ตอนที่ 419 เก็บศพ / ตอนที่ 420 ยืมเงิน

ลิขิตฟ้าชะตารัก

ตอนที่ 419 เก็บศพ 

 

 

 

 

 

ฉู่ป๋ายมองหน้านางที่ก้มหน้าลงคิดใคร่ครวญอย่างสบายใจ ใบหน้าที่เคร่งขรึมก็เผยให้เห็นถึงรอยยิ้มที่ยากเกินกว่าจะเห็น “ตอนนี้เจ้ารีบดื่มยาเสียเถิด รักษาร่างกายให้แข็งแรงก่อนเถิดค่อยกินยานั่น มิเช่นนั้นร่างกายเจ้าจะอ่อนแอได้ง่าย” 

 

 

“อืม” อวี้อาเหราพยักหน้าลง แล้วยอมกลืนยาลงไปแต่โดยดี 

 

 

ต้องบอกว่า ยาจีนนี้ช่างดื่มยากนัก! 

 

 

หลังจากดื่มยาเรียบร้อยแล้ว นางก็พลันนิ่วหน้าจนยับย่น ดูหมือนกับคนชราไม่มีผิด 

 

 

“กินผลไม่เชื่อมนี่เสีย” ยามที่พูดนั้น ฉู่ป๋ายก็ดันจานที่ใส่ผลไม้เชื่อมส่งไปให้นาง 

 

 

อวี้อาเหรามองการปรนนิบัติพัดวีของเขาอย่างพึงพอใจ พอจ่ายเงินซื้อยาเขาไปแล้วท่าทีจึงเปลี่ยนไปสินะ นางกัดผลไม้เชื่อม แล้วจึงคิดเรื่องที่สำคัญขึ้นมาได้ ตีหน้าขรึมแล้วพูดขึ้นว่า “จริงสิ เมื่อคืนวานนี้เกิดอะไรเรื่องขึ้นกันแน่ เหตุใดเจ้าจึงอยู่กับอวิ๋นเซิ่นได้” 

 

 

เมื่อคิดถึงเรื่องก่อนหน้านี้ที่นางตื่นขึ้นมาแล้วเห็นว่าฉู่ป๋ายกลับมาพร้อมกับอวิ๋นเซิ่น และทำให้นางโกรธขึ้นมานั้น วันนี้นางเริ่มสงบลงแล้ว เมื่อค่อยๆ คิดใคร่ครวญดีๆ ก็รู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง ฉู่ป๋ายไม่ใช่คนที่จะทำให้ผู้อื่นเป็นห่วงด้วยการไปอยู่กับอวิ๋นเซิ่นทั้งคืนเช่นนี้ เพราะถึงแม้จะมีเรื่องใหญ่โตอะไรเขาก็ต้องให้คนมาบอกกล่าวเสมอ 

 

 

แต่ไม่มีเลย เช่นนั้นแน่นอนว่าคงจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น จนทำให้ส่งคนมารายงานไม่ทัน! 

 

 

ยามที่ฉู่ป๋ายได้ยินนางถามขึ้นมานั้น เขากลับก้มหน้าลง “เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องสนใจหรอก” 

 

 

อะไรกัน? นางเพียงสนใจนิดหน่อยและรู้สึกแปลกใจเท่านั้นจึงถามขึ้น แต่พอเขาพูดขึ้นมากลับกลายเป็นว่านางนั้นสนใจเรื่องของคนอื่นมากจนเกินไป อวี้อาเหราหุบปากลงในทันใด นางเองก็คร้านที่จะถามแล้วเช่นกัน อาจจะเป็นเพราะนางคิดมากจนเกินไป ที่จริงแล้วก็เป็นเพียงเรื่องของฉู่ป๋ายและอวิ๋นเซิ่นที่อยู่ข้างนอกกันสองคนทั้งที่ยังเป็นชายโสดและหญิงที่ไม่มีพันธะก็เท่านั้น 

 

 

อย่างไรเสียทั้งสองยังอยู่ในช่วงวัยหนุ่มสาว หากอยู่ใกล้กันก็เหมือนเติมฟืนในเชื้อเพลิง… 

 

 

เมื่อคิดต่อไป นางก็ยิ่งรู้สึกยากเกินที่จะยอมรับได้ 

 

 

ผ่านไปสักพักเขาก็เงยหน้าขึ้นมา กล่าวว่า “เจ้าก็สนใจเรื่องที่ข้าหายไปคืนนั้นมากถึงเพียงนี้เชียวหรือ” 

 

 

“ข้าเกรงว่าเจ้าจะตายแล้วไม่มีคนเก็บศพน่ะสิ” หลังจากที่อวี้อาเหราคุ้นเคยกับเขาแล้ว จึงพูดขึ้นมาอย่างไม่เกรงใจ 

 

 

