ตอนที่ 366 ใครก็ไปจากที่นี่ไม่ได้ทั้งนั้น / ตอนที่ 367 ขวางหูขวางตาจะตายชัก

(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์

ตอนที่ 366 ใครก็ไปจากที่นี่ไม่ได้ทั้งนั้น

 

 

           หลังจากเจียงมู่เฉินออกมาจากห้องแล้ว ก็เป็นเวลากินข้าวเย็นพอดี เจียงมู่เฉินดูตามเวลาแล้วก็ไม่เดินออกไปข้างนอก แต่รออยู่ในห้องรับแขกแทน

 

 

           ซือเหยี่ยนเดินเข้ามาจากข้างนอก ก็เห็นเจียงมู่เฉินพอดี

 

 

           เจียงมู่เฉินใจเต้นตึกตัก รีบเบนสายตาหนีไม่มองซือเหยี่ยนทันที

 

 

           เรื่องเมื่อครู่นี้ ทั้งสองคนต่างฝ่ายต่างไม่เอ่ยถึง เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 

 

           ซือเหยี่ยนสีหน้าท่าทางสงบนิ่ง เดินมานั่งตรงข้ามกับเจียงมู่เฉิน เจียงมู่เฉินเงยหน้ามาก็เป็นใบหน้าของซือเหยี่ยน เขาหลุบตาลง ในใจว้าวุ่น

 

 

           ซือเหยี่ยนคนนี้ช่างตัวหายนะจริงๆ พอเห็นเขา ใจก็ว้าวุ่นไปตามซือเหยี่ยนแล้ว

 

 

           เขาบีบนิ้วมือตัวเอง ระงับอารมณ์ความรู้สึกไว้

 

 

           ทั้งสองคนไม่ได้บึ้งตึงกันนานเกินไป ฟู่เหยี่ยนก็เดินลงมาจากชั้นบน

 

 

           เขาเดินมาอย่างทะนงองอาจนั่งลงข้างเจียงมู่เฉิน ยังไม่ลืมที่จะยั่วยุซือเหยี่ยน

 

 

           ซือเหยี่ยนกวาดสายตามองเขาแวบหนึ่ง รู้สึกว่าเขาน่าเบื่ออยู่ทีเดียว

 

 

           ไม่อยากมาต่อล้อต่อเถียงกับเขาให้มากความ

 

 

           “ซังจิ่งล่ะ” ตั้งแต่เช้ามา ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของซังจิ่งมาจนถึงตอนนี้

 

 

           ตามเหตุผลแล้ว เขาไม่ควรจะออกจากที่นี่ไป ถึงจะถูก

 

 

           ฟู่เหยี่ยนพูดปลงๆ อย่างไม่ใส่ใจ “ใครจะไปรู้ล่ะ คงจะยุ่งอยู่มั้ง”

 

 

           เจียงมู่เฉินถลึงตาใส่เขา

 

 

           ฟู่เหยี่ยนทำไม่รู้ไม่ชี้ลูบจมูกปอยๆ “คุณมองผมทำไม ผมไม่ได้จับมัดเขาแล้วโยนลงทะเลให้ปลากินสักหน่อย”

 

 

           เจียงมู่เฉินพินิจมองฟู่เหยี่ยนซ้ำแล้วซ้ำอีก ก็เห็นว่าเขาแสดงออกชัดเจนว่าไม่ได้ทำอะไรซังจิ่งจริงๆ

 

 

           เจียงมู่เฉินเบนสายตามายังซือเหยี่ยน

 

 

           ซือเหยี่ยนเอ่ยเสียงต่ำ “เขามีเรื่องจำเป็นต้องไปจัดการ”

 

 

           เขาขานรับหน้าตาเฉย ฟู่เหยี่ยนทำเสียงเย็นใส่ “มีเรื่องจำเป็นต้องไปจัดการ ผมเห็นว่าเขากำลังคิดว่าจะแย่งคนจากในมือผมอย่างไรมากกว่ามั้ง”

 

 

           เจียงมู่เฉินกวาดสายตามองเขาปราดเดียว “ตกลงนายเตรียมจะให้ฉันอยู่ที่นี่อีกนานเท่าไหร่”

 

 

