ตอนที่ 654 ประชุม

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

ตอนที่ 654 ประชุม

“เหตุใดเจ้าจึงตื่นเช้าเช่นนี้ด้วย” เมื่อเห็นอันหลิงเกอแต่งตัวและมาร่วมทานข้าวพร้อมกัน มู่จวินฮานจึงถามอย่างประหลาดใจ

“วันนี้ข้าจักไปประชุมกับท่านด้วยเจ้าค่ะ” อันหลิงเกอกล่าวจบก็ยิ้มให้มู่จวินฮานอย่างออดอ้อน มู่จวินฮานคาดมิถึงว่านางจะกล่าวเช่นนี้ เพราะเมื่อก่อนอันหลิงเกอมิได้คิดไปพบปะกับเหล่าที่ปรึกษาเลย

ทว่าวันนี้อันหลิงเกอเสนอขึ้นมาเอง มู่จวินฮานมิได้รู้สึกกังวลแต่อย่างใด ทั้งยังรู้สึกภูมิใจอีกด้วย

เขารู้ถึงความสามารถของอันหลิงเกอดีว่าฉลาดและรอบคอบมากเพียงใด

มู่จวินฮานจึงทานอาหารเช้าและมิได้กล่าวอันใดอีก เหมือนเป็นการเห็นด้วยกับความคิดของนางแล้ว

อันหลิงเกอต้องการให้ทุกคนได้รู้ถึงความสำคัญและความสามารถ จึงมีเพียงวิธีนี้ที่จะทำให้นางมีตัวตนและสามารถต่อกรกับเฝิงเยว่เอ๋อในอนาคตได้ !

รวมถึงมู่เหล่าหวางเฟยด้วย !

อดีตนั้นอันหลิงเกอมักสวมชุดสีอ่อน แต่งกายและแต่งหน้าไม่หวือหวามากนัก

วันนี้มิเพียงแต่จะแต่งหน้าเข้มขึ้นกว่าเดิม นางยังเลือกสวมชุดสีแดงสะดุดตาอีกด้วย เมื่อเข้าไปในห้องโถงก็ทำให้สายตาของทุกคนในที่ประชุมจดจ้องมาที่นางอย่างตกตะลึง

มู่จวินฮานเห็นสายตาเหล่านั้นที่มองอันหลิงเกอก็หน้าบึ้งตึงอย่างมิพอใจสักเท่าไร

เมื่อเหล่าองครักษ์เห็นสีหน้าของเขาจึงไม่มีผู้ใดกล้ามองอันหลิงเกออีก สตรีของท่านอ๋อง พวกเขาจักอาจเอื้อมได้เยี่ยงไร

ทั้งคู่ก้าวเข้าในห้องโถงที่ประชุมด้วยกันและเฝิงเยว่เอ๋อก็รออยู่ที่นั่นก่อนแล้ว ส่วนที่ปรึกษาคนอื่นก็มาพร้อมเช่นกัน ที่ปรึกษาเหล่านี้คือกลุ่มคนที่มู่เหล่าหวางเฟยแต่งตั้งขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือมู่จวินฮาน และเมื่อเขาพาอันหลิงเกอเดินเข้ามาก็ทำให้เกิดเสียงเซ็งแซ่ขึ้น

ตอนนี้สีหน้าของเฝิงเยว่เอ๋อดูมิสู้ดีเลย นางทำได้เพียงมองคนทั้งสองเดินมาด้วยกัน ทั้งที่ตอนนี้นางเป็นถึงพระชายาเอกแล้ว เหตุใดคนที่ยืนเคียงข้างมู่จวินฮานต้องเป็นอันหลิงเกอด้วย เฝิงเยว่เอ๋อจ้องอีกฝ่ายด้วยแววตาเคียดแค้น

ส่วนอันหลิงเกอสังเกตเห็นอิ่งจือนั่งอยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน เขาสวมชุดสีเขียวอ่อน ท่าทางเกียจคร้านเป็นอย่างมาก

นางมิแปลกใจว่าเหตุใดเขาจึงอยู่ที่นี่ได้ เพราะสำหรับอิ่งจือแล้วการแฝงตัวอยู่ในเมืองหลวงเป็นเรื่องแสนง่ายดาย

จู่ ๆ อันหลิงเกอก็รู้สึกว่าภายภาคหน้าอิ่งจืออาจต้องต่อสู้กับมู่จวินฮานก็ได้

มู่จวินฮานพาอันหลิงเกอเข้าไปนั่ง ซึ่งตำแหน่งที่นั่งของอันหลิงเกออยู่ข้างอิ่งจือพอดี ส่วนที่นั่งอีกด้านของมู่จวินฮานก็เป็นของเฝิงเยว่เอ๋อ นางยังจ้องมองอันหลิงเกอด้วยสายตาเคียดแค้นที่มิอาจปิดบังได้ตลอดเวลา

