ตอนที่ 423 กระบี่มังกรไฟ
“น่าสนุกแล้วสิทีนี้” เด็กหนุ่มผมแดงพูดอย่างมีความสุข
“นั่นน่ะสิ” หลินเป่ยเฉินยิ้มตอบกลับไป
“ข้าจะต้องเอาชนะเจ้าให้ได้” เด็กหนุ่มผมแดงผายมือกล่าวว่า “มาเลย ข้าจะให้โอกาสเจ้าได้โจมตีก่อน”
หลินเป่ยเฉินชะงักไปเล็กน้อย “เดี๋ยวก่อนสิ…”
“ทำไม? หรือว่าเจ้ากลัว?” เด็กหนุ่มผมแดงหัวเราะเยาะ
หลินเป่ยเฉินไม่ได้ใส่ใจสักเท่าไหร่ เขาดาวน์โหลดม้วนกระดาษที่เป็นใบปิดโฆษณาสินค้าจากร้านขายอัญมณีหลิวไคออกมาจากแอปไป่ตู้ เน็ตดิสก์ และเริ่มต้นอ่านข้อความด้วยเสียงดังกังวานว่า…
“ทุกท่านโปรดทราบ โอกาสดีที่จะได้เป็นเจ้าของอัญมณีราคาแพงมาถึงแล้ว!”
หลินเป่ยเฉินดูแลลูกค้าเก่าของเขาเสมอ
นอกจากนำใบปิดออกมาแสดงในการถ่ายทอดสด เขายังถึงกับอ่านข้อความโฆษณาด้วยตัวเองอีกด้วย
นับเป็นเรื่องราวที่หลายคนรับไม่ได้
แต่ด้วยความที่นี่ไม่ใช่การกระทำครั้งแรกของหลินเป่ยเฉิน เสียงคนดูจึงหัวเราะด้วยความชอบใจ
ห่างออกมาไม่ไกล เถ้าแก่เจ้าของร้านขายอัญมณีหลิวไคแทบจะกลั้นยิ้มอีกต่อไปไม่ไหวแล้ว
ยอดเยี่ยมเหลือเกิน
การจ่ายเงินค่าโฆษณาให้แก่หลินเป่ยเฉิน นับเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด
คุ้มค่ากว่าตอนแข่งขันค้นหาผู้มีพรสวรรค์ประจำเมืองด้วยซ้ำ
และมันจะต้องให้ผลตอบแทนแก่เขาเป็นกำไรมหาศาล
เถ้าแก่คิดด้วยความตื่นเต้น
บนเวทีประลอง
เด็กหนุ่มผมแดงชักสีหน้าด้วยความไม่พอใจ
“ถือว่าเจ้ารนหาที่ตายเองนะ”
เขาชักกระบี่ออกมาถือด้วยมือซ้าย ในอากาศเกิดประกายไฟปะทุขึ้น แล้วเปลวไฟก็ครอบคลุมกระบี่ในมือเขา
“กระบี่อัคคีสวรรค์!”
เปลวเพลิงกลืนกินกระบี่เป็นสีแดงเข้ม รัศมีเปลวไฟลากตัวยาวมากกว่าตัวกระบี่หลายเท่า มันทำให้อากาศร้อนระอุ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มวลอากาศที่อยู่รอบกายหลินเป่ยเฉิน
เด็กหนุ่มผมแดงมีพลังขั้นปรมาจารย์ระดับ 4 จึงถือว่ามีพลังทำลายล้างน่ากลัวไม่ใช่เล่น
“คิดจะมาเล่นกับไฟต่อหน้าข้าหรือ?”
