่ 651 เยว่หยาตายแล้ว
เดิมทีเยว่หยาก็เฝ้าหลอกตัวเองว่าสาเหตุที่ไม่ได้รับความโปรดปรานเป็นเพราะอันหลิงเกอ เนื่องจากภายในใจของมู่จวินฮานมีเพียงอันหลิงเกอจึงมิอาจยอมรับฟางหย่าเกอกับบุตรในครรภ์ได้ ทำให้นางรู้สึกน้อยใจมาก
ทว่าหลายวันมานี้นางก็ตระหนักได้แล้ว
เนื่องจากนางอยู่ข้างกายอันหลิงเกอมานานจึงมีท่าทางที่คล้ายอันหลิงเกอและทำให้ก่อนหน้านี้มู่จวินฮานพลอยสนใจฟางหย่าเกอที่นางสวมรอยอยู่
อันหลิงเกอเห็นว่าเยว่หยากำลังสับสนจึงมิได้อยู่ต่อและทิ้งให้อีกฝ่ายครุ่นคิดเพียงลำพัง แต่อันหลิงเกอคาดมิถึงว่าการเดินออกไปครั้งนี้จะทำให้มิได้เห็นหน้าเยว่หยาไปตลอดกาล
หลังอันหลิงเกอออกไปได้มินานก็มีคนผู้หนึ่งมาที่เรือนของเยว่หยา มิถึงครึ่งวันข่าวฟางหย่าเกอฆ่าตัวตายก็แพร่ไปทั่วทั้งจวน แต่อันหลิงเกอเป็นคนสุดท้ายที่ได้รู้ข่าวนี้
อันหลิงเกอเก็บตัวอยู่แต่ในเรือนจึงมิได้รับรู้เรื่องที่กำลังเป็นประเด็นถกเถียงด้านนอก จวบจนมู่จวินฮานมาบอกกับนางที่เรือน นางจึงได้รู้ว่าตอนนี้เยว่หยาและบุตรในครรภ์ตายแล้ว
ความเสียใจและตกใจของอันหลิงเกอตอนที่รู้ข่าวนั้น มู่จวินฮานรับรู้ได้เป็นอย่างดี เขาเองก็ตกใจมิน้อยเช่นกัน แต่ก็ยังโดนโทสะครอบงำทำให้ขาดสติจนเลือกมิเชื่อใจนางอีกครั้ง
“เหตุใดเจ้าต้องทำเช่นนี้ ! ” ครั้งนี้มู่จวินฮานมองนางด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า เขารู้สึกว่าหัวใจเหนื่อยล้าเต็มทน เหตุใดอันหลิงเกอจึงเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนมากเหลือเกิน
“ข้ามิได้ทำ ตอนนี้นางกำลังตั้งครรภ์อยู่ และข้าแค่ไปเยี่ยมเท่านั้น ข้าจักทำร้ายนางได้อย่างไร ! ” อันหลิงเกอก็สะเทือนใจมิน้อยที่จู่ ๆ ชีวิตคนหนึ่งต้องมาจากไปเช่นนี้
“ใช่ เจ้ามิได้ทำ แต่เจ้าเป็นคนบีบบังคับนาง”
ฟางหย่าเกอถูกพบว่าผูกคอตายอยู่ในห้องและคนสุดท้ายที่ไปหานางก็คืออันหลิงเกอ
“บีบบังคับนางหรือ ? ” ใบหน้าของอันหลิงเกอดูตื่นตระหนก นางมิได้รู้เรื่องเลยแต่มู่จวินฮานถามเช่นนี้ก็ยิ่งทำให้นางตกใจมากขึ้น
นางไปหาเยว่หยาก็จริงแต่ก็มิได้ทำร้ายอีกฝ่ายเลย
“วันนี้มีเพียงเจ้าไปที่เรือนของนางและพูดอันใดไปบ้างเจ้าควรจะรู้ดี ! ” มู่จวินฮานตวาดออกมาเสียงดัง เฝิงเยว่เอ๋อที่ตามมาด้วยจึงได้ยินอย่างชัดเจน