อันหลิงเกอทำราวกับมองมิเห็นสายตาคู่นั้น นางเพียงมองไปทางมู่จวินฮาน บางทีก็หันไปพูดคุยกับอิ่งจือ นางต้องทำให้เหล่าที่ปรึกษาพวกนี้รู้ว่าคนที่คอยหนุนหลังนางคือผู้ใดและพวกเขามิควรมาหาเรื่องเด็ดขาด

เป็นดังคาดเมื่อเหล่าที่ปรึกษาเห็นอันหลิงเกอสนทนากับอิ่งจืออย่างสนิทสนม มินานทุกคนก็สบตากันโดยมิรู้ว่ากำลังคิดสิ่งใดอยู่ แต่อันหลิงเกอเห็นว่าบรรลุเป้าหมายของตนแล้วจึงเบาใจขึ้น

“วันนี้เจ้าช่างงดงามยิ่งนัก” ในขณะที่ยังไม่มีผู้ใดเอ่ยออกมา อิ่งจือก็เอ่ยชมอันหลิงเกอด้วยน้ำเสียงมิเบาเท่าไรนัก ทำให้ทุกคนได้ยินอย่างชัดเจน

แม้ทุกคนได้ยินแต่ไม่มีผู้ใดคิดมากเพราะน้ำเสียงที่ทุ้มนุ่มมิได้เสียงดังโหวกเหวกแต่อย่างใด

ทว่าเฝิงเยว่เอ๋อได้ยินดังนั้นก็แสยะยิ้มมุมปากออกมา ในใจของนางเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา อันหลิงเกอมีสิทธิ์อันใดได้รับความรักมากมายเพียงนี้ ส่วนนางไม่มีอันใดเลย

อันหลิงเกอทำเช่นนี้ เฝิงเยว่เอ๋อเชื่อว่ามู่จวินฮานต้องรู้สึกมิพอใจแน่

ทว่ามู่จวินฮานไม่ได้เป็นดั่งที่เฝิงเยว่เอ๋อคิดเอาไว้ มิหนำซ้ำเขายังได้ประกาศการมีตัวตนของอันหลิงเกออย่างเป็นทางการด้วย

“เอาล่ะ วันนี้ข้ามีเรื่องหนึ่งต้องการแจ้งให้ทุกท่านทราบว่าเดิมทีอันหลิงเกอคือพระชายาเอกของข้า แต่น่าเสียดายที่ก่อนหน้านี้ข้าสูญเสียความทรงจำไปชั่วคราวจึงทำให้นางพลัดหลงอยู่ที่เผ่าพิษหนอนกู่ เมื่อนางกลับมาแล้ว ตำแหน่งพระชายาเอกของนางก็ย่อมกลับไปเป็นเหมือนเดิม” ทันทีที่มู่จวินฮานกล่าวจบ ด้านล่างก็เกิดเสียงซุบซิบดังขึ้นอีกครั้ง แต่ก็ไม่มีผู้ใดกล้าก้าวก่ายเรื่องในจวนของมู่จวินฮาน

ทางด้านเฝิงเยว่เอ๋อได้ยินดังนั้นก็มีสีหน้าเข้มขึ้นทันที ตอนนี้นางอยากฉีกอันหลิงเกอเป็นชิ้นเพื่อจะได้มิสามารถแย่งชิงมู่จวินฮานกับนางอีก แต่ทุกสายตาที่มองมาก็ทำให้นางต้องแสร้งฝืนยิ้มเอาไว้

ทางฝั่งอิ่งจือรู้ดีว่าการกระทำเมื่อครู่ของตนคงไปกระตุ้นความหึงหวงของมู่จวินฮานเข้าแล้ว เช่นนั้นมู่จวินฮานคงจะไม่ลุกขึ้นมาประกาศความเป็นเจ้าของอันหลิงเกอและไม่มอบตำแหน่งพระชายาเอกกลับคืนนางอย่างง่ายดายเช่นนี้

เขารู้ว่ามู่จวินฮานกลัวจะถูกแย่งอันหลิงเกอไป

มู่จวินฮานอาจมิกลัวว่าจะโดนแย่งตำแหน่งอ๋องที่ยิ่งใหญ่ไปและมิกลัวว่าเขาจะแข็งแกร่งกว่า ทว่าสำหรับอันหลิงเกอผู้นี้คือจุดอ่อนของมู่จวินฮานมาโดยตลอด

นี่คือเหตุผลที่อิ่งจือเข้าหาอันหลิงเกอเพราะมั่นใจว่าสักวันหนึ่งมู่จวินฮานต้องยอมละทิ้งทุกอย่างเพื่อนาง

ส่วนอันหลิงเกอยังรู้สึกจับต้นชนปลายมิถูก เพราะวันนี้นางมาก็เพื่อแสดงตัวเท่านั้น แต่มู่จวินฮานทำราวกับวันนี้เป็นวันแต่งตั้งตำแหน่งพระชายาเอกให้นางจนแทบตั้งรับมิทัน ทว่านางก็อดรู้สึกดีใจมิได้