หลินเป่ยเฉินระเบิดเสียงหัวเราะ “เจ้าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเปลวไฟเลยแม้แต่น้อย”
ทันใดนั้น หลินเป่ยเฉินก็อ้าปากดูดกินเปลวไฟจากกระบี่ของฝ่ายตรงข้ามทั้งหมด
ปากของเขาทำหน้าที่เหมือนเครื่องสูบน้ำ ดูดกลืนเปลวไฟจากกระบี่ของเด็กหนุ่มผมแดง ต่อหน้าต่อตาคนดูจำนวนมหาศาล
นี่มันอะไรกัน?
เด็กหนุ่มผมแดงเบิกตาโตด้วยความไม่อยากเชื่อ
เกิดเสียงอุทานด้วยความตกใจดังขึ้นรอบเวทีประลอง
นี่มันแปลกประหลาดเกินไปแล้ว
คนอะไรสามารถกินไฟได้อย่างนี้?
“แค่ก… พรวด”
พลัน หลินเป่ยเฉินอ้าปากและพ่นเปลวไฟทั้งหมดกลับออกมาอีกครั้ง
“รสชาติ… ไม่เห็นจะได้เรื่องเลยสักนิด”
เขายกมือปิดปาก สีหน้าบิดเบี้ยวด้วยความสะอิดสะเอียน
ครั้งที่แล้วที่เขากินเปลวไฟสีม่วงของสวีหวั่นหลัว ทำไมตอนนั้นมันถึงอร่อยนะ
ด้วยเหตุผลนั้น หลินเป่ยเฉินจึงเข้าใจเอาเองว่าเปลวไฟทุกชนิดน่าจะมีรสชาติเหมือนกันหมด แต่ที่ไหนได้ เมื่อดูดกินเปลวไฟของเด็กหนุ่มผมแดงเข้าไปแล้ว หลินเป่ยเฉินก็ต้องรีบคายทิ้งกลับออกมาแทบไม่ทัน
เขาถึงกับสำลักน้ำหูน้ำตาไหลกว่าที่จะกลับมาหายใจได้เป็นปกติอีกครั้ง
เปลวไฟของเด็กหนุ่มผมแดงมีคุณภาพต่ำต้อยมาก
ดูเหมือนในอนาคตหลังจากนี้ เขาจะเที่ยวกินเปลวไฟของคนแปลกหน้าสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้
หลินเป่ยเฉินกำชับกับตนเอง
ความตกตะลึงบนใบหน้าของเด็กหนุ่มผมแดงค่อยๆ หายไป จากนั้นเขาจึงกระตุกยิ้มมุมปากและพูดเหยียดหยามว่า “เจ้านี่ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำจริงๆ คิดอวดอ้างสรรพคุณว่าตนเองกินไฟได้อย่างนั้นหรือ? ฮ่าฮ่า… หลินเป่ยเฉิน วันนี้แหละเจ้าจะต้องแหลกสลายกลายเป็นเถ้าธุลี โปรดจำเอาไว้ ข้ามีนามว่า…”
“อย่านะ อย่าพูดออกมา…”
หลินเป่ยเฉินขัดจังหวะ “ข้าป่วยเป็นโรคประหลาด มีอาการหวาดกลัวชื่อของตัวโง่งม ได้โปรดอย่าพูดชื่อเจ้าออกมาเลย”
“บังอาจนัก!”
เด็กหนุ่มผมแดงคำรามด้วยความเดือดดาล ทั้งคนทั้งกระบี่หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว เปลวไฟลุกโชนสว่างไสวทั่วร่างกาย แล้วเขาก็กลายร่างเป็นเหมือนลูกบอลไฟขนาดใหญ่ยักษ์ลูกหนึ่ง มวลอากาศร้อนระอุปั่นป่วน คมกระบี่ถูกจี้แทงเข้าใส่หลินเป่ยเฉินด้วยความดุดัน
หลินเป่ยเฉินยังคงยืนอยู่ที่เดิม
เขายกมือขึ้นและกำกระบี่ไฟของฝ่ายตรงข้ามเอาไว้ในมือหน้าตาเฉย
“เฮ้อ ข้าอิจฉาเจ้าเหลือเกิน”
หลินเป่ยเฉินพูดพึมพำ “ทำไมเวลาเจ้าใช้พลังปราณธาตุไฟ เสื้อผ้าถึงยังอยู่เป็นปกติดีนะ?”
