หลายนาทีต่อมา
การปะทะก็หยุดลง หวังซูฉินใช้ดาบของเธอเป็นไม้เท้า และมีบาดแผลใหม่อยู่เต็มตัว
รอบตัวเธอคือคนคุ้มกันทั้งสิบเอ็ดคนที่ล้มตายกันหมด หน้าตาของพวกเขานั้นชั่วร้าย
“น่าประทับใจจริง” เฉินเฉินชื่นชมเธอในขณะที่มองไปที่ศพ
ด้วยการจ้องเฉินเฉินที่ยังไม่เปื้อนฝุ่นเลยซักนิด ดวงตาของหวังซูฉินก็เต็มไปด้วยความโกรธแค้นอย่างถึงขีดสุด เธอพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “หยาบช้า”
“เจ้าอยากพูดเรื่องกฏกับข้า ข้าก็เลยพูดเรื่องกฏกับเจ้า เจ้าอยากใช้กำลังกับข้า ข้าก็เลยใช้กำลังกับเจ้า นี่ข้าหยาบช้าตรงไหนกัน?”
เฉินเฉินยิ้มในขณะที่พูด
หวังซูฉินพูดอะไรไม่ออก ในจุดนี้เธอมีแค่ความเกลียดชังและความอิจฉาอยู่ในใจ
เจ้าคนจากครอบครัวชั้นต่ำแบบนี้ยังสามารถเข้าสู่เส้นทางแห่งการฝึกตนได้ แต่เธอทำไม่ได้ได้ยังไงกัน!
เธอเกลียดความไม่ยุติธรรมของสวรรค์!
ในจังหวะต่อมา เธอก็หันไปหาม้าแล้วพยายามจะหนีในทันที
แต่ในตอนที่เธออยู่บนม้า เสียงบางอย่างตัดผ่านอากาศก็ดังขึ้น
ก่อนที่เธอจะได้ตอบสนอง มีดอันคมกริบก็แทงทะลุหน้าอกของเธอแล้ว
เธอพยายามหันกลับไปมอง และเห็นเจ้าเด็กที่ยืนอยู่หน้าแผ่นหินด้วยรอยยิ้มเช่นเคย มันเหมือนกับว่าไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นเลย
ณ จุดนี้ความโกรธของหวังซูฉินได้พุ่งถึงขีดสุด จากนั้นเธอก็ตกจากหลังม้า หัวใจของเธอยังคงดิ้นรนไม่ยอมแพ้จนกระทั่งลมหายใจดับไปในที่สุด
เฉินเฉินไม่ได้พูดอะไร เขาเดินเข้าไปหากลุ่มคนอย่างเงียบๆ ทำให้คนคุ้มกันที่ยังมีชีวิตอยู่แตกตื่น และไม่นานนัก คนของตระกูลหวังก็ไม่มีใครมีชีวิตรอด
ชาวบ้านทุกคนในหมู่บ้านหินมองภาพตรงหน้าด้วยความหวาดกลัว
เฉินเฉินถอนหายใจ เขาไม่ได้หันกลับไปมองชาวบ้านและพ่อแม่ของเขา เขาแค่พูดออกมาอย่างราบเรียบ “นี่คือยุคสมัยที่ยากลำบาก และบางครั้งการฆ่าก็เป็นสิ่งจำเป็นที่จะหยุดคนอื่นจากการฆ่า”
หลังจากนั้นเขาก็ขึ้นไปขี่ม้าสีขาวของหวังซูฉิน
ก่อนที่เขาจะออกเดินทางไปเยี่ยมตระกูลหวังนั้นเอง เสียงของแม่ของเขาก็ดังมาจากข้างหลัง
“ลูกเฉิน ระวังตัวด้วยนะ!”
