ตอนที่ 1638

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 1,638 : พลังอำนาจของตาผนึกมาร!

 

“หลินตง…นี่เจ้าคงไม่เหมือนคนอื่นๆหรอกนะ ที่คิดว่าอ๋องเฉียนมันลำบากจ้างเจ้ามาเพื่อวรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์ชั้นยอดในแหวนพื้นที่ข้า?”

 

ต้องบอกเลยว่าวาจาประโยคนี้ส่งผลกระทบอันรุนแรงนัก!

 

เพราะทันทีที่ต้วนหลิงเทียนกลาววาจาประโยคนี้ออกมา ไม่ใช่แค่อ๋องเฉียนจะตื่นตระหนก กระทั่งชายชราทั้ง 2 ด้านหลังยังหน้าเสีย ตัวหลินตงเองก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว หันไปมองอ๋องเฉียนตามสัญชาตญาณ จึงได้เห็นว่าคนหน้าเปลี่ยนสีไปแล้ว!

 

ใจมันสะท้านขึ้นมาทันใด!!

 

‘หรือที่แท้จะมีสมบัติอื่นใดอยู่ในแหวนพื้นที่ของต้วนหลิงเทียนอีก…จากวาจาของมันท่าทางสิ่งที่อ๋องเฉียนต้องการจะไม่ได้ด้อยไปกว่าวรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์ชั้นยอด!’

 

ครู่ต่อมาสองตาหลินตงก็ส่องสว่างขึ้น!

 

มันได้ตัดสินใจแล้ว ทันทีที่มันฆ่าต้วนหลิงเทียนตาย แหวนพื้นที่ของต้วนหลิงเทียนมันจะเอาไว้เองไม่ให้ใครแตะ!

 

สำหรับอ๋องเฉียนนั้นมันไม่แยแสแม้แต่น้อย

 

อย่างมากก็แค่คืนค่าจ้างและมัดจำกลับไป!

 

ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่แหวนพื้นที่ต้วนหลิงเทียนจะมีสมบัติเลิศล้ำอะไรเลย เอาแค่วรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์ชั้นยอด ก็เหนือกว่าสิ่งของที่อ๋องเฉียนเสนอให้มันแล้ว!

 

“ต้วนหลิงเทียนยังมีสมบัติอันร้ายกาจอื่นใดครอบครองไว้อยู่อีกหรือ?”

 

“แถมฟังจากวาจาเขาแล้ว ท่าทางสมบัติดังกล่าวจักมีค่ายิ่งกว่าวรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์ชั้นยอดเสียอีก!”

 

“มันคืออันใดกันแน่นะ ข้าล่ะสงสัยจริงๆ”

 

“เฮ่ย! พวกเจ้าดูนั่นเร็ว สีหน้าอ๋องเฉียนเปลี่ยนไปถึงขนาดนั้นแล้ว! ท่าทางคงมิคิดว่าต้วนหลิงเทียนจะกล้าเปิดเผยความจริงออกมา ว่ามีบางสิ่งที่เหนือกว่าวรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์ชั้นยอด!”

 

“ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนสมควรรู้ดี ว่าสมบัตินั้นมิอาจเก็บไว้ได้อีกต่อไป จึงคิดที่จะจมเรือเสีย!”

 

……

 

ผู้คนมากมายหลายคนกล่าวสนทนากันดังระงมเมื่อพบว่าสีหน้าอ๋องเฉียนเปลี่ยนไป

 

อ๋องหรงเองก็เพ่งมองไปยังร่างต้วนหลิงเทียนเขม็ง ด้วยอยากรู้ว่าในน้ำเต้าต้วนหลิงเทียนขายยาอันใดกันแน่ ถึงขั้นทำให้อ๋องเฉียนเสียอาการได้ขนาดนี้ หลังจากได้ฟังวาจาไม่กี่คำ

 

ส่วนทางด้านป๋ายลี่หง และซื่อหม่าฉางฟงก็ขมวดคิ้วเป็นปม ด้วยไม่รู้ว่าในน้ำเต้าต้วนหลิงเทียนขายยาอันใดเช่นกัน

 

แม้ว่าจะมีสิ่งอันประเสริฐกว่านี้ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องกล่าวออกมาไม่ใช่หรือไร?

 

หลายคนคิดว่าที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาเพราะคิดว่าตัวเองกำลังจะตาย แต่เหล่าคนสนิทของต้วนหลิงเทียนรู้ดีว่าต้วนหลิงเทียนไม่มีทางตายหรือเป็นรองหลินตงแน่นอน!

