ตอนที่ 653 เคียดแค้น
เฝิงเยว่เอ๋อจ้องอันหลิงเกอพลางนึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมา นางอยากให้สตรีผู้นี้ตาย ๆ ไปเสีย
มู่จวินฮานก็จักเป็นของนางแต่เพียงผู้เดียวและไม่มีผู้ใดสามารถแย่งเขาไปได้อีก !
แม้คิดเช่นนั้น ทว่าเฝิงเยว่เอ๋อก็มิกล้าลงมือกับอันหลิงเกอ
ก่อนหน้านี้ดวงตาของนางเคยมองมิเห็นมาก่อนจึงทำให้หูของเฝิงเยว่เอ๋อรับรู้เสียงได้เป็นอย่างดี ขณะที่นางกำลังคิดระเบิดอารมณ์ออกอีกรอบก็ได้ยินเสียงฝีเท้าคนผู้หนึ่งดังใกล้เข้ามาซึ่งนางรู้ได้ทันทีว่าคือมู่จวินฮาน
ตอนนี้อันหลิงเกอยังมิรู้ว่ามู่จวินฮานกำลังเดินเข้ามาใกล้ทุกขณะ ทว่าการกระทำต่อมาของเฝิงเยว่เอ๋อก็ทำให้อันหลิงเกอรับรู้ได้ทันที
เฝิงเยว่เอ๋อแสร้งล้มลงกับพื้น อันหลิงเกอได้ยินเสียงฝีเท้าจึงหันไปมองด้านนอกทันทีและก็เป็นตามคาดว่ามู่จวินฮานเดินเข้ามาเห็นภาพตรงหน้าพอดี
มู่จวินฮานเห็นแล้วก็นิ่วหน้าอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินเข้ามาและประคองเฝิงเยว่เอ๋อลุกขึ้น
เขารู้สึกงุนงงเล็กน้อยเพราะมิรู้ว่าเกิดอันใดขึ้นระหว่างพวกนาง แต่มิว่าเกิดอันใดขึ้นก็ล้วนทำให้เขาปวดหัวทั้งสิ้น
เฝิงเยว่เอ๋อรีบซบหน้าลงกับอกของมู่จวินฮานก่อนร้องไห้คร่ำครวญออกมาและมู่จวินฮานก็มิได้เอ่ยปากถาม เขาเพียงมองไปยังอันหลิงเกอคล้ายกำลังรอคำตอบที่สมเหตุสมผลจากนางอยู่
“ข้าเป็นคนผลักนางเอง” อันหลิงเกอมิได้อธิบาย แค่มองคนทั้งคู่แล้วยกยิ้ม
เมื่อเฝิงเยว่เอ๋อได้ยินก็รู้สึกแปลกใจเพราะคิดว่าอันหลิงเกอต้องแก้ตัวเสียอีก คาดมิถึงว่าอันหลิงเกอจะยอมรับโดยง่าย ดี นางจะได้มิต้องเปลืองแรงแสดงละคร จากนั้นเฝิงเยว่เอ๋อก็แอบหัวเราะเยาะต่อความโง่เขลาของอันหลิงเกออยู่ในใจ
มู่จวินฮานก็ดูแปลกใจเช่นกัน เขารู้นิสัยดื้อรั้นของอันหลิงเกอดีว่าไม่มีทางยอมรับในสิ่งที่ตนมิได้ทำเด็ดขาด แสดงว่าเรื่องนี้ก็เป็นความผิดของอันหลิงเกอจริง นางเป็นคนลงมือก่อนหรือ
“ผู้ใดใช้ให้นางทำลายถุงเงินที่ข้าทำให้ท่านเล่า ? ”
อันหลิงเกอเอ่ยประโยคนี้ออกมาด้วยน้ำเสียงเคียดแค้นทำให้มู่จวินฮานหันไปมองเศษซากที่กระจายเกลื่อนพื้น
มู่จวินฮานเห็นแล้วก็ขมวดคิ้ว เศษซากที่อยู่บนพื้นเป็นผ้าปักของอันหลิงเกอจริงและยังมีตะบันไฟตกอยู่ด้วย เมื่อเห็นเยี่ยงนั้นมู่จวินฮานก็มีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมา
“ข้ามิเพียงผลักนาง แต่ยังอยากตบนางด้วยซ้ำ ! ” น้ำเสียงของอันหลิงเกอราวกับสาวน้อยเอาแต่ใจ มู่จวินฮานมิเคยเห็นท่าทางเช่นนี้ของนางมาก่อนก็ใจอ่อนทันที
เดิมทีเฝิงเยว่เอ๋อคิดว่ามู่จวินฮานจะช่วยนาง แต่คาดมิถึงว่ามู่จวินฮานไม่ช่วยนางแล้วยังผละออกไปจับมือของอันหลิงเกอแล้วดึงเข้าไปกอดเสียได้ ปล่อยให้เฝิงเยว่เอ๋อที่ยังมิทันตั้งตัวล้มลงกับพื้นอีกครั้ง
“ท่านอ๋องเจ้าคะ” แววตาของอันหลิงเกอแฝงไว้ด้วยความน่าสงสารพลางมองผ้าไหมที่อยู่บนพื้น แม้ผ้าพวกนี้นางมิได้ทำให้มู่จวินฮานแต่ตอนนี้ก็ถือว่าได้ผล อย่างน้อยมู่จวินฮานก็มิซักไซ้นางต่อ
ส่วนเฝิงเยว่เอ๋อที่ล้มอยู่บนพื้นก็มองอันหลิงเกออย่างคาดมิถึง เดิมทีนางคิดว่านิสัยดื้อดึงของอันหลิงเกอคงไม่มีทางยอมให้นางเอาเปรียบโดยง่าย ดังนั้นอันหลิงเกอต้องปะทะอารมณ์กับมู่จวินฮานแน่นอน นางก็จะได้ประโยชน์และมิต้องทำอันใดมากมาย นึกมิถึงว่าอันหลิงเกอจะมาไม้นี้
ครั้งนี้ผิดแผนจนนางต้องอับอายขายหน้า ได้แต่มองคนทั้งคู่ยืนกอดกันด้วยความคับแค้นใจอยู่ที่พื้น มิหนำซ้ำเมื่อเห็นท่าทางมิสนใจคนรอบข้างของมู่จวินฮานแล้ว นางก็รู้สึกปวดใจยิ่งนัก
ด้านอันหลิงเกอก็มองสีหน้าท่าทางของเฝิงเยว่เอ๋อแล้วก็บอกมิถูกว่าภายในใจรู้สึกเช่นไร
ตอนนี้นางควรดีใจสิ แต่เพื่อต้องการแก้แค้นนางกลับหลอกใช้มู่จวินฮานอย่างไร้ยางอาย แม้นางอยากรีบแก้แค้นมากเพียงใดก็มิควรทำอยู่ดี
มู่จวินฮานมองสีหน้าที่สับสนของอันหลิงเกอแล้วจึงหันไปสังเกตเฝิงเยว่เอ๋ออีกครั้ง เขาคิดเพียงว่าอันหลิงเกอคงรู้สึกมิพอใจจึงมีสีหน้าเช่นนี้ เขาจึงโบกมือให้เฝิงเยว่เอ๋อออกไปทันที
เฝิงเยว่เอ๋อเห็นมู่จวินฮานไล่ตนออกไปเช่นนี้ แม้รู้สึกมิพอใจแต่ก็รู้ดีว่าเขาคงกังวลว่านางและอันหลิงเกอจะทะเลาะกันอีก บางทีใจของเขาอาจมีตนอยู่บ้างก็ได้ เฝิงเยว่เอ๋อคิดเช่นนั้นจึงยอมออกไปแต่โดยดี
อันหลิงเกอรับรู้ถึงการจากไปของเฝิงเยว่เอ๋อ แต่นางก็มิได้เอ่ยอันใดออกมา เรื่องในวันนี้แม้มองออกว่ามู่จวินฮานเข้าข้างนาง แต่เขาก็ยังคอยปกป้องเฝิงเยว่เอ๋ออยู่ และนี่เป็นสิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจน
อันหลิงเกอครุ่นคิดพลางขมวดคิ้วมุ่น แต่มู่จวินฮานอุ้มนางแล้วพาไปที่เตียง พอเห็นใบหน้าที่เคร่งเครียดของนางแล้ว เขาก็รู้สึกปวดใจขึ้นมา
หลังจากนั้นมู่จวินฮานก็คิดจากไปเพื่อให้นางได้พักผ่อน แต่ยังมิทันได้เดินห่างก็ถูกมือคู่หนึ่งดึงไว้เสียก่อน มู่จวินฮานหันกลับไปอีกครั้งก็เห็นอันหลิงเกอกำลังมองเขาอยู่ แววตาของนางดูว่างเปล่ายิ่งนักและนางเพียงนั่งมองเขาอยู่เช่นนั้น
