Chapter 18 โปรดรับความเคารพจากข้าด้วย

ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything

“เจ้าหนู อะไรอยู่ในกล่องนั่น?” หัวหน้าคนคุ้มกันถามด้วยความมุ่งร้าย

 

“พวกเจ้ามาจากตระกูลเจาหรอ?”

 

เฉินเฉินไม่ได้ตอบ แต่ถามกลับไปแทน

 

ตระกูลเจาเป็นตระกูลที่ใหญ่ที่สุดในมณฑลเสฉวน มีข่าวลือว่าพวกเขาเริ่มจากการเป็นกลุ่มโจรขี่ม้า ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเปลี่ยนตัวเองใหม่แล้ว พวกเขาก็ยังออกปล้นเป็นบางครั้ง

 

มีสามตระกูลใหญ่อยู่ในมณฑลเสฉวน ตระกูลหวังไม่ได้สวมเสื้อผ้าแบบนี้ และด้วยความที่ลูกชายของตระกูลจางถูกไล่ล่าอยู่ ตัวตนของคนพวกนี้จึงคาดเดาได้อย่างง่ายดาย

 

“ถ้ารู้ว่าพวกเรามาจากตระกูลเจาก็ส่งสิ่งนั้นมาแล้วไสหัวไปให้พ้นซะ!” คนคุ้มกันคนนึงตะโกนแล้วชักมีดออกมา

 

พวกเขากำลังรีบไล่ล่าเป้าหมายอยู่เลยเสียเวลามากไม่ได้

 

ตึก ตึก ตึก!

 

เขาคิดไม่ถึงเลยว่านายน้อยจางจะกลับมาในช่วงเวลาแบบนี้

 

“ถ้าอยากฆ่าข้า ก็ไล่ล่าข้าคนเดียวสิ ทำไมถึงต้องไปหาเรื่องเด็กหนุ่มคนนี้ด้วย?” ท่านจางตะโกนในขณะที่ถือดาบของเขา

 

ดวงตาของเฉินเฉินกระตุกในตอนที่ได้ยินคำพูดของเขา ท่านจางคนนี้เป็นคนที่ใสซื่อจริงๆ…

 

อะไรกัน นี่เขาอยากถูกไล่ล่าและถูกฆ่าตายหรอ!?

 

อันที่จริง ความคิดของท่านจางกำลังอยู่ในความสับสน เขามีพรสวรรค์พิเศษมาตั้งแต่ยังเด็ก นั่นก็คือความทรงจำของเขานั้นมีความโดดเด่นมาก

 

ในวันที่เขาถูกนักฆ่าที่ตระกูลเจาส่งมาไล่ล่า เด็กหนุ่มคนนึงที่ปิดหน้าอยู่ได้กระโดดลงจากหน้าผาอย่างกระทันหันเพื่อดึงดูดความสนใจของนักฆ่า ทำให้เขาสามารถหาโอกาสหนีไปได้

 

เขาจดจำเสียงของเด็กชายคนนั้นเอาไว้ในส่วนลึกของจิตใจ และมักจะไว้อาลัยให้เขาอยู่บ่อยๆ

 

ในตอนนี้เอง เมื่อเขาได้ฟังเด็กหนุ่มพูด เสียงของเขานั้นตรงกับเสียงของชายปิดหน้าในวันนั้นเลย!

 

ซึ่งนี่ทำให้เขาหันกลับมามองโดยไม่ได้ตั้งใจ

 

และหลังจากที่เพ่งดูดีๆ รูปร่างภายนอกของเขาก็ตรงกันด้วย

 

ในตอนนี้เอง เขาก็ยืนยันได้แล้วว่าเด็กหนุ่มคนนี้คือผู้ช่วยชีวิตของเขา แต่เขาไม่รู้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้สามารถเอาตัวรอดหลังจากกระโดดหน้าผาได้ยังไง

 

ผู้ช่วยชีวิตได้ช่วยเขาเอาไว้โดยที่ยังไม่ได้รับการขอบคุณเลย ดังนั้นเขาจะทนให้เขาตกอยู่ในอันตรายอีกครั้งได้ยังไงกัน?