 

‘ตัวบัดซบต้วนหลิงเทียนนั่นมันคิดอะไรอยู่กันแน่ อย่าได้บอกข้าเชียวว่ามันคิดจะเปิดเผยเรื่องตราผนึกมารออกมาก่อนตายกัน!?’

 

สีหน้าอ๋องเฉียนเปลี่ยนสีกลับกลาย

 

มาตอนนี้มันเริ่มรู้สึกเสียใจขึ้นมาแล้ว เสียใจที่มันเปิดเผยเรื่องอี้เฟิงเข้าร่วมกับมัน แถมยังพามาที่นี่ด้วย!

 

เพราะนั่นไม่ใช่เป็นการบอกให้ต้วนหลิงเทียนรู้โต้งๆรึไร ว่าอี้เฟิงเป็นผู้บอกเรื่องตราผนึกมารให้แก่มัน!

 

ส่วนเหตุผลที่ต้วนหลิงเทียนกำลังจะทำแบบนี้มันก็เดาได้ไม่ยาก!

 

ต้วนหลิงเทียนสมควรรู้ตัวว่าใกล้ตายเต็มที และไม่อาจรักษาตราผนึกมารได้อีกต่อไป จึงคิดสร้างปัญหาให้มันและไม่ให้มันได้ตราผนึกมารไปโดยง่าย!

 

“คุณชายหลินฆ่ามันเร็วเข้า! หากท่านฆ่ามันตอนนี้นอกจากของรางวัลที่ข้ากล่าวไว้จะเพิ่มเป็นสองเท่า ข้าจะยกวรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์ชั้นยอดให้ท่านด้วย! แต่เร่งฆ่ามันเร็วเข้า! เร็ว! รีบฆ่ามันเสีย!!”

 

ด้วยกังวลว่าต้วนหลิงเทียนจะเปิดเผยเรื่องตราผนึกมาร อ๋องเฉียนจึงได้แต่เร่งกล่าวส่งเสียงผ่านปราณแท้ไปถึงหลินตงอย่างร้อนใจ

 

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้หลินตงตัดสินใจฮุบเอาทุกสิ่งทุกอย่างไว้เองแล้ว จึงไม่แยแสเสียงของอ๋องเฉียนสืบไป

 

สำหรับปัญหาที่มันจะพบเจอหลังจากได้ครอบครองสมบัติของต้วนหลิงเทียน มันไม่ได้กังวลแม้แต่น้อย

 

เบื้องหลังของมันคือตระกูลหลินแห่งคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวน ด้วยฐานะของมันกระทั่งให้บิดาอ๋องเฉียน ฮ่องเต้ฝูเฟิงมาเองก็ไม่กล้าแตะต้องมันแม้แต่น้อย นับประสาอะไรกับอ๋องเฉียน!

 

ใครจะกล้าสร้างปัญหาให้มันหลังได้ครอบครอสมบัติของต้วนหลิงเทียน!?

 

แต่แน่นอนว่าถ้ามันกลับคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวนทันที น่ากลัวว่าคงต้องถูกลอบสังหารแน่นอน!

 

มันจึงตัดสินใจแล้วว่าหลังจากที่ฆ่าต้วนหลิงเทียนและชิงแหวนมา มันจะประกาศให้ทุกคนทราบว่ามันตั้งใจไปเยือนตระกูลราชวงศ์ของประเทศฝูเฟิงในฐานะแขก ทั้งจะประกาศมอบวรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์ชั้นยอดให้กับฝูเฟิง ถึงตอนนั้นอีกฝ่ายไม่เพียงแต่จะกล้าแตะต้องมัน แต่ก็ไม่มีเหตุผลให้แตะต้องมันอีก!

 

จากความร้อนใจเป็นกังวลเอามากขนาดนั้นของอ๋องเฉียน ทำให้หลินตงตระหนักได้ว่าสมบัติบางอย่างที่ต้วนหลิงเทียนมี เป็นอะไรที่มีค่าเหนือกว่าวรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์ชั้นยอดหลายขุม!

 

ดังนั้นมันจึงคิดว่าการแบ่งวรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์ชั้นยอดให้ประเทศฝูเฟิง ก็ไม่ใช่เรื่องขาดทุน!

