ตอนที่ 1010 แขกไม่ได้รับเชิญ

เนตรเซียนทะลุสมบัติ

หยางโปและพรรคพวกเดินไปข้างหน้า พอเขามองย้อนกลับไปก็เห็นว่าโจวซินกำลังเดินเข้าไปดูของ และได้ยินคำพูดที่คุ้นหูเหล่านั้นของพวกเขา หยางโปก็อดยิ้มไม่ได้ เก่อเจียซิงคนนี้ช่างโกหกปลิ้นปล้อนเสียจริงๆ มีบางเรื่องที่พูดได้จอมปลอมมาก !
  มีวัตถุโบราณมากมายอยู่ในงาน เฉาหยวนเต๋อซื้อจักจั่นหยกฮั่นปาเตาในสมัยราชวงศ์ฮั่น
  กระจกทองสัมฤทธิ์ในสมัยราชวงศ์ถัง และหมอนแกะสลักฉือโจวของราชวงศ์ซ่ง ทางด้านหยางโปส่วนใหญ่ซื้อแต่หยก
  ในบรรดาอาวุธวิเศษต่างๆ อาวุธวิเศษหยกมีปริมารมากที่สุด โดยเฉพาะอุปกรณ์ป้องกันตัวบางอย่าง หยางโปซื้ออาวุธวิเศษป้องกันตัวจากในงานมาชิ้นหนึ่ง อาวุธวิเศษชิ้นนี้มีความแข็งแกร่งกว่าที่ซื้อจากข้างนอกมาก
  นี่คือหยกแกะสลักรูปหงส์ชิ้นหนึ่ง เวลาที่หยางโปถือไว้ในมือ ก็สัมผัสได้ถึงพลังที่ไหลเวียนอย่างรุนแรงอยู่ภายใน
  หลังจากที่หยางโปซื้อมา ก็อารมณ์ดีขึ้นมาก เมื่อดูจากสถานที่จัดงานแล้ว ที่นี่มีอาวุธวิเศษที่สามารถใช้ประโยชน์ได้เพียงไม่กี่ชิ้น กระทั่งของบางชิ้นไม่สามารถที่จะเรียกได้ว่าเป็นอาวุธวิเศษได้ แม้แต่อาวุธจี้หยกรูปหงส์ในมือของเขาก็เป็นเพียงแค่อาวุธวิเศษที่ใช้ได้เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น
  แต่หยางโปกลับไม่ได้รู้สึกผิดหวัง ตรงกันข้ามกลับเข้าใจเรื่องบางอย่างมากขึ้น บางทีในโลกของพลังลมปราณ เดิมอาวุธวิเศษอาจขาดแคลนอยู่ก็ได้ สำหรับคนส่วนใหญ่แล้ว ไม่ได้มีประสบการณ์เฉกเช่นเขา คงยากที่จะมารวบรวมอาวุธวิเศษไว้ในปริมาณมาก
  หยางโปกำลังจะเดินจากไป แต่ก็ถูกโจวซินขวางไว้ เขามองมาทางหยางโป “ ผมยังรู้สึกว่าคุณน่าจะรู้ว่าเหยียนหรูหยูไปที่ไหน ? ”
  หยางโปส่ายหน้า “ ถ้าผมรู้ คงบอกคุณไปนานแล้ว ยังจะให้คุณคอยตามติดผมอยู่อีกหรือไง ? ”
  โจวซินยังคงติดใจสงสัย “ บ้านของเหยียนหรูหยูอยู่ที่ไหน ? ”
  “ ผมก็ไม่รู้ ” หยางโปตอบ
  ในขณะที่พูด ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งก็เดินเข้ามาชายคนนั้นมีผมหงอกขาว แต่ใบหน้าเรียบเนียนสะอาด ดูน่าจะอยู่ในวัยสามสิบต้นๆเท่านั้น แต่น้ำเสียงของเขาดูแก่มาก “ หยางเต้าโหย่ว
  สวัสดี ผมเหลียงหรูซิง ”
  หยางโปอึ้งไปครู่หนึ่ง เพราะเขาสัมผัสได้ถึงพลังที่พุ่งพล่านจากตัวของอีกฝ่าย เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการแสดงออกถึงการดูดซับพลังปราณเข้าสู่ร่างกายที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ ! หยางโปได้พบกับชาวยุทธหลายท่านที่ดูดซับพลังเข้าสู่ร่างกาย แต่หลายคนเพิ่งจะเข้ามาสู่วงการไม่นาน คิดไม่ถึงว่าจะได้พบกับตัวบุคคลสำคัญเช่นนี้ในสถานที่แห่งนี้ !