เด็กหนุ่มผมแดงทั้งตกตะลึงทั้งโกรธแค้น เขาพยายามดึงกระบี่กลับมาจากมือของหลินเป่ยเฉินอย่างสุดความสามารถ แต่ทำอย่างไรก็ดึงกลับมาไม่สำเร็จสักที
“หมดเวลาเล่นสนุกแล้ว”
หลินเป่ยเฉินหมุนข้อมือเพียงเล็กน้อย
เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!
แล้วกระบี่ไฟของฝ่ายตรงข้ามก็แตกสลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
เด็กหนุ่มผมแดงลอยกระเด็นไปในอากาศ ก่อนที่จะร่วงตกกระแทกพื้นเวทีประลองอย่างแรง มือข้างที่ใช้ถือกระบี่ไม่สามารถยกขึ้นมาได้อีกแล้ว
“เจ้า…”
เขามองหน้าหลินเป่ยเฉินด้วยความเหลือเชื่อ
“ดูและจดจำเอาไปใช้”
หลินเป่ยเฉินยิงฟันยิ้มและพูดว่า “ข้าไม่ใช่คนหวงวิชาหรอกนะ”
แล้วกระบี่ของเด็กหนุ่มผมแดงก็กลายเป็นเพียงเศษเล็กเศษน้อยกองอยู่บนพื้นเวที
ทันใดนั้น หลินเป่ยเฉินประกบสองมือเข้าหากันและบริกรรมคาถาบางอย่าง
พลัน เปลวไฟก็ลุกโชนขึ้นจากมือของเขา มันพุ่งตัวขึ้นไปในอากาศ กลายเป็นมังกรไฟขนาดใหญ่ยักษ์ตัวหนึ่ง
บรรดาคนดูที่นั่งใกล้ชิดติดขอบเวทีต้องยกมือขึ้นมาอุดหู เพราะเสียงคำรามของมังกรไฟมีอานุภาพทำลายล้างรุนแรง คนดูจำนวนมากรู้สึกหวาดกลัวตามสัญชาตญาณ วิญญาณแทบหลุดลอยออกจากร่าง
ในเวลาเดียวกันนั้น ที่มือของหลินเป่ยเฉินก็ปรากฏกระบี่ไฟขึ้นมาเล่มหนึ่ง
รูปทรงของกระบี่มีลักษณะเหมือนมังกรทุกอย่าง ในส่วนของปลายกระบี่มีแม้แต่คมเขี้ยวและกรงเล็บ
“นี่คือกระบี่มังกรไฟ… จงรับรู้รสชาติของเปลวไฟที่แท้จริงซะ!”
หลินเป่ยเฉินสะบัดมือและแทงกระบี่ไฟออกไปข้างหน้า
มังกรไฟจากตัวกระบี่พุ่งแหวกอากาศออกไปหาคู่ต่อสู้
“ไม่นะ…” เด็กหนุ่มผมแดงตกอยู่ในอาการตะลึงสุดขีด เมื่อความตายปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า เขาก็พบว่าตนเองไม่เหลือเรี่ยวแรงที่จะต่อต้านเลยแม้แต่น้อย เด็กหนุ่มผมแดงไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากพยายามหมุนตัวหลบด้วยความหมดหวัง
กระบี่มังกรไฟของหลินเป่ยเฉินพุ่งเข้ามากำลังจะถึงตัวเขาแล้ว
เด็กหนุ่มผมแดงม้วนตัวหนีมาถึงสุดขอบเวที เขาตัดสินใจสลายค่ายอาคมที่เป็นกำแพงกั้นและหลบหนีคมกระบี่ไฟด้วยการกลิ้งลงไปจากเวที ค่ายอาคมสมานตัวเป็นกำแพงล่องหนอีกครั้ง รู้ตัวอีกที เด็กหนุ่มผมแดงก็ลงมานอนคว่ำหน้าอยู่ด้านล่างเวที พร้อมกันนั้นก็มีเลือดไหลทะลักออกมาจากปาก…
เปรี้ยง!