อันหลิงเกอเห็นรอยยิ้มมุมปากของเฝิงเยว่เอ๋อเต็มสองตา นางรู้ว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับเฝิงเยว่เอ๋อแน่นอน
เมื่อเห็นเช่นนั้นอันหลิงเกอก็กำหมัดแน่น นางมิรู้ว่าตอนนี้ควรทำเช่นไร สมองของนางนึกถึงความเป็นไปได้ที่มีอยู่มากมาย สุดท้ายนางจึงกลอกตาครั้งหนึ่งแล้วเอ่ยออกมา
“อารมณ์ของนางไม่ปกติ ข้าจึงไปปลอบ…” หางตาของอันหลิงเกอมีน้ำตาเอ่อคลอ มู่จวินฮานเห็นดังนั้นก็รู้สึกสงสารแต่ต้องทนเก็บความรู้สึกเอาไว้แล้วจ้องนางด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“ปลอบโยนหรือบีบบังคับ ใจเจ้าคงรู้ดีกว่าใคร” เฝิงเยว่เอ๋อที่อยู่ด้านข้างเอ่ยแทรกขึ้นมา คำพูดนี้ทำให้มู่จวินฮานนิ่วหน้าและมองอันหลิงเกอโดยมิพูดออกมาอีก
อันหลิงเกอก็ยังมองมู่จวินฮานอยู่เช่นนั้น นางกล้าพนันได้เลยว่าท่าทีอ่อนแอที่นางจงใจแสดงออกมาเขาสามารถรับรู้ได้เป็นอย่างดีและย่อมมิอาจทนเห็นนางโดนทำร้ายได้
และก็จริงดั่งที่อันหลิงเกอคาดการณ์เอาไว้ว่ามู่จวินฮานเห็นท่าทางของนางเช่นนั้นจึงเงียบอยู่นาน
“เรื่องนี้ปล่อยไปก็แล้วกัน จงนำร่างของฟางหย่าเกอไปฝังให้เรียบร้อย” มู่จวินฮานสั่งงานเสร็จก็เดินจากไปอย่างเหนื่อยล้า
อันหลิงเกอรู้ว่ามู่จวินฮานมิเชื่อใจ แต่นางต้องทำให้เฝิงเยว่เอ๋อได้รับผลกรรมที่ทำเอาไว้อย่างสาสมเสียก่อน
อันหลิงเกอครุ่นคิดอยู่ภายในใจว่าเยว่หยาต้องไม่มีทางตายอย่างไร้ค่าเช่นนี้ อีกทั้งเยว่หยายังเคยเป็นสาวใช้ของนาง ต่อให้เยว่หยาต้องโดนจัดการ ทว่านางก็ควรเป็นคนจัดการเองถึงจะถูก !
เมื่อเรื่องจบลงเยี่ยงนี้ เฝิงเยว่เอ๋อก็มองอันหลิงเกออยู่ครู่หนึ่งก่อนเดินจากไปอย่างโกรธเคือง
นางรู้ดีว่าอันหลิงเกอเป็นคนสำคัญในใจของมู่จวินฮาน อีกฝ่ายจึงได้แสดงออกเพื่อให้มู่จวินฮานใจอ่อน แม้ครั้งนี้มู่จวินฮานมิได้ลงโทษอันหลิงเกอ แต่เขาก็สูญเสียความเชื่อใจที่มีให้ไปแล้ว
ส่วนอันหลิงเกอรู้ว่าตอนนี้ในสายตาของมู่จวินฮานเห็นนางเป็นสตรีมีใจริษยาไปแล้ว นางจึงอดหัวเราะเยาะตนเองมิได้ ต่อให้ริษยาหรือเป็นคนอำมหิตจริง ผู้ที่นางจะลงมือต้องเฝิงเยว่เอ๋อก่อน แล้วนางจะทำร้ายเยว่หยาเพราะเหตุใด ?
