แดนนิรมิตเทพ บทที่ 727
ทันใดนั้นห้องโถงก็เงียบทันที!

นึกไม่ถึงว่าเพื่อนนักศึกษาที่ปรากฏตัวออกมาอย่างกะทันหันจะแข็งแกร่งขนาดนี้ และเขาไม่ให้เกียรติเสิ่นเจี้ยนเหวินแม้แต่น้อย

คราวนี้เสิ่นเจี้ยนเหวินต้องโกรธอย่างแน่นอน และคาดว่าอีกสักครู่คงจะเกิดการต่อสู้ครั้งใหญ่!

เพื่อนนักศึกษาบางคนที่ขี้ขลาด ถึงกับเตรียมถอยหนีอย่างเงียบ ๆ เพราะกลัวว่าตนเองจะเดือดร้อน

แต่ผลลัพธ์เกินความคาดหมายของทุกคน

หลังจากเสิ่นเจี้ยนเหวินได้ยินกู่หลินเฟิงแจ้งชื่อเสียงเรียงนามของตนเองออกมาแล้ว สีหน้าของเขาแย่ลงทันที เขามองกู่หลินเฟิงที่สีหน้าเต็มไปด้วยความโอหัง และกล่าวด้วยความประหลาดใจว่า “นายเป็นคนของตระกูลกู่เหรอ?”

กู่หลินเฟิงยิ้มด้วยความภูมิใจ “ถูกต้อง ดูเหมือนว่านายยังมีความรู้บ้าง!”

เสิ่นเจี้ยนเหวินกล่าวเยาะเย้ย “ถึงแม้ว่านายจะเป็นคนของตระกูลกู่ แต่นายก็ไม่สามารถยุ่งเรื่องของตระกูลเสิ่นได้ ฉันเป็นคนเหมาที่นี่ และฉันไม่ต้อนรับพวกนาย!”

กู่หลินเฟิงเงยหน้าขึ้นแล้วหัวเราะเสียงดัง “บอกตามตรง ฉันก็ไม่อยากอยู่ในสถานที่แบบนี้แม้แต่วินาทีเดียว! และการที่ฉันมาที่นี่เพียงเพื่อพบเพื่อนเท่านั้น”

“เพื่อนรัก พวกนายจะไปจากที่นี่ไหม?” กู่หลินเฟิงถามพวกจี๋ต๋าจิ่วตู

“ไป ไปแน่นอน!” จี๋ต๋าจิ่วตูรีบพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม ถ้าไม่ไปจากที่นี่ แล้วจะอยู่รอให้เสิ่นเจี้ยนเหวินแก้แค้นเหรอ?

สมาชิกของหอพักห้อง 306 ลุกขึ้นทันที แล้วเดินตามหลังกู่หลินเฟิง

ขณะที่จี๋ต๋าจิ่วตูเดินไปถึงบริเวณที่เฉินโม่นั่งอยู่ เขาเหลือบมองเฉินโม่และถามว่า “ไอ้เบื๊อกเฉิน นายจะไปกับพวกเราไหม?”

เฉินโม่มองเล่หรูหั่วและกล่าวเบา ๆ ว่า “ขออภัยด้วย ผมต้องไปก่อนแล้ว จำสิ่งที่ผมพูดกับคุณ! เมื่อวิธีหนึ่งไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ก็สามารถใช้วิธีอื่นแก้ปัญหาได้ เพราะทุกปัญหามีทางออกเสมอ!”

เล่หรูหั่วมองผู้ชายแปลกที่อยู่ตรงหน้า พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ฉันจำไว้แล้ว ถ้าเช่นนั้นพวกเราออกไปพร้อมกันเถอะ!”

เฉินโม่เหลือบมองเสิ่นเจี้ยนเหวินที่หน้าแดงก่ำ และพยักหน้าอย่างจริงจัง “ก็ดี”

คนกลุ่มหนึ่งเดินจากไปพร้อมกับเล่หรูหั่ว

ตอนที่พวกเขาเดินไปถึงประตู กู่หลินเฟิงหันกลับมามองเสิ่นเจี้ยนเหวินด้วยความเย่อหยิ่ง และกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “คนแซ่เสิ่น คราวนี้ฉันจะไม่ถือสานาย แต่คราวหน้าถ้านายรังแกสมาชิกของหอพักห้อง 306 อีก จะทำให้นายได้เห็นดีแน่ๆ!”