           ฟู่เหยี่ยนเอ่ยอย่างไม่สนใจอะไร “ดูอารมณ์มั้ง รอผมอยากปล่อยคุณไปเมื่อไหร่ เดี๋ยวก็ให้คุณไปได้เองแหละ”

 

 

           เจียงมู่เฉินขบกราม รู้ว่าฟู่เหยี่ยนคนนี้ไม่ใช่คนปกติอะไรเลย

 

 

           จู่ๆ เขาก็หัวเราะเบาๆ แล้วกระดิกนิ้วใส่เขา ฟู่เหยี่ยนโน้มเข้ามาด้วยท่าทีปลิ้นปล้อนคิดไม่ซื่อ

 

 

           เจียงมู่เฉินอาศัยโอกาสที่เขาไม่ทันระวังตัว ยกเท้าถีบเข้าไปทีหนึ่ง

 

 

           ฟู่เหยี่ยนถูกถีบจนเซหงายหลังไป อีกนิดคนทั้งคนจะล้มลงไปแล้ว ยังดีที่ฟู่เหยี่ยนมือไวคว้าขาโต๊ะที่อยู่ด้านข้างได้

 

 

           ถ้าไม่อย่างนั้นต้องมาล้มหกคะเมนต่อหน้าเจียงมู่เฉิน

 

 

           ขายขี้หน้าตายเลย

 

 

           “ฉันอยู่ที่นี่มาพักใหญ่แล้วนะ ทั้งวันนายไม่มีอะไรทำก็มาเล่นเกมกับฉัน ตกปลากับฉัน ไม่รู้สึกว่าน่าเบื่อบ้างหรือไง”

 

 

           ฟู่เหยี่ยนยักไหล่ “ไม่น่าเบื่อ”

 

 

           ถ้าเจียงมู่เฉินยอมเล่นเกมกับเขาไปทั้งชีวิต ตกปลากับเขาไปทั้งชีวิต เขาก็มีความสุขถึงขีดสุดแล้ว จะน่าเบื่อได้อย่างไร

 

 

           เจียงมู่เฉินเอามือกดที่หัว พูดไม่รู้เรื่องกับฟู่เหยี่ยนคนนี้จริงๆ

 

 

           เขาถอนหายใจอย่างทำอะไรไม่ได้ รู้สึกปวดหัวไปด้วย

 

 

           ซือเหยี่ยนเห็นท่าทางแบบนั้นของฟู่เหยี่ยน ก็เอ่ยขึ้นในทันที “เขาไม่ใช่ของส่วนตัวของคุณ เขาเลือกจะไปจากที่นี่ได้”

 

 

           นัยน์ตาฟู่เหยี่ยนเย็นยะเยือกในพริบตา “ถ้าผมไม่อนุญาต ใครก็ไปจากที่นี่ไม่ได้ทั้งนั้น”

 

 

           สีหน้าเขาเลือดเย็น รังสีบางอย่างขึ้นมาในทันใด เทียบกลับท่าทีปลิ้นปล้อนคิดไม่ซื่อเมื่อครู่นี้ช่างแตกต่างกันลิบลับ

 

 

           ซือเหยี่ยนเห็นท่าทีของฟู่เหยี่ยนแล้ว อดจะทอดถอนใจไม่ได้ สมกับเป็นผู้สืบทอดของตระกูลเวลล์จริงๆ

 

 

           ยังมีความหลักแหลมจริงๆ

 

 

           ฟู่เหยี่ยนเห็นเขาพินิจมองตัวเอง ก็เงยหน้ามองซือเหยี่ยนตรงๆ แววตาส่งคำเตือน

 

 

           แต่ซือเหยี่ยนกลับไม่ใช่คนยอมอะไรง่ายๆ เขาจ้องมองฟู่เหยี่ยน โต้ตอบกลับไปทันที

 

 

           ทั้งสองคนกำลังสาดไฟแค้นรุนแรงในแววตา เปลวไฟลุกพึ่บพั่บพุ่งขึ้นมา

 

 

           แต่เจียงมู่เฉินกลับไม่รู้สึกอะไรเลยสักนิด

 

 

           เจียงมู่เฉินหาวอยู่ข้างๆ ราวกับว่าการประจันหน้าสู้รบกันในทางเปิดเผยและทางลับขนาบคู่กันไปแบบนี้ ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขาแม้เพียงเศษเสี้ยว

 

 

            

 

 