แต่ฉู่ป๋ายกลับไม่โกรธเคือง ราวกับคุ้นเคยกับท่าทีเช่นนี้ของนางแล้ว จึงทำเพียงพยักหน้าลง “ที่แท้เจ้าก็กลัวว่าข้าจะตายไปแล้วไม่มีใครเก็บศพนี่เอง แต่น่าแปลกนัก แม้ว่าข้าจะมีน้องสาวแท้ๆ เพียงคนเดียว แต่เพราะกิจการในจวนเซิ่นอ๋องนั้นใหญ่โตและมีมากมาย มีทั้งท่านลุงและท่านอาจำนวนไม่น้อย หากข้าตายไปเสียจริงๆ พวกเขาคงจะช่วยเก็บศพให้ข้า ไม่ต้องให้เจ้าเป็นกังวลใจ หรือว่าในใจของเจ้านั้น…” 

 

 

ยิ่งพูดไป เขาก็ยิ่งเดินเข้ามาใกล้มากขึ้น จนริมฝีปากเย็นชืดเจืออุ่นร้อนแทบจะแนบชิดใบหน้าของนาง 

 

 

สีหน้าของอวี้อาเหราเปลี่ยนไปในทันที ในใจก็เกิดกระวนกระวายขึ้นมา รีบเอ่ยถามกลับพลางทำคอแข็ง “ข้าทำไม?” 

 

 

“เป็นเพราะใจของเจ้านั้นเกลียดชังข้าจนเอาแต่คิดเรื่องที่จะคอยเก็บศพข้าหรือ” ฉู่ป๋ายกะพริบดวงตาที่งำประกายรอยยิ้มที่ลึกซึ้งคู่นั้น ดวงตาพราวแสงระยิบระยับงดงามเหมือนแสงดวงดารา ยิ่งเขาเข้ามาใกล้ รอยยิ้มก็ค่อยๆ เผยขึ้นมาให้เห็น “มิเช่นนั้น เจ้าคิดว่าข้าจะพูดว่าอะไรเล่า” 

 

 

คำพูดนี้ ราวกับมีความหมายอื่นแฝงอยู่ 

 

 

หลังจากที่อวี้อาเหราได้สติขึ้น จึงรู้ว่าเขาตั้งใจที่จะแกล้งนาง ทันใดนั้นนางก็ผลักเขาออกอย่างโกรธเคือง 

 

 

“มิเช่นนั้นอะไรเล่า ข้าอยากจะพูดอะไรตอนไหนกัน เจ้าพูดจาส่งเดช!” 

 

 

“ในเมื่อไม่ใช่เช่นนั้น แล้วเหตุใดเจ้าต้องโกรธถึงเพียงนั้น” ฉู่ป๋ายมีสายตาแหลมคม แม้ว่าจะล้อเล่น แต่ก็สามารถจับความรู้สึกของนางได้ทั้งหมด 

 

 

ยามนั้นอวี้อาเหราพูดไม่ออกแม้แต่น้อย ดังนั้นจึงค่อยๆ เก็บสีหน้าไม่พอใจของตัวเอง นางนั่งลงบนเก้าอี้ แล้วยื่นมือไปหาเขา “ยาของเจ้าเล่า? รีบส่งมาให้ข้าเสียทีสิ” 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 420 ยืมเงิน 

 

 

 

 

 

“อย่ารีบร้อน” ฉู่ป๋ายส่ายหน้า “รอให้อาการป่วยของเจ้าหายดีเสียก่อนเถิด อีกอย่างเกรงว่าตอนนี้เจ้าเองก็คงไม่ได้มีเงินมากขนาดนั้นมามอบให้ข้า รีบเก็บเงินไว้ก่อน มิเช่นนั้นข้าจะไม่มอบให้เจ้าเปล่าๆ หรอกนะ” 

 

 

อวี้อาเหราถลึงตามอง ชายผู้นี้ก็ช่างละเอียดรอบคอบกับเรื่องเงินทองยิ่งนัก รู้ว่านางนั้นไม่มีเงินเหลือเลยสักแดงเดียว ก่อนหน้านี้นางได้จ่ายเงินซื้อปิ่นรูปหงส์ไปแล้ว มิเช่นนั้นนางคงมีเงินเหลือถึงหนึ่งหมื่นตำลึง แต่ตอนนี้… 

 

 

ก่อนหน้านี้นางใช้จ่ายเงินในคลังไปมากมาย ส่วนใหญ่เป็นสินสมรสที่พระชายาหลิงอ๋องเหลือทิ้งเอาไว้ให้ หากเอาไปเพียงจำนวนหนึ่งก็ไม่เป็นไร แต่ครั้งที่แล้วนางใช้ไปจนหมด จนถึงตอนนี้นางก็ไม่รู้ว่าจะไปหาเงินหมื่นตำลึงมาจากที่ไหน หากไปขอเงินกับหลิงอ๋อง เขาคงถามว่านางเอาเงินไปทำอะไร จนถึงตอนนั้นนางคงต้องโกหกขนานใหญ่เป็นแน่ 

 

 

นอกจากเงินที่หลิงอ๋องมอบให้ นางก็ไม่มีรายได้อะไรอื่นอีกเลย แล้วจะหาเงินมากมายขนาดนั้นมาจากไหนกัน 

 

 

หรือว่าต้องเอาปิ่นรูปหงส์นั้นไปขาย? ไม่ได้ กว่านางจะซื้อมาได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพียงเห็นนางก็ชอบมันมากเสียแล้ว คงตัดใจขายทิ้งไม่ได้ 