 

สติของเขาคงไม่ยอมให้ทำเช่นนั้น เขาจึงหันหลังกลับมา

 

เมื่อเห็นท่านจางย้อนกลับมาให้จับตัว หัวหน้าคนคุ้มกันของตระกูลเจาก็หัวเราะอย่างเต็มที่จนหายใจตามไม่ทัน

 

“ฮ่าฮ่า! มีข่าวลือว่าท่านจางเป็นคนที่ฉลาดมากๆมาตั้งแต่ยังเด็ก แต่นี่….ข้านึกไม่ถึงเลยนะว่าจะโง่ขนาดนี้!”

 

คนคุ้มกันคนอื่นเองก็หัวเราะเยาะ แทนที่จะหนีไป ท่านจางได้ย้อนกลับมาแล้วถามพวกเขาว่าทำไมถึงไม่ไล่ต่อ แบบนี้จะไม่เรียกว่าโง่ได้ยังไง?

 

เขาเป็นพวกปัญญาอ่อน!

 

“น้องชาย หนีไปเถอะ ข้าจะขวางพวกมันไว้ให้เอง!”

 

ท่านจางไม่สนใจเสียงหัวเราะเยาะแล้วตรงเข้ามาหาเฉินเฉิน

 

เฉินเฉินถึงกับพูดไม่ออกในตอนที่ได้เห็นภาพนี้ เจ้าหมอนี่ชอบทำตัวเป็นฮีโร่เหมือนกับจางอู๋จีเลย

 

“ไม่มีทางเป็นไปตามที่เจ้าหวังหรอกหน่า!” ตอนนี้หัวหน้าคนคุ้มกันกำลังอารมณ์ดีอยู่ และด้วยการสะบัดมืออย่างกระทันหัน คนกลุ่มนึงก็ออกมาจากข้างหลังเขาแล้วโอบล้อมท่านจางเอาไว้อย่างสมบูรณ์ ในขณะที่ตัวเขานั้นวิ่งเข้าไปหาเฉินเฉิน

 

‘ทำไมถึงคิดว่าข้าอยากจะหนีหล่ะ? พวกเจ้ากล้ามาปล้นข้าได้ยังไง!? ข้าคิดว่าพวกเจ้านั่นแหล่ะที่จะเจอปัญหา’

 

เฉินเฉินสบถในใจและในเวลาเดียวกันนั้นก็ใช้วิชาควบคุมเพลิงของเขาอย่างเงียบๆ แล้วนิ้วของเขาก็สว่างขึ้นมาในเวลาไม่นาน

 

ท่านจางทั้งประหลาดใจและรู้สึกโกรธในขณะที่ตะโกน “ท่านผู้มีพระคุณโปรดระวังตัวด้วย!”

 

ในทันทีที่เขาพูด เฉินเฉินก็ชี้นิ้วไปยังคนคุ้มกันที่วิ่งเข้ามาอย่างกระทันหัน แล้วยิงลูกไฟขนาดเท่านิ้วมือตรงไปหาชายคนนั้น

 

ทันใดนั้นเอง คนคุ้มกันก็ถูกไฟคลอกและตกลงมาจากหลังม้าด้วยเสียงตุ๊บ

 

หลังจากดิ้นรนอยู่ช่วงสั้นๆ เขาก็หยุดเคลื่อนไหว จากนั้นก็มีรอยสีดำรูปร่างมนุษย์เหลือทิ้งเอาไว้ข้างถนน ซึ่งเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าคนคุ้มกันผู้นี้เคยมีตัวตนอยู่ในโลกนี้

 

“พลังนี้มัน…” นัยตาของเฉินเฉินสั่นเล็กน้อย เขาไม่รู้สึกถึงอุณหภูมิของไฟเลย เขาคิดไม่ถึงด