           ตอนที่ 367 ขวางหูขวางตาจะตายชัก

 

 

           พ่อบ้านหลินเข้ามาส่งอาหารพอดี เขาเห็นบรรยากาศแปลกประหลาดบนโต๊ะอาหารนี้ ก็งงเป็นไก่ตาแตกอยู่เลยทีเดียว

 

 

           รู้สึกว่าสามคนนี้มีความรู้สึกแปลกๆ กันหมด

 

 

           โดยเฉพาะระหว่างคุณชายของเขากับซือเหยี่ยน เหมือนกำลังปะทะกันอยู่

 

 

           พ่อบ้านหลินวางจานชามเสร็จแล้ว ก็รีบออกไปจากตรงนั้น หลบหนีจากสนามรบที่คุกรุ่นไปด้วยควันปืนนี้

 

 

           เจียงมู่เฉินเห็นอาหารเต็มโต๊ะ เสียงต่ำเอ่ยขึ้น “พวกพี่ชาย อย่าจ้องกันเลย กินข้าวกันสิ”

 

 

           ซือเหยี่ยนเก็บสายตานี้ลงไป ไม่ทำสงครามประสาทกับฟู่เหยี่ยนต่อแล้ว

 

 

           เขาเอื้อมมือไปหยิบตะเกียบคีบอาหารให้เจียงมู่เฉิน เจียงมู่เฉินเห็นการกระทำของซือเหยี่ยน ก็อดจะเลิกคิ้วไม่ได้

 

 

           ‘เขาอนุญาตให้ซือเหยี่ยนคีบอาหารให้เขาเหรอ’

 

 

           คำพูดปฏิเสธยังไม่ทันได้พูดออกมาจากปาก ฟู่เหยี่ยนเห็นซือเหยี่ยนคีบอาหารให้เจียงมู่ฌฉิน ตัวเองก็ไม่ยอมแพ้ รีบคีบอาหารให้เขาเหมือนกัน

 

 

           เจียงมู่เฉินมองดูพวกเขาสองคน ก็โมโหจนเขวี้ยงตะเกียบ

 

 

           “พวกนายสองคนเป็นบ้ากันหรือไง ต้องคะยั้นคะยอกันขนาดนี้เลยเหรอ”

 

 

           ‘มาทำสงครามสู้กันไปมาต่อหน้าเขาได้ทั้งวันก็ช่างเถอะ แม้แต่ตอนนี้ที่เขาอยากจะกินอะไรยังมาขัดจังหวะอีกเหรอ’

 

 

           เจียงมู่เฉินลุกยืนขึ้นมา “พวกนายกินกันเองไปเถอะ ฉันไม่กินแล้ว”

 

 

           เขาโมโหจนจะอิ่มแล้ว ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป คงจะโมโหจนระเบิดได้

 

 

           ‘เด็กไม่รู้จักโต!’

 

 

           เจียงมู่เฉินค่อยๆ เดินขึ้นชั้นบนไป นอนถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้อยู่บนเตียง ชีวิตแบบนี้จะสิ้นสุดเมื่อไหร่กันนะ

 

 

           ซือเหยี่ยนเห็นเจียงมู่เฉินวิ่งขึ้นชั้นบนไป ก็ไม่ได้พูดอะไร แต่นั่งหน้าโต๊ะด้วยท่าทีสงบนิ่งต่อ

 

 

           ฟู่เหยี่ยนเห็นแบบนี้ก็เลิกคิ้ว “อะไรกัน ไม่ขึ้นไปง้อเหรอ นี่เป็นสิ่งที่คุณถนัดที่สุดไม่ใช่เหรอ”

 

 

           ซือเหยี่ยนกวาดสายตามองเขาปราดเดียว “คุณเองก็ถนัดมากเหมือนกัน”

 

 

           เขากินสองคำก็วางตะเกียบลง “ผมกินเสร็จแล้ว”

 

 

           ฟู่เหยี่ยนขบกรามมองตามแผ่นหลังของซือเหยี่ยนไป เขารู้สึกขัดใจกับซือเหยี่ยนขนาดนี้หมายความว่าไง

 

 

           เจ้าหมอนี่ไม่มีอะไรทำก็มายุ่งวุ่นวาย ขวางหูขวางตาจะตายชัก

 

 

           ……

 

 