 

เพราะสุดท้ายแล้วหากอ๋องเฉียนไม่เชิญมันมาประเทศฝูเฟิง มันก็คงไม่ได้อะไรเลย เช่นนั้นจึงคิดจะตอบแทนประเทศฝุเฟิงด้วยเรื่องนี้

 

หากอ๋องเฉียนล่วงรู้ว่าหลินตงคิดอะไรอยู่ในหัวล่ะก็ น่ากลัวว่ามันคงโมโหจนกระอักเลือดตาย

 

“เหตุผลที่อ๋องเฉียนต้องการให้ข้าฆ่าเจ้า เพราะมันบังเกิดความละโมบในสมบัติของข้า….กล่าวตรงๆ ทั้งหมดที่มันกระทำล้วนเป็นเพราะต้องการ ตราผนึกมาร ในมือข้า!!”

 

ในขณะที่หลินตงคิดจะลงมือสังหารต้วนหลิงเทียนเพื่อปิดปาก เสียงผนึกปราณแท้ของต้วนหลิงเทียนพลันดังสกึกก้องไปทั้งเขาเป่ยหมัง ยังกล่าวออกมารวดเดียวจบ สนั่นลั่นในหูทุกคนพาลให้ตื่นตระหนกตกใจกันถ้วนหน้า!!

 

ตราผนึกมาร!

 

ต้องบอกเลยว่า 3 คำ นี้มีอานุภาพสะท้านฟ้านัก!

 

อย่างน้อยๆหลินตงที่คิดลงมือฆ่าต้วนหลิงเทียนให้จบเรื่องจบราว ก็ถึงกับต้องตะลึงงัน! มวลพลังที่ควบรวมคิดลงมือสังหารยังสลายหายไปอย่างไม่รู้ตัว!!

 

ถึงแม้มันจะคิดไว้แล้วว่าสมบัติบางอย่างในมือของต้วนหลิงเทียนไม่ธรรมดา แต่กระทั่งหลับมันยังไม่เคยฝันว่าจะเป็น ตราผนึกมาร!

 

ตราผนึกมาร นามนี้ไม่ใช่อะไรที่ไม่คุ้นเคยสำหรับมัน!

 

นั่นคือ 1 ใน 10 ยอดศาสตราเซียนที่ติดอันดับในรายนามศาสตราเซียนผู้ยิ่งใหญ่แห่งดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ถึงแม้อานุภาพในการเพิ่มพูนพลังจะไม่ต่างอะไรจากศาสตราเซียนธรรมดาๆ หากแต่พลานุภาพที่แท้จริงของมันคือการ สะกดมารร้ายทั่วหล้า!!

 

ตราบใดที่ตราผนึกมารยังดำรงอยู่ ก็เสมือนกับ ‘ฝันร้าย’ ของเหล่าผู้ฝึกมารทั้งมวล!

 

ตราผนึกมาร 3 คำนี้ไม่เพียงสร้างความตื่นตะลึงให้หลินตง แต่ทุกคนในที่นี้ล้วนตื่นตระหนกกันยกใหญ่!

 

พวกมันจะอย่างไรก็เป็นผู้ฝึกตน และล้วนเคยได้ยินนามของ 10 สุดยอดศาสตราเซียนในรายนามศาสตราเซียนผู้ยิ่งใหญ่มาทั้งนั้น และพวกมันยังรู้ถึงพลังอำนาจของตราผนึกมารและแรงดึงดูดใจของมันดี!

 

แต่ในสายตาของพวกมัน ตราผนึกมาร เป็นดั่งสิ่งของในตำนานที่พวกมันมิอาจจับต้องพบพาน

 

ทว่าพวกมันไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆ ว่าวันนี้ตราผนึกมารกำลังจะปรากฏสู่สายตาของพวกมัน กล่าวให้ชัดปรากฏต่อหน้าผู้คนทั้งมวล!

 

“สารเลวเอ๊ย!!”

 

หน้าอ๋องเฉียนบิดเบี้ยวอัปลักษณ์นัก ตอนนี้มันไม่อาจกล่าวอะไรออกมาได้อีก เพียงเร่งกล่าวกระซิบออกมาด้วยอำมหิต “ไปฆ่ามัน!!”

 

สิ้นเสียงอ๋องเฉียน ชายชราด้านหลังทั้ง 2 พลันเริ่มลงมือเคลื่อนไหวทันที ทั้งคู่ปรี่ตรงไปหมายสังหารต้วนหลิงเทียน!

 

ขอบเขตเซียน 2 คนปะทุพลังสังหารออกมาในฉับพลันอย่างพร้อมเพรียง ย่อมก่อให้เกิดเสียงดังสนั่นลั่นดังปานฟ้าแตก!

 

และเมื่อเห็นว่าอ๋องเฉียนสั่งให้ชายชราทั้ง 2 ลงมือ อ๋องหรงเองก็ไม่คิดจะให้อ๋องเฉียนหยิบชิ้นปลามันไปได้ง่ายๆ สั่งขอบเขตเซียนใต้อาณัติทั้ง 3 ที่ติดตามมาให้ลงมือทันทีเช่นกัน!!