  “ สวัสดีเหลียงเต้าโหย่ว ” หยางโปเอ่ยทักทาย
  เหลียงหรูหางยิ้ม ” หยางเต้าโหย่ว ไม่ทราบว่าไปนั่งในห้องรับแขกด้านในได้หรือเปล่า ? ”
  หยางโปรู้สึกแปลกใจที่เจอเข้ากับบุคคลสำคัญที่ดูเหมือนจะมีขั้นวรยุทธ์เทียบเท่าตัวเองเป็นครั้งแรก เขาพยักหน้าและตอบกลับไปว่า “ เหลียงเต้าโหย่วเชิญนำทาง ”
  เหลียงหรูซิงเดินนำหน้าหยางโป ไม่นาน ทั้งกลุ่มก็เดินเข้าไปในห้องรับแขกห้องหนึ่ง
  โจวซินและเสวียนจงเดินตามมาจนถึงห้าห้องประชุม โจวซินมีอาการลังเลเล็กน้อย แต่เสวียนจงกลับเดินตามเข้าไป
  โจวซินตกตะลึงไปครู่หนึ่งและรีบคว้าตัวเสวียนจงไว้อย่างรวดเร็ว ” ปกติคุณทำอะไรมักจะระมัดระวัง ทำไมวันนี้คุณถึงได้ประมาทเลินเล่อ ? เหลียงเต้าโหย่วผู้นั้นมีขั้นวรยุทธที่สูงมาก
  เกรงว่าจะเหนือผมไปอีก ”
  เสวียนจงพยักหน้า “ ผมรู้เรื่องนี้ ! ”.novel-lucky.
  โจวซินจ้องหน้าเสวียนจง “ คุณรู้แล้ว ทำไมยังจะเข้าไปหาเรื่องข้างในอีก ? ”
  “ เพราะว่าผมกับเหลียงเต้าโหย่วเป็นศัตรูเก่ากัน ” เสวียนจงตอบ
  โจวซินนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าเสวียนจงเดินเข้าไปแล้ว เขาจึงทำได้เพียงก้าวเท้าเดินตามไป
  เหลียงหรูซิงเชิญให้หยางโปนั่งลง และยกถ้วยชาขึ้นมาช่วยหยางโปรินชา น้ำชาใสและหอมมาก ในห้องเต็มไปด้วยกลิ่นหอมตลบอบอวล หยางโปนั่งลงเงียบๆโดยที่ไม่พูดอะไร
  ฮัวชิงหยุนนั่งด้านข้าง รู้สึกแปลกๆ เธอชายตามมองเหลียงหรูซิงแล้วมองไปที่หยางโปอีกครั้ง
  และรู้สึกว่าคนสองคนดูเหมือนจะมีคุณสมบัติเฉพาะตัวที่คล้ายคลึงกัน แต่ก็ไม่สามารถบอกได้ว่ามีความคล้ายคลึงกันที่ตรงไหน เมื่อสักครู่ได้ยินอีกฝ่ายเรียกหยางโปว่า ” เต้าโหย่ว ” จู่ๆเธอก็รู้สึกเหมือนได้เปิดหูเปิดตา !