หลังการประชุมจบลง อันหลิงเกอก็ตามมู่จวินฮานกลับเรือนฝูหลิง ตอนนี้นางกลับมาเป็นพระชายาเอกแล้วย่อมมีองครักษ์และสาวใช้คอยห้อมล้อมเหมือนอดีต

สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นมู่จวินฮานประทานให้นาง ตอนนี้นางได้รับการดูแลเป็นอย่างดีอีกครั้ง

เมื่อนึกถึงตรงนี้อันหลิงเกอก็อดยิ้มอย่างขมขื่นมิได้ เมื่อก่อนพวกนางเคยมีความสุขด้วยกันมากขนาดนั้น แต่หลังจากเกิดเรื่องราวมากมายทุกอย่างก็เปลี่ยนไปจนสิ้น

วันนี้มิรู้ว่าเหตุใดอันหลิงเกอก็รู้สึกมีหลายเรื่องที่อยากจะพูดกับอิ่งจือ นางรู้ว่าการตัดสินใจของมู่จวินฮานส่วนหนึ่งเป็นเพราะอิ่งจือ หากมิใช่เพราะเขาก็เกรงว่ามู่จวินฮานอาจมิกล้าตัดสินใจเรื่องการคืนตำแหน่งพระชายาให้นางด้วยซ้ำ

ด้วยเหตุนี้อันหลิงเกอจึงมิให้สาวใช้ตามมาด้วยเพราะการมีคนติดตามมากมายออกไปข้างนอกทำให้ลำบากมิน้อย

หลังจากที่นางหลบหลีกผู้คนพ้นแล้วก็เดินทางมาที่ถ้ำน้ำแข็งเพียงลำพัง ส่วนอิ่งจือคล้ายกำลังรอนางอยู่ เมื่อเห็นนางเดินเข้ามาก็ส่งยิ้มให้ทันที

รอยยิ้มนั้นทำให้อันหลิงเกอยืนนิ่งอยู่กับที่ จู่ ๆ นางก็รู้สึกเจ็บหัวใจขึ้นมาจนต้องยกมือกุมหน้าอกและทรุดตัวลงกับพื้น ใบหน้าที่ดูเจ็บปวดเต็มไปด้วยเหงื่อผุดขึ้นมา

เดิมทีอิ่งจือกำลังดีใจที่เห็นนางมาหา แต่เมื่อเห็นท่าทางของนางเช่นนั้นจึงรีบเข้าไปประคองนางเอาไว้

แต่อันหลิงเกอก็หมดสติไปแล้ว อิ่งจือจึงมิรู้ว่าควรทำเช่นไรดี

เขาจึงตัดสินใจพาอันหลิงเกอไปนอนบนเตียงน้ำแข็ง ก่อนซับเหงื่อบนใบหน้าให้นาง เส้นผมที่ชื้นไปด้วยเหงื่อแนบอยู่สองข้างแก้ม มองแล้วช่างน่าสงสารยิ่งนัก

จากนั้นมินานอันหลิงเกอที่กำลังหลับอยู่ก็นิ่วหน้าเล็กน้อย อิ่งจือมิรู้ว่านางฝันสิ่งใดอยู่แต่ดูจากท่าทางของนางแล้วคงกำลังฝันร้ายเป็นแน่

อีกชั่วครู่นางก็ฟื้นขึ้นมาและในความทรงจำก็มีชื่อของคนผู้หนึ่งปรากฏขึ้นมา

“ตู๋หยวน” นางพึมพำชื่อนั้นออกมาและตอนนั้นเองทั้งอิ่งจือและอันหลิงเกอก็ตกตะลึง มิรู้เหตุใดนางจึงรู้สึกว่าชื่อที่ได้ยินในฝันเป็นชื่อของบางคนที่นางคุ้นเคย

“ตู๋หยวน…” อิ่งจือเอ่ยชื่อนั้นขึ้นมาเบา ๆ ทันใดนั้นความทรงจำที่หายไปของเขาก็กลับมาและก็นึกชื่อจริงของตนออกแล้วว่าคือ ‘ตู๋หยวน’

ในที่สุดเขาก็นึกออกแล้ว เขาจดจำชื่อของตนได้แล้ว ทว่าอันหลิงเกอรู้ได้เยี่ยงไร ?

อันหลิงเกอมองตู๋หยวนด้วยท่าทีมึนงงเพราะเขาดีใจจนเกือบจะร้องไห้ บางครั้งเขาก็มีท่าทางโศกเศร้าเสียใจปนเปกันไปหมด

“เจ้ารู้ชื่อข้าได้เยี่ยงไร ? ” ผ่านไปเนิ่นนานตู๋หยวนจึงเอ่ยถามอันหลิงเกอขึ้นมา น้ำเสียงของเขาแหบเล็กน้อย สุดท้ายเขาก็เงยหน้าขึ้นและแววตาที่เพิ่งผ่านการร้องไห้มาเมื่อครู่กำลังจ้องไปที่อันหลิงเกอเพื่อรอคำตอบ