พอมู่จวินฮานได้สบตากับอันหลิงเกอก็ทำให้จิตใจของเขารู้สึกสับสนอีกครั้ง
อันหลิงเกอก็มิเข้าใจการกระทำของตนเช่นกัน นางแค่มิอยากให้เขาออกไป มิอยากให้เขาไปหาเฝิงเยว่เอ๋อ
บางทีในส่วนลึกของจิตใจ อันหลิงเกอรู้แค่ว่ามู่จวินฮานเป็นของนางเพียงผู้เดียวมาโดยตลอด เขาเป็นท่านอ๋องของนางตลอดมา
“ท่านอ๋อง ข้า…” อันหลิงเกอยังมิทันได้กล่าวอันใดต่อก็ถูกมู่จวินฮานขัดขึ้น
“เรียกข้าว่าจวินฮาน ต่อไปมิว่าอยู่ที่ใด มิว่าจะมีผู้ใดอยู่ตรงนั้นหรือไม่ เจ้าต้องเรียกข้าเช่นนั้น” มู่จวินฮานเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นแกมบังคับ เขาก้มมองนางด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเป็นเจ้าของ
“จวินฮาน ท่านอยู่เป็นเพื่อนข้าก่อนได้หรือไม่ ? ” อันหลิงเกอได้ยินคำพูดเมื่อครู่ของมู่จวินฮานจึงร้องขอออกมาโดยมิลังเลอีก ก่อนจะหน้าแดงก่ำด้วยความเขินอาย
มู่จวินฮานมิได้ตอบนางแต่หันไปถอดเสื้อตัวนอกออกแล้วอุ้มนางเข้าไปด้านในของเตียง ส่วนเขาก็ล้มตัวนอนตะแคงอีกด้านพลางเฝ้ามองใบหน้าด้านข้างของนางอยู่เช่นนั้น
“ไม่เอา ท่านเข้ามานอนด้านในเถิดเจ้าค่ะ” อันหลิงเกอราวกับเด็กน้อยเอาแต่ใจก็มิปาน นางขยับตัวให้มู่จวินฮานเข้าไปนอนด้านใน หลังจากมู่จวินฮานขยับตัวเสร็จก็มองอันหลิงเกออย่างมิเข้าใจ ที่ผ่านมาเขามักนอนด้านนอกเพื่อเวลาตื่นเช้ากว่าจะได้มิรบกวนการนอนของนาง
“เพราะข้ามิอยากให้ท่านจากไปตอนที่ข้ามิรู้ตัวเจ้าค่ะ” อันหลิงเกอเอ่ยขณะที่ใบหน้าแดงเรื่อ ภาพที่เห็นทำให้มู่จวินฮานอดใจสั่นมิได้ นางมักทำให้เขาตกหลุมรักครั้งแล้วครั้งเล่า
ทั้งคู่นอนกอดกันอยู่เช่นนั้น อย่างไรมู่จวินฮานก็ไม่อาจคาดเดาได้ว่าหญิงสาวในอ้อมกอดกำลังคิดอันใดอยู่
ตอนนี้นางมิใช่อันหลิงเกอคนเดิมอีกแล้ว นางมีเป้าหมายที่ต้องทำให้สำเร็จ ทุกย่างก้าวต่อจากนี้นางต้องคิดอย่างรอบคอบ
วันรุ่งขึ้นก็เหมือนเดิมคือมู่จวินฮานตื่นขึ้นมาก่อน ทว่าวันนี้อันหลิงเกอรู้สึกตัวตั้งแต่ตอนที่เขาลงจากเตียงแล้ว นางมิได้เอาแต่เฝ้ามองเขาจากไปลำพังเหมือนเมื่อก่อน แต่ลงจากเตียงเพื่อมาช่วยเขาแต่งตัว
พอมู่จวินฮานแต่งตัวเรียบร้อยแล้วจึงเรียกสาวใช้ให้ตั้งโต๊ะอาหารเช้าที่นี่
ทางด้านเฝิงเยว่เอ๋อก็คิดว่ามู่จวินฮานจะมาทานอาหารเช้ากับตน คาดมิถึงว่ารอแล้วรอเล่าเขาก็ยังไม่มา จนสาวใช้ที่เป็นคนไปเชิญท่านอ๋องกลับมารายงานว่าตอนนี้เขาอยู่กับอันหลิงเกอ