  สิ่งที่ทั้งสองมีความคล้ายคลึงกันคือคุณสมบัติประจำตัวของพวกเขา คุณสมบัติประจำตัวที่สง่างามแบบนั้น ที่ทำให้สัมผัสได้ถึงความตื่นตะลึง !
  หยางโปจะละทางโลกจริงๆเหรอ ?
  เฉาหยวนเต๋อก็ขมวดคิ้วขึ้นเช่นกัน ก่อนหน้าที่เขาเตือนหยางโป ว่าอย่างจมปลักอยู่กับวิทยายุทธ์ คิดไม่ถึงว่าหยางโปจะทำเป็นไม่ได้ยินที่เขาพูด !
  แต่พอเข้าไปในห้องรับแขกของคนอื่นในเวลานี้ พวกเขาก็ไม่รู้จะเอ่ยปากพูดอะไร
  ไม่นาน เสวียนจงก็เดินเข้ามา และไปยืนอยู่ด้านข้าง แต่ไม่ได้พูดอะไร
  โจวซินรีบเข้ามาโดยที่ไม่ดูตาม้าตาเรือ และนั่งลงอย่างโอ้อวดโดยที่ไม่เอ่ยปากทักทายใดๆ
  สายตาจับจ้องไปที่เหลียงหรูซิงทำราวกับว่าค้นพบอะไรบางอย่าง
  เหลียงหรูซิงรินน้ำชาให้หยางโปทั้งสามคน จากนั้นก็เหลือบมองไปที่โจวซินอีกครั้ง
  แต่ไม่ได้สนใจเขา แต่หันไปกวักมือเรียกเสวียนจง ” ประธานเสวียน รีบมานั่งเร็ว ! ”
  เสวียนจงดูเกรงอกเกรงใจมาก “ ต่อหน้าผู้อาวุโสเหลียง ผู้น้อยไม่กล้า… ”
  ไม่รอให้เสวียนจงพูดจบ เหลียงหรูซิงก็พูดขัดขึ้น ” อย่าดูถูกตัวเองมากเกินไป คุณเป็นถึงประธานของชุมนุมยุทธภพ ออกไปไหนมาไหน เป็นตัวแทนของศักดิ์ศรีและเกียรติ นั่งเถอะนะ ! ”
  เสวียนจงมีอาการลังเลเล็กน้อยแต่ก็นั่งลง ยังไงซะ เขาก็ยังคงเลือกตำแหน่งที่ต่ำกว่า เมื่อเห็น
  เหลียงหรูซิงรินชาให้เขา ก็รู้สึกค่อนข้างที่จะหวาดกลัว แต่เหลียงหรูซิงแค่ยิ้มให้เล็กน้อย และยังคงทำเหมือนเดิม
  ไม่นานหลังจากรินชาให้ เหลียงหรูซิงถึงได้หันไปทางหยางโป ” ก่อนหน้านี้เคยได้ยินเสวียนจงเอ่ยถึงหยางเต้าโหย่วมาก่อน พอมาเจอกันวันนี้ ช่างเป็นคนกล้าหาญจริงๆ ! ”
  “ เหลียงเต้าโหย่วชมเกินไปแล้ว ” หยางโปไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของอีกฝ่าย ดังนั้นจึงทำได้เพียงพูดออกมาอย่างเกรงใจ
  เหลียงหรูซิงยิ้ม “ นี่เป็นครั้งแรกที่เราได้พบกัน ผมมุ่งมั่นฝึกบำเพ็ญเพียรอยู่ในตี้จิงมาก็นานหลายปีแล้ว ชาวยุทธส่วนใหญ่ในตี้จิง ผมรู้จักหมด แต่อย่างหยางเต้าโหย่วที่อายุยังน้อยและมีสติปัญญาเป็นเลิศอย่างนี้ พบเห็นได้ยากมาก ! ”
  หยางโปเหลือบมองเหลียงหรูซิง “ เหลียงเต้าโหย่วฝึกบำเพ็ญเพียรอยู่ในโลกมนุษย์ ถือว่าเป็นแบบอย่างของผมเลย ! ”