 

ชายชรา 5 คนที่อยู่ในขอบเขตเซียน ล้วนต้องการสังหารต้วนหลิงเทียนและคว้าแหวนพื้นที่ของเขาทั้งสิ้น!

 

อย่างไรก็ตาม เป้าหมายคือต้วนหลิงเทียนเพียงคนเดียว แต่พวกมันกลับช่วงชิงกันถึง 2 ฝ่าย ยังง่ายดายอีกหรือ?

 

เช่นนั้นทั้ง 2 ฝ่ายจึงเร่งขัดขาและสู้กันก่อนทันที ความโกลาหลพลันอุบัติขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว คล้ายสวรรค์นรกพลิกคว่ำสลับกลับกลาย ผืนฟ้าเปลี่ยนสี

 

ตอนนี้เองเหล่าผู้คนที่มาชมดูเรื่องราวอยู่ก็คล้ายจะได้สติกลับมา

 

“อ๋องเฉียน ในเมื่อเจ้าอยากได้ตราผนึกมารข้านัก งั้นข้าจะให้เจ้าเอง! รับ!!”

 

ในขณะที่เซียนทั้ง 5 ปะทะพลังสู้รบ ต้วนหลิงเทียนที่ตกเป็นเป้าหมายทั้ง 2 ฝ่ายพลันตะโกนออกมาเสียงดังลั่นฟ้าอีกครา ก่อนที่จะสะบัดมือหยิบของบางสิ่งแล้วซัดไปทางอ๋องเฉียนอย่างแรง!

 

กล่าวให้ชัด เขาเขวี้ยงของนั่นไปยังร่างหนึ่งด้านหลังอ๋องเฉียน!

 

และหากจะกล่าวให้ชัดกว่านั้น คือเขาเขวี้ยงมันใส่อี้เฟิง!

 

“ระยำ!!”

 

เมื่อเห็นว่าตราผนึกมารแหวกฟ้าพุ่งมาดั่งดาวตก หน้าอี้เฟิงพลันซีดเผือด ร้องอุทานออกมาเสียงหลง ปะทุพลังชั่วชีวิตหมายพุ่งร่างหลบหนีไปทันที!

 

ไม่ใช่อะไร เพราะตอนนี้กลิ่นอายพลังอันน่าพรั่นพรึงชวนให้ขนพองสยองเกล้าของตราผนึกมารเพ่งเล็งมาที่มันแล้ว!!

 

การปรากฏของตราผนึกมารนั้นมันมาอย่างที่ไม่ทันตั้งตัว อี้เฟิงจึงไม่อาจทำอะไรได้ทันกาล แม้จะพยายามเร่งเร้าพลังทั้งหมดพุ่งร่างไปแล้วก็ตาม!

 

ดังนั้นเพียงเวลาแค่เสี้ยวพริบตาที่ตราผนึกมารพุ่งมา มันก็ไล่อี้เฟิงได้ทัน ซัดกระแทกเข้ากลางอกเปล่งพลังทมิฬขุมหนึ่งห่อหุ้มร่างอี้เฟิงฆ่ามันอย่างรวบรัดหมดจด!

 

กล่าวให้ชัด เป็นดวงจิตของมันที่ถูกตราผนึกมารดูดมาสะกด ทั้งทำลาย!

 

เมื่อไร้ดวงจิต ร่างผู้คนก็เสมือนเปลือกว่างเปล่า หล่นร่วงลงไปเป็นซากเนื้อเลอะเลือนบนเขาเป่ยหมังทันที!

 

พริบตานี้ทุกคนล้วนหยุดทุกสิ่งที่กระทำ เพียงจับจ้องไปยังภาพเรื่องราวที่อุบัติขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว ฉากเรื่องราวยังเงียบงันปานคนตาย!

 

แม้กระทั่งยอดฝีมือขอบเขตเซียนทั้ง 2 ของจวนอ๋องเฉียน และ 3 เซียนจากจวนอ๋องหรงก็ต้องหยุดชะงักชมดูเรื่องราว ใบหน้าของพวกมันบางคนยังเผยความหวาดผวาออกมาเมื่อเห็นอี้เฟิง ผู้ฝึกมารที่มีพลังฝีมือไม่ใช่ชั่วตกตายในเวลาแค่พริบตา!

 

ฟุ่บ!