เมื่อได้ฟังเช่นนี้ เฉินเฉินก็หยุดลงครู่นึง แล้วเขาก็ขี่ม้าออกไปโดยไม่รีรออะไรอีก
…
“ท่านเจ้าของประสบความสำเร็จ สังหาร และได้รับรางวัลเป็นโอกาสในการตรวจจับในรัศมีสิบกิโลเมตรหนึ่งครั้ง”
เฉินเฉินยิ้มในตอนที่ได้รับข้อมูลนี้ในสมองของเขา
ถึงจะด้อยกว่าการตรวจจับเดิมที่ครอบคลุมมณฑลเสฉวนทั้งหมด แต่การตรวจจับสิบกิโลเมตรก็ยังน่าประหลาดใจอยู่ดี
แต่แทนที่จะรีบใช้โอกาสนี้ เฉินเฉินได้มุ่งหน้าไปยังบ้านของตระกูลหวังต่อ
“ระบบ ในระยะ 15 เมตรมีสิ่งมีค่าที่สำคัญๆรึเปล่า?”
“ไม่มี”
…
ตลอดการเดินทาง เฉินเฉินได้ใช้ประโยชน์จากระบบอย่างถึงขีดสุด ถึงยังไง เขาก็มีเครื่องทุ่นแรงในการเดินทางแล้วมันจึงไม่มีเหตุผลอะไรให้ถอดใจจากโอกาสในการค้นหาดีๆแบบนี้
เขามีแผนการอยู่คร่าวๆ เขาอาจจะได้เป็นเซียนดาบก็ได้ ในตอนนั้นเขาจะขี่ดาบไปตามหาสมบัติทั่วภูเขาและหุบเขาในประวัติศาสตร์ มันฟังดูน่าตื่นเต้นดีใช่ไหมหล่ะ?
ในขณะที่เขาทำการร่างแผนคร่าวๆอยู่ในใจนั้น ระบบก็ตอบเขาต่างไปจากเดิมในสมองของเขา
“มีสุสานกำลังจะพังลงมา ที่ใต้ดินสิบสี่เมตรทางซ้ายของท่านค่ะ มันเก็บของมีค่าเอาไว้มากมาย
เมื่อได้ฟังเช่นนี้ เฉินเฉินก็ตื่นตัวในทันที
“สุสาน! ดูเหมือนว่าจะมีการค้นพบที่น่าประหลาดใจอยู่จริงๆสินะ!”
ในทางทฤษฎีนั้น เขาเป็นเด็กหนุ่มนิสัยดีที่ไม่น่าจะขโมยของจากสุสาน แต่ในเมื่อสุสานนี้กำลังจะพัง เขาก็ไม่น่าจะถูกกล่าวโทษสำหรับการกระทำของเขาใช่ไหมหล่ะ?
เมื่อคิดได้แบบนี้ เขาก็กระโดดลงจากม้าแล้วตรงไปยังตำแหน่งที่ระบบบอก
มันเป็นแค่ทุ่งหญ้าธรรมดาที่อยู่ติดถนน ด้วยทุ่งหญ้าที่อยู่ข้างบนนั้น มันไม่มีวี่แววว่าจะเกิดความผิดปกติเลย ไม่ต้องพูดถึงสุสานที่อยู่ด้านล่างด้วย
เฉินเฉินเดินไปเหยียบมันเล็กน้อย แต่ก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไร
จากนั้นเขาก็ลองกระทืบพื้น ทันใดนั้นเอง พื้นก็ทรุดตัวลงไป
ต้องขอบคุณที่เฉินเฉินตอบสนองได้อย่างรวดเร็วมากๆในจุดนี้ ในตอนที่พื้นดินทรุดนั้นเขาก็ได้กระโดดออกมาจากระยะ
ในตอนที่ฝุ่นเบาบางลงแล้ว เขาก็เดินเข้าไปดูใกล้ๆ และก็ได้ทำการค้นพบที่น่าสนใจเข้า