  เหลียงหรูซิงหัวเราะเสียงดังลั่น คำพูดเหล่านี้ก็แค่พูดเอาใจเท่านั้น เขายิ้ม “ หยางเต้าโหย่ว
  ผู้บำเพ็ญเพียรในโลกใบนี้เป็นเหมือนครอบครัวเดียวกัน ไม่ทราบว่าหยางเต้าโหย่วยินดีที่จะแบ่งปันกันไหม ? ”
  “ แบ่งปันอะไร ? ” หยางโปเหลียวมองเหลียงหรูซิง
  “ ข้าเหลียงหรูซิงฝึกฝนบำเพ็ญเพียรมาหลายสิบปีแล้ว ได้เห็นความรุ่งเรืองและเสื่อมถอยของแต่ละสำนักในยุทธภพมามาก ในสายตาของข้าเหลียงหรูซิงแล้ว ทั้งหมดนี้เป็นเพราะว่าแต่ละสำนักต่างก็หวงแหนวิชาของตัวเอง ถ้าหากทุกคนสามารถแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันได้ มันคงเป็นบุญวาสนาของชาวยุทธในใต้หล้านี้ ! ” เหลียงหรูซิงกล่าว
  หยางโปเข้าใจในทันที เขาได้พบกับผู้บำเพ็ญเพียรสันโดษอีกครั้ง และอีกทั้งยังเป็นผู้บำเพ็ญเพียรสันโดษที่มีพลังที่แข็งแกร่ง มันคงยากมากที่ท่านผู้นี้จะได้พบเจอกับคนที่มีวรยุทธในระดับเดียวกัน บวกกับหยางโปที่ยังอายุน้อย หลังจากที่คิดว่าเขาเป็นบุคคลสำคัญ ดังนั้นเลยคิดที่แลกเปลี่ยนความรู้ด้วย
  หยางโปหันหน้ากลับมามองโจวซิน ไม่มีถ้วยน้ำชาอยู่ตรงหน้าโจวซิน ดูเหมือนเหลียงหรูซิงจะจงใจไม่รินชาให้โจวซิน สิ่งนี้มันทำให้โจวซินค่อนข้างที่จะหงุดหงิด และแสดงสีหน้าไม่พอใจ
  หยางโปเกิดความคล้อยตาม เขาผายมือไปทางโจวซิน “ เกรงว่าเหลียงเต้าโหย่วยังจะไม่ทราบตัวตนของเต้าโหย่วท่านนี้ โจวเต้าโหย่วเป็นลูกหลานของตระกูลโจว มีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี ติดต่อสัมพันธ์กับสำนักที่ซ่อนตัวมาก็มากมาย สู้มาพูดคุยกันไม่ดีกว่าเหรอ ”
  เหลียงหรูซิงตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันไปมองหน้าเสวียนจง เสวียนจงพยักหน้าให้เล็กน้อย เขาจึงถือกาน้ำชาและคิดที่จะรินชาให้โจวซิน แต่นึกไม่ถึงว่าโจวซินจะไม่รับน้ำใจ “ ไม่ต้องล่ะ
  ผมไม่ดื่ม แค่พูดคุยกันก็พอ ผมไม่ค่อยมีทักษะฝีมือ ไม่ได้มีประสบการณ์อะไร เกรงว่าไม่มีเรื่องอะไรจะพูดด้วย ทั้งสองท่านพูดคุยกันไปเถอะ ! ”
  พอพูดจบ โจวซินก็ลุกขึ้นหันหลังและเดินจากไป
  เหลียงหรูซิงชักสีหน้าทันที เขาอยู่ในตี้จิงมาก็หลายปี และยังเป็นที่เคารพของผู้คน มีหรือจะถูกหยามเกียรติแบบนี้มาก่อน จึงตะคอกเสียงดังออกมาทันทีว่า ” หยุดเดี๋ยวนี้นะ ! ”