           กลางดึกเวลาสิบสองนาฬิกา เจียงมู่เฉินหิวจนไม่ไหว แอบเปิดประตูจะออกไปหาอะไรกินในห้องครัว

 

 

           ตอนหัวค่ำเขาไม่ได้กินอะไร ใกล้จะหิวตายอยู่แล้ว

 

 

           เจียงมู่เฉินเดินลงมาชั้นล่างอย่างระมัดระวัง ย่องเบาเข้าห้องครัวไป หาอยู่นานสองนาน ว่างเปล่าไม่มีอะไร แม้แต่อาหารเหลือสักจานก็ไม่เหลือไว้ให้เขา

 

 

           ที่แท้ทั้งสองคนนี้ก็ไม่มีใครเชื่อถือได้เลยสักคน ปากก็บอกว่าชอบเขาอย่างนั้นอย่างนี้

 

 

           ‘หลอกลวงเป็นผีกันทั้งหมด!’

 

 

           ไม่ใส่ใจกันสักนิด

 

 

           เจียงมู่เฉินจนใจ ทำได้เพียงฝากความหวังไว้กับตู้เย็นแล้ว เขายื่นมือไปเปิดตู้เย็น ก็เห็นข้างในมีแค่แตงกวากับมะเขือเทศอีกนิดหน่อย

 

 

           เจียงมู่เฉินถอนหายใจอย่างทำอะไรไม่ได้ ปราสาทออกจะใหญ่ขนาดนี้ มีตู้เย็นไว้แค่ประดับหรือไง

 

 

           ‘ใส่ของกินสักหน่อย ผลไม้อะไรพวกนี้ไม่ได้เหรอ’

 

 

           พ่อบ้านหลินคนนี้ช่างซื่อบื้อเหลือเกิน ระวังวันหลังจะโดนซือเหยี่ยนไล่ออกเอา

 

 

           พ่อบ้านหลินทำหน้าไม่ยอมรับผิด แสดงออกว่าความผิดนี้เขาไม่หารด้วย อาหารที่คุณชายของเขากินทุกวันคืออาหารที่ขนส่งมาทางอากาศวันต่อวัน

 

 

           อาหารเหลืออะไร คุณชายของเขาไม่เคยกินอยู่แล้ว

 

 

           เจียงมู่เฉินมองมะเขือเทศและแตงกวาด้วยท่าทีน่าสงสาร ถอนหายใจอย่างอับจนหนทาง ยื่นมือไปเตรียมจะหยิบมากินสดๆ

 

 

           แต่เพิ่งจะยื่นมือออกไป ข้างหลังก็มีอีกมือหนึ่งแย่งไปเสียก่อน

 

 

           เจียงมู่เฉินทำหน้างุนงง อะไรกัน แค่แตงกวาลูกเดียวก็มาแย่งกับเขาเหรอ

 

 

           เขาหันกลับไปมองด้วยอารมณ์โมโห อยากจะดูว่าใครกันโรคจิตขนาดนี้ พอหันกลับไปก็เห็นใบหน้าเย็นชาใบหน้านั้นของซือเหยี่ยน

 

 

           “โรคจิต” เจียงมู่เฉินด่าไปคำหนึ่ง ก็อยากจะไปทันที

 

 

           แต่กลับถูกซือเหยี่ยนกดร่างแนบไปกับตู้เย็น

 

 

           “นายแม่งมากดฉันไว้ทำไม ปล่อยฉันนะ” เจียงมู่เฉินรีบสะบัดของเขาออก

 

 

           ซือเหยี่ยนมองดูเขา “เมื่อกี้คุณด่าว่าผมโรคจิตเหรอ”

 

 

           “แล้วไง นายก็โรคจิตอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง” เจียงมู่เฉินเงยหน้าเอ่ยโต้กลับอย่างดื้อรั้น

 

 

           ซือเหยี่ยนเห็นใบหน้าเล็กๆ แสนดื้อรั้นของเขา นัยน์ตาก็ลุกวาว “ในเมื่อคุณด่าก็ด่าไปแล้ว ถ้าผมไม่ทำอะไรแสดงออกมาสักหน่อย จะเป็นการให้คุณด่าฟรีๆ แล้ว”

 

 

           เขาก้มหน้าลงประกบปากเจียงมู่เฉินโดยไม่ลังเลเลยสักนิด