 

 

เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้ ไม่คิดเลยว่านางที่ทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างของคุณหนูตระกูลสูงเช่นนี้กลับต้องมีปัญหาเรื่องเงิน ช่างเป็นทุกข์เป็นร้อนนัก 

 

 

สายตาของนางพลันมองไปบนร่างของฉู่ป๋ายอีกครั้ง คิดอยากจะให้เขาเห็นใจนั้น คงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ 

 

 

วิธีที่นางคิดขึ้นมาได้นั้น ไม่พ้นต้องยืมเงิน จากนั้นก็ค่อยหักเงินจากเงินที่ได้ทุกเดือน แต่จะไปขอยืมจากใครกัน นั่นก็เป็นปัญหาใหญ่ทีเดียว 

 

 

อวี้อาเหราสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ผลไม้เชื่อมที่วางอยู่ในจานตรงหน้าถูกนางทานไปจนหมดตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่ทราบ เมื่อเห็นว่าไม่มีแล้วก็หันไปออกปากกับฉู่ป๋าย “เจ้าให้คนไปเอามาอีกจานทีสิ” 

 

 

“เจ้ากินไปตั้งมากแล้ว กินเยอะๆ มันจะเลี่ยนเอาได้” ฉู่ป๋ายไม่เห็นด้วยกับนาง 

 

 

อวี้อาเหราเบื่อหน่าย ขี้เหนียวกับเพียงผลไม้เชื่อมเพิ่มอีกสักจาน แต่ก็จำต้องพูดว่าเขาพูดได้มีเหตุผล แต่เดิมนางก็ป่วยอยู่แล้ว ของพวกนี้หากกินมากก็ไม่ส่งผลดีต่ออาการของนาง จะต้องให้อาการป่วยของนางหายในเร็ววัน สองวันมานี้ปากนางไร้ซึ่งรสชาติใดจริงๆ เพราะป่วยอยู่ ยากเหลือเกินที่จะยอมรับ 

 

 

“เจ้ากินมากขนาดนี้ก็ออกไปเดินข้างนอกบ้างเถิด ข้าได้ยินหานสือพูดว่า ก่อนหน้านี้ดอกเหมยที่ปลูกเอาไว้ที่เรือนหลังกำลังผลิดอก ยามนี้อากาศก็ดียิ่งนัก พวกเราก็ไปเรียกเกอเอ๋อร์ไปดูด้วยกันเถิด นั่งอยู่ที่นี่ตลอดทั้งวันก็ดูช่างเปล่าประโยชน์นัก” ฉู่ป๋ายถามขึ้นมา 

 

 

“ตกลง” อวี้อาเหรารู้สึกว่าเขาพูดได้มีเหตุผล 

 

 

เมี่ยวอวี้และหานสือเข้ามาช่วยพวกเขาทั้งสองแต่งตัวจนเรียบร้อย 

 

 

อวี้อาเหรานั่งรออยู่ภายนอก ในที่สุดก็ได้เห็นฉู่ป๋ายเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดินออกมา 

 

 

วันนี้เขายังคงสวมชุดสีขาวทั้งตัวอยู่ดี แต่สีนั้นใกล้เคียงที่จะเป็นสีเทา ปกเสื้อด้านหน้าใช้ลูกตุ้มพู่ระย้าเป็นตัวเกี่ยว ลูกตุ้มสีทองและเสื้อสีขาวส่งเสริมซึ่งกันและกัน และตัวเสื้อยังปักรูปดอกเหมยใหญ่ๆ สีเงินเอาไว้ สวยงามยิ่งนัก 

 

 

เมื่อมองขึ้นไปด้านบน ใบหน้าหล่อเหลาของเขางดงามราวกับชิ้นหยก ร่างตรงสูง ราวกับต้นไม้ที่แกะจากหยกเขียวแข็งแรง 

 

 

ทว่า ใบหน้าของเขากลับซีดเผือด คงเป็นเพราะโรคกระหายโลหิตที่อยู่ในกายเป็นแน่ 

 

 

ตอนนี้ฉู่เกอกลับมาแล้ว เมื่ออาการของโรคกำเริบก็สามารถใช้เลือดของนางระงับอาการชั่วคราวได้ เพราะฉะนั้นจึงไม่ต้องวิตกกังวลเรื่องอาการป่วยของเขามากนัก 

 

 

เมื่อมองหยกเลือดในมือของตน นางที่สวมมาตั้งนานแล้วแต่ก็ไม่เห็นว่ารังสีจะหม่นหมองลงเลย แต่นับวันกลับยิ่งสว่างไสว สมแล้วที่เป็นหยกมีค่า เมื่อมองใกล้ๆ ก็จะเห็นหยดเลือดสดใหม่อย่างชัดเจน หากใช้มันรักษาโรค หยดเลือดก็จะแตกกระจาย ในยามปกติจะไม่ขยับ ราวกับดูคลิบวิดีโอหยดเลือด ผ่านไปชั่วครู่ก็จึงหยุด ดังนั้นเลือดจึงหมุนวนอยู่เช่นนั้น