กระบี่มังกรไฟของหลินเป่ยเฉินไม่สามารถพุ่งออกมานอกเขตเวทีได้
มันปะทะเข้ากับค่ายอาคมที่เป็นกำแพงกั้นรอบทิศทาง
เวทีประลองถึงกับสั่นสะเทือนเหมือนเกิดแผ่นดินไหว
โชคดีที่มีการลงค่ายอาคมไว้อย่างหนาแน่นและการก่อสร้างก็เป็นไปอย่างแข็งแรง เวทีประลองแห่งนี้สามารถรองรับได้แม้แต่การโจมตีของผู้มีพลังระดับเซียน เพราะฉะนั้น ใช้เวลาเพียงไม่นาน พลังทำลายล้างของกระบี่มังกรไฟก็สูญสลายหายไปและทุกอย่างก็กลับคืนสู่สภาวะปกติอีกครั้ง
“เจ้า…” เด็กหนุ่มผมแดงเงยหน้ามองขึ้นไปบนเวทีด้วยสายตาที่ไม่อยากเชื่อ
หลินเป่ยเฉินพูดด้วยน้ำเสียงขออภัย “โอ๊ะ พอดีข้าเพิ่งลองใช้วิชานี้เป็นครั้งแรกน่ะ ก็เลยยังคำนวณระดับความรุนแรงของการโจมตีไม่ถูก ต้องขออภัยเจ้าด้วยจริงๆ”
“ฟู่!”
เด็กหนุ่มผมแดงกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง ก่อนที่จะเป็นลมหมดสติไป
การต่อสู้ครั้งนี้ได้ผู้ชนะแล้ว
หลินเป่ยเฉินก้มหน้ามองสองมือของตนเองอย่างมีความสุข
เขานี่ก็แข็งแกร่งเหมือนกันนะเนี่ย
นับว่าคัมภีร์ฝึกวิทยายุทธ์ระดับ 5 ดาวที่นักพรตหญิงชินให้เขามา มีอานุภาพการโจมตีรุนแรงน่าตกใจ
หลินเป่ยเฉินมีเวลาฝึกเพียงไม่กี่วัน โดยอาศัยโทรศัพท์มือถือเป็นตัวช่วยสำคัญ และมันก็ทำให้เขาสามารถใช้กระบวนท่าแรกจากคัมภีร์ระดับ 5 ดาวเล่มนั้นได้สำเร็จ และเพียงโจมตีด้วยกระบวนท่าเดียว เด็กหนุ่มผมแดงที่มีพลังอยู่ในขั้นปรมาจารย์ระดับ 4 ก็ถึงกับต้องพ่ายแพ้อย่างสู้ไม่ได้
การโจมตีของเขาเมื่อสักครู่นี้ เด็กหนุ่มผมแดงสามารถหลบหนีได้สำเร็จ
แต่มันมีพลังน่ากลัวมาก
หากเด็กหนุ่มผมแดงหนีไม่ทันล่ะก็…
ป่านนี้คงมีสภาพกลายเป็นกองขี้เถ้าไปแล้ว
แต่ก็ต้องขอบคุณที่เด็กหนุ่มผมแดงสามารถหลบหนีได้สำเร็จ หลินเป่ยเฉินไม่ได้มีเจตนาที่จะฆ่ากันให้ถึงตายตั้งแต่แรกอยู่แล้ว มันผิดหลักการของเขา เพราะระหว่างเขากับคู่ต่อสู้คนนี้ ไม่เคยมีความแค้นต่อกันมาก่อน
วูบ!