เสิ่นเจี้ยนเหวินกัดฟันและกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “แล้วฉันจะคอยดู!”

เฉินโม่ กู่หลินเฟิงและคนอื่น ๆ เดินจากไป โดยพาเทพธิดาเล่หรูหั่วที่โดดเด่นที่สุดจากไปด้วย เสิ่นเจี้ยนเหวินอยากจะอาศัยการประชุมแลกเปลี่ยนแสดงพลังอำนาจของตนเอง และทำให้ตนเองกลายเป็นบุคคลสำคัญของห้องสามตลอดช่วงเวลาสี่ปีที่เรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย

แต่ตอนนี้ สถานการณ์เละเทะไปหมด

“ฮึ่ม!” เสิ่นเจี้ยนเหวินสะบัดแขนเสื้อด้วยความโกรธ หันหลังแล้วเดินจากไปเช่นกัน

เมื่อเห็นว่าตัวเอกของงานจากไปแล้ว เพื่อนนักศึกษาที่เหลือก็เริ่มวิพากษ์วิจารณ์เสียงดังทันที

“เพื่อนนักศึกษาที่มาทีหลังคนนั้นชื่ออะไร? ชื่อกู่หลินเฟิงใช่ไหม? นึกไม่ถึงว่าเขาจะกล้าไม่ให้เกียรติเสิ่นเจี้ยนเหวิน!”

“ถูกต้อง ดูเหมือนว่าเสิ่นเจี้ยนเหวินจะเกรงกลัวเขามาก ดูแล้วสถานะของนักศึกษาแซ่กู่คนนั้นไม่ธรรมดาแน่นอน!”

“ต่อไปห้องสามของพวกเรามีเรื่องตื่นเต้นให้ดูแล้ว!”

“ถูกต้อง คุณชายเสิ่น คุณชายกู่ แล้วยังมีเฉินโม่ที่ไม่เกรงกลัวต่อเทวดาฟ้าดินอีกคนหนึ่ง ไม่อยากให้เกิดเรื่องตื่นเต้น ก็เป็นเรื่องยากแล้ว!”

หลังออกจากโรงแรมแล้ว เฉินโม่และคนอื่น ๆ อำลาเล่หรูหั่ว และตอนนี้พวกเขาไม่รู้ว่าเพื่อนร่วมชั้นคิดอย่างไรกับพวกเขา

หลังจากเล่หรูหั่วจากไปแล้ว จี๋ต๋าจิ่วตูก็เริ่มตำหนิเฉินโม่

“ไอ้เบื๊อกเฉิน นายแล้งน้ำใจมากเกินไปแล้ว? พวกเราต่อสู้กับเสิ่นเจี้ยนเหวินเพื่อนาย แต่ช่วงเวลาวิกฤติ นายกลับไม่ยืนออกมาช่วยพวกเรา คิดแต่เรื่องจีบเทพธิดาเล่หรูหั่วเท่านั้น นายเห็นผู้หญิงดีกว่าเพื่อนมากเกินไปแล้ว?”

เฉินโม่ยิ้มเล็กน้อย “ตอนนี้พวกนายก็ไม่เป็นไรนี่?”

จี๋ต๋าจิ่วตูกล่าวด้วยความไม่พอใจ “มันเป็นเพราะไอ้กู่มาทันเวลา มิเช่นนั้นพวกเราจะเป็นคู่ต่อสู้ของสุนัขรับใช้ของเสิ่นเจี้ยนเหวินได้อย่างไร?”

กู่หลินเฟิงเหลือบมองเฉินโม่ รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย เขาไม่เห็นเฉินโม่ยืนออกมาในช่วงเวลาวิกฤติ เขารู้สึกว่าเฉินโม่เป็นคนที่ไม่น่าคบหา

“เขาเป็นสมาชิกของหอพักห้อง 306 ของพวกเราด้วยเหรอ?” กู่หลินเฟิงถาม