มีโลงศพอยู่ ซึ่งมันมีสภาพโทรมสุดๆ แม้แต่กระดูกข้างในก็ยังป่นไปแล้ว เหลือเอาไว้แค่ผงกระดูกที่ถูกทิ้งเอาไว้
นอกจากนี้ ยังมีกับดักป้องกันโจรและเฟืองหมุนอยู่ด้วย ดูเหมือนว่ากับดักพวกนี้คงจะค่อนข้างซับซ้อนใช้ได้เลยในตอนที่พวกมันยังทำงานดีอยู่
แต่ในจุดนี้ ทั้งหมดที่เหลืออยู่ก็คือหนามเหล็กผุพังที่ตั้งชี้ขึ้นฟ้าเท่านั้น
‘สุสานนี้น่าจะมีอายุมากกว่ามณฑลเสฉวนอีกมั้งเนี่ย!’ เฉินเฉินพูดกับตัวเอง แล้วขุดดินด้วยความระมัดระวัง
ไม่นานนักเขาก็พบกล่องไม้ที่ทำขึ้นมาอย่างประณีตอยู่ข้างในสุสาน
ด้วยวัสดุที่ไม่รู้จัก กล่องยังมีสภาพดีอยู่และส่งกลิ่นหอมอ่อนๆออกมาด้วยแม้ว่าโลงศพกับกระดูกจะผุพังไปหมดแล้วก็ตาม
ต้องมีของมีค่าอยู่ข้างในกล่องไม้นี้แน่ๆ
เพื่อเป็นการระวังกลไกป้องกันโจรที่อาจจะมีอยู่ เฉินเฉินได้ใช้ความระมัดระวังอย่างเต็มที่ด้วยการเอากิ่งไม้พลิกเปิดกล่อง
แต่ดูเหมือนว่าเขาจะคิดมากเกินไป มันไม่มีกลไกอยู่ข้างในเลย ทั้งหมดที่อยู่ข้างในก็คือแผ่นพับหยกสองเล่มและขวดหยกใบเล็กๆ
ข้างในขวดหยกนั้น มีของเหลวบางอย่างหลงเหลืออยู่ และเห็นได้ชัดว่ามันไม่ได้มีไว้กิน
เฉินเฉินส่ายหัว จากนั้นก็หยิบแผ่นพับหยกทั้งสองออกมา
แผ่นพับแรกเขียนว่า “เคล็ดสื่อวิญญาณหยีมู่”
แผ่นพับที่สองเขียนว่า “การควบคุมเพลิง”
‘พวกนี้คือวิชาของผู้ฝึกตนหรอ?’
เฉินเฉินตกตะลึงในขณะที่เขามองเศษธุลีที่อยู่ข้างในสุสาน
เขาคิดไม่ถึงเลยว่าผู้ที่หลับไหลนั้นจะเป็นเซียน
แต่เห็นได้ชัดเลยว่าเขาไม่ได้มีระดับที่สูงนัก มันเหมือนกับว่าเขาอยู่ระดับพอๆกับเฉินเฉิน แค่ช่วงสูงสุดของฝึกพลังปราณ ไม่อย่างนั้นกระดูกของเขาคงจะไม่เป็นผุยผงแบบนี้หรอก
ในส่วนของ ‘ตำราวิชา’ พวกมันก็ไม่น่าจะเป็นเทคนิคที่สุดยอดอะไร
อย่างไรก็ตามเฉินเฉินก็ไม่ได้ทิ้งมัน เคล็ดสื่อวิญญาณหยีมู่คงพักไว้ก่อน เขาเริ่มอ่านรายละเอียดของตำราควบคุมเพลิง
สิ่งที่เรียกว่า “การควบคุมเพลิง” นั้นโดยพื้นฐานแล้วก็คือทักษะในการหมุนเวียนพลังปราณ เพราะไม่ว่าจะเป็นพรสวรรค์ที่สูงส่งของเฉินเฉินหรือความยากระดับต่ำของการควบคุมเพลิง เฉินเฉินก็สามารถใช้พลังปราณของเขาและจุดไฟเล่นที่ปลายนิ้วได้หลังจากที่อ่านผ่านๆ
ที่สำคัญที่สุด เขาไม่ได้รู้สึกเจ็บที่นิ้วเลย
‘น่าสนใจ!’