ใครบางคนทิ้งตัวลงมาบริเวณด้านข้างเวทีประลอง
ปรากฏว่าเป็นหัวหน้าของเด็กหนุ่มผมแดงผู้นั้น
ชายหนุ่มก้มตัวลงไปตรวจสอบอาการศิษย์น้องของตนเอง จากนั้นจึงหันมาค้อมศีรษะให้แก่หลินเป่ยเฉินและพูดโดยไม่ลังเลสักนิดว่า “ขอบคุณคุณชายหลินที่ยั้งมือไว้ไมตรี”
ถือว่าเป็นคนที่ใช้ได้เหมือนกันแฮะ
หลินเป่ยเฉินพยักหน้าตอบรับ ไม่พูดอะไร
เมื่อการประลองจบลงแล้ว หลินเป่ยเฉินก็ถูกประกาศให้ผ่านเข้าสู่รอบต่อไป
ชาวเมืองหยุนเเมิ่ง คณะอาจารย์และลูกศิษย์ของสถานศึกษากระบี่ที่สามต่างก็ส่งเสียงโห่ร้องออกมาด้วยความภาคภูมิใจในฝีมือของหลินเป่ยเฉิน
ก่อนหน้านี้ หลายคนเคยเป็นกังวล เพราะหลินเป่ยเฉินเพิ่งมีสถานะเป็นผู้ที่ถูกเลือก ระดับพลังคงไม่แข็งแกร่งเท่าเก่าก่อน แล้วจะมาต่อสู้กับยอดฝีมือผู้เข้าแข่งขันที่เป็นตัวแทนจากเมืองอื่นๆ ได้อย่างไร?
แต่ที่ไหนได้ ชาวเมืองหยุนเมิ่งรู้ตัวแล้วว่าพวกเขาคิดมากกันไปเอง
หลินเป่ยเฉินสามารถผ่านเข้ารอบต่อไปได้อย่างสบายๆ
เจ้าแกะดำช่างสุดยอดเหลือเกิน!
เสียงโห่ร้องให้กำลังใจและเสียงปรบมือดังขึ้นไม่ขาดสาย
บรรยากาศกลับคืนสู่ความคึกคักอีกครั้ง
โดยเฉพาะตอนที่หลินเป่ยเฉินเดินลงมาจากเวที กลุ่มผู้ชมที่เป็นสตรีก็ถึงกับเสียสติไปแล้ว
ตอนแรกที่ได้รับทราบข่าวว่าหลินเป่ยเฉินมีพลังปราณธาตุไฟ ผู้เข้าแข่งขันส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ให้ความสนใจสักเท่าไหร่
แต่เมื่อเห็นสิ่งที่เด็กหนุ่มสามารถทำได้ สีหน้าของพวกเขาก็เคร่งขรึมขึ้นมาทันที
ไม่ต้องสงสัยอีกแล้วว่าเพราะเหตุใดหลินเป่ยเฉินถึงกลายเป็นผู้ที่ถูกเลือก
เพราะเขามีพลังการทำลายล้างรุนแรงนี่เอง
คราวนี้ ทุกคนจะประมาทไม่ได้แล้ว
เหลือเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ยังสามารถมีสีหน้าผ่อนคลายไม่เกิดความหวาดหวั่นใดๆ เจียงจี้หลิวก็คือหนึ่งในนั้น กระบี่มังกรไฟที่สามารถสั่นสะเทือนเวทีประลองได้อย่างน่าเหลือเชื่อ กลับไม่สามารถทำให้แววตาของเด็กหนุ่มเจ้าของฉายากระบี่พันหน้าปรากฏความเปลี่ยนแปลงได้เลยแม้แต่น้อย
การแข่งขันยังดำเนินต่อไป
ได้เวลาที่เจียงจี้หลิวจะขึ้นเวทีแล้ว