 

และในขณะที่ทุกคนหันกลับไปจับจ้องยังตราผนึกมารที่พึ่งสังหารอี้เฟิงไปนั้น อยู่ๆตราผนึกมารก็สั่นไหวอีกครั้ง มันพุ่งไปอีกทิศทางหนึ่งคล้ายมีเจตจำนงของมันเอง…พุ่งเข้าใส่ชายชราในขอบเขตเซียนคนหนึ่ง!

 

ชายชราคนนี้เป็น 1 ใน 3 ชายชราที่อ๋องหรงพามาด้วย มันเป็นผู้ฝึกมารในขอบเขตเซียนเช่นกัน!

 

“ไม่!!”

 

เมื่อเซียนมารสัมผัสได้ว่ากลิ่นอายพลังของตราผนึกมารเพ่งเล็งมาที่มัน ใบหน้ายิ่งมาก็ยิ่งหวาดผวาพรั่นกลัว ความคิดแรกของมันคือหลบหนีไปให้ไกล!

 

อนิจจากระทั่งมีสหายทั้ง 2 ของมันช่วยเหลือ ก็ยากที่จะหนีพ้นไปได้!

 

ตราผนึกมารนั้นคึกคักปานถูกฉีดเลือดไก่ พุ่งฝ่าม่านพลังทุกสิ่ง ซัดประทับกลางหน้าผากของมันอย่างจัง พรากชีวิตชราของมันไปอย่างไม่ยินยอม!

 

เมื่อขอบเขตเซียนทั้ง 2 ตกตาย ผู้คนก็ไม่ต้องคาดเดาอีกต่อไป ว่าป้ายศิลามุมแหว่งนี้ใช่ตราผนึกมารหรือไม่ มีแต่ตราผนึกมาร 1 ใน 10 ยอดศาสตราเซียนในรายนามศาสตราเซียนผู้ยิ่งใหญ่เท่านั้นที่มีพลังอำนาจเช่นนี้!!

 

“ตราผนึกมารน่ากลัวเหลือเกิน!”

 

“น่ากลัวนัก! ยังน่ากลัวยิ่งกว่าคำรร่ำลือเสียอีก!!”

 

“สวรรค์ช่วย! มีผู้ใช้เป็นแค่สู่เซียน แต่กลับพิฆาตสังหารเซียนทั้ง 2 ได้ในเวลาเสี้ยวพริบตาอย่างไร้ซึ่งหนทางต่อต้าน! แล้วนี่ถ้าขอบเขตเซียนเป็นผู้ใช้งาน พลังอำนาจมันจะไม่น่าสะพรึงกลัวกว่านี้เรอะ!?”

 

“สมกับที่เป็น 1 ใน 10 ยอดศาสตราเซียนโดยแท้จริง!!”

 

……

 

เหล่าผู้ชมทั้งมวลล้วนจับจ้องไปยังตราผนึกมารด้วยสองตาเป็นประกาย แน่นอนว่าประกายดังกล่าวคือประกายแห่งความโลภ!

 

อนิจจาแม้พวกมันจะอยากได้ตราผนึกมารมากเพียงใด แต่พวกมันไหนเลยจะไม่รู้ว่าไม่อาจกระทำ!

 

จวนอ๋องหรง จวนอ๋องเฉียน ไม่ใช่อะไรที่พวกมันจะล่วงเกินหรือตอแยด้วยได้!

 

และตอนนี้ทั้งอ๋องเฉียนและอ๋องหรงก็หมายตา ตราผนึกมาร นั่น! สายตายังเต็มไปด้วยความโลภนัก!!

 

“ต้วนหลิงเทียน! เจ้ากล้าดีอย่างไร!!”

 

ตอนนี้เองหลินตงก็หวนกลับมารู้สึกตัวหลังจากตะลึงกับพลังอำนาจของตราผนึกมาร สีหน้าของมันมืดคล้ำดำลง มองต้วนหลิงเทียนด้วยอำมหิต เพราะไม่คิดจริงๆว่าต้วนหลิงเทีนจะควักตราผนึกมารออกมาแบบนี้!!

 

“อ๋องเฉียนข้าได้กล่าวไปแล้วว่าจะมอบตราผนึกมารให้เจ้า งั้นเจ้าก็เอามันไปได้เลย!!”

 

ด้านต้วนหลิงเทียนกลับไร้แยแสวาจาของหลินตง เพียงหันไปตะโกนกล่าวกับอ๋องเฉียนอีกครั้ง

 

กล่าวจบตราผนึกมารที่ลอยล่องกลางหาวคล้ายมีดวงตางอกเงย มันพุ่งไปหาอ๋องเฉียนทันที!