สายตาของเฉินเฉินเปล่งประกาย ในที่สุดเขาก็ได้เจอสิ่งที่น่าสนใจที่อยู่เกินเอื้อมมือเขาในชีวิตก่อน
ด้วยความที่ต้องรีบไปล้างบางตระกูลหวัง เฉินเฉินจึงไม่ได้ใช้เวลาที่นี่อีก เขารีบเก็บแผ่นพับหยกแล้วฝังสุสานอีกครั้ง
ถึงยังไง ในเมื่อได้รับของมาจากคนผู้นี้แล้ว เขาก็ควรจะแสดงความขอบคุณบ้างด้วยการไม่ปล่อยให้ร่างของเขาเปิดเผยในที่แจ้ง แม้ว่ากระดูกของสหายผู้ฝึกตนคนนี้จะแทบไม่เหลือแล้วก็ตาม
ในตอนที่เฉินเฉินฝังสุสานเสร็จแล้วเตรียมตัวจะจากไปนั้นเอง เสียงม้าวิ่งก็ดังมาจากสุดถนน ไม่นานนัก คนหลายสิบคนก็เข้ามาในระยะสายตาของเขา
“อย่าหนีนะ!”
“ฆ่าเขาซะ!”
“วันนี้คือวันตายของเจ้า!”
เมื่อมองฉากตรงหน้า สีหน้าของเฉินเฉินก็แสดงความร้ายกาจออกมา
และหลังจากที่รู้ว่าใครถูกไล่ตาม สีหน้าของเขาก็ยิ่งร้ายกาจขึ้นไปอีก
“นี่มันอะไรของท่านจางคนนี้เนี่ย? เขาถูกไล่ล่าและเกือบถูกฆ่าไม่เว้นวันเลยรึไง! ขอวันที่สงบๆซักวันนึงไม่ได้หรอ?”
หลังจากแสดงความคิดเห็นอยู่ในใจ เฉินเฉินก็มองเข้าไปในสุสาน และหัวใจของเขาก็หวาดกลัวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
เป็นไปได้ไหมว่าตำราหยกสองเล่มที่เขาพึ่งเจอนั้นควรจะเป็นท่านจางต่างหากที่เป็นคนหามันพบ?”
ท่านจางคนนี้มันอะไรกัน? เขาเป็นลูกลับๆของสวรรค์หรืออะไรเทือกนั้นรึไง?
ในขณะที่กำลังครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่นั้นเอง เสียงเรียกด้วยความกังวลจากท่านจางก็ดังมาจากที่ไกลๆ
“หนุ่มน้อยช่วยหลบไปด้วย! พวกคนที่ไล่ตามข้ามานั้นฆ่าคนได้โดยไม่กระพริบตาเลยนะ!”
เมื่อได้ฟังดังนี้ เฉินเฉินก็ออกไปจากถนนด้วยม้าของเขา
ม้าประมาณสิบตัวมาถึงเฉินเฉินในเวลาไม่นาน กลุ่มที่ไล่ตามท่านจางอยู่นั้นสวมเครื่องแบบคล้ายๆกับคนคุ้มกันของตระกูลหวัง พวกเขาน่าจะเป็นคนคุ้มกันของตระกูลเดียวกัน
ในตอนที่ท่านจางวิ่งผ่านเฉินเฉินกับม้าของเขา คนคุ้มกันคนนึงที่ไล่ตามหลังเขาก็สังเกตเห็นกล่องไม้ที่อยู่ในมือของเฉินเฉิน สายตาของเขาฉายความโลภออกมาอย่างกระทันหัน และตะโกนออกมา “เจ้านั่นมีกล่องที่ทำมาจากไม้กฤษณาอยู่ในมือด้วย!”
ครืดด!
เมื่อได้ฟังดังนั้น คนคุ้มกันทุกคนที่ไล่ตามท่านจางก็หยุดม้าของพวกเขาในขณะที่หันไปมองเฉินเฉินที่ยืนอยู่ข้างถนน