ดังนั้นพอตกดึกอันหลิงเกอจึงแอบไปเคารพหลุมศพของเยว่หยา เพราะตอนกลางวันมีคนคอยคุมนางอยู่มิห่างและไม่ให้นางออกไปไหนได้ แต่มิใช่คำสั่งของมู่จวินฮานหรอก เพราะเป็นคำสั่งของเฝิงเยว่เอ๋อ
เนื่องจากตำแหน่งของเฝิงเยว่เอ๋อในจวนอ๋องเป็นถึงพระชายาเอก ตอนนี้อันหลิงเกอจึงมิอาจสู้ได้
ทางด้านมู่จวินฮานเดิมทีคิดแอบไปดูอันหลิงเกอตอนกลางคืน แต่พบว่านางออกมาข้างนอกพอดี เขาจึงได้ตามนางไปและพบว่าอีกฝ่ายมาเคารพหลุมศพของฟางหย่าเกอ เขาจึงอดรู้สึกเสียใจมิได้
ก่อนหน้านี้เขามั่นใจว่าฟางหย่าเกอตายเพราะอันหลิงเกอ แต่เวลานี้รู้สึกว่าอันหลิงเกอคงมิได้ตั้งใจ บางทีคำพูดที่ไม่ตั้งใจของนางอาจทำให้ฟางหย่าเกอเข้าใจผิดจนฆ่าตัวตายก็ได้
ทันใดนั้นมู่จวินฮานที่จ้องมองอันหลิงเกออยู่ก็ได้ยินเสียงร้องไห้อย่างเจ็บปวดของนาง
เขาเคยเห็นนางร้องไห้และเคยเห็นนางเสียใจแต่มิเคยเห็นนางเจ็บปวดเช่นนี้มาก่อน เวลานี้อันหลิงเกอคล้ายต้องการระบายความเจ็บปวดที่กักเก็บไว้มานานให้ไหลรินในรูปแบบของหยาดน้ำตา
ทุกเรื่องล้วนมิใช่ฝีมือของนาง แล้วเหตุใดต้องทำกับนางเช่นนี้ด้วย เหตุใดเขาจึงมิเคยเชื่อนางเลย
อันหลิงเกอร้องไห้คร่ำครวญมิหยุด หัวใจเต็มไปด้วยความสับสนและไร้คำตอบ
สิ่งที่นางมองข้ามก็คือทุกครั้งที่นางเข้าใจมู่จวินฮานผิด นางเองก็เลือกไม่เชื่อใจและเลือกที่จะทำร้ายเขาแทน ราวกับว่าทั้งสองคนถูกกำหนดมาให้ทำร้ายกันและกันอยู่ร่ำไป
อันหลิงเกอไม่รู้ว่านั่งร้องไห้มานานเท่าไรแล้ว นางลุกขึ้นยืนและรู้สึกหน้ามืดเพราะนั่งคุกเข่าเป็นเวลานาน ขณะที่นางกำลังจะล้มลงกับพื้น มู่จวินฮานก็เดินเข้ามารับไว้ได้พอดี
“ท่าน…”
อันหลิงเกอมิคิดว่าจะมีผู้ใดอยู่ตรงนี้ ทว่านางถูกกอดเอาไว้โดยมิทันระวังตัวจึงตกใจมิน้อยและขณะกำลังตกใจอยู่นั้นกลิ่นที่คุ้นเคยก็ลอยมาปะทะจมูก นางจึงรู้ได้ทันทีว่าคนที่กอดเอาไว้ตอนนี้ก็คือมู่จวินฮาน
นางจึงค่อย ๆ คลายตัวที่เกร็งลง มู่จวินฮานเองก็รู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของสตรีในอ้อมแขน
เขารู้ว่าเมื่อครู่นางกำลังกังวลและรู้เหตุผลที่นางผ่อนคลาย สีหน้าของมู่จวินฮานจึงอ่อนโยนขึ้น เมื่อเห็นนางยอมรับเขาเช่นนี้ภายในใจก็รู้สึกดียิ่งนัก
มู่จวินฮานกอดอันหลิงเกอไว้เยี่ยงนั้น แม้ภายในใจของอันหลิงเกอยังรู้สึกต่อต้านอยู่บ้าง แต่เมื่อเห็นหลุมฝังศพของเยว่หยาแล้วก็มิได้ขัดขืนอีก เมื่อมู่จวินฮานเห็นว่านางยอมให้เขากอดจึงได้อุ้มนางกลับไปที่เรือน
อันหลิงเกอคิดได้ว่าตอนนี้เฝิงเยว่เอ๋อยังมิได้รับผลกรรมที่ทำเอาไว้และนางก็มิสามารถทำอันใดได้ อันหลิงเกอจึงรู้ว่าควรคืนดีกับมู่จวินฮานได้แล้ว !
มีเพียงให้มู่จวินฮานออกหน้าเท่านั้นถึงจะจัดการกับเฝิงเยว่เอ๋อได้ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือเฝิงเยว่เอ๋อมีเพียงมู่จวินฮาน หากนางสามารถแย่งมู่จวินฮานคืนมาได้ วิธีนี้ก็จะทำให้เฝิงเยว่เอ๋อได้ลิ้มรสความเจ็บปวด
อันหลิงเกอคิดได้ดังนั้นจึงซบหน้าลงคลอเคลียอยู่ในอ้อมกอดของมู่จวินฮานที่มองใบหน้าของนางอย่างแสนคะนึงหา จากนั้นเขาก็ค่อย ๆ วางนางบนเตียง
มือทั้งสองข้างของอันหลิงเกอคล้องที่ลำคอของมู่จวินฮานไว้แน่น ก่อนจะพลิกตัวขึ้นมาด้านบนแล้วกดเขาไว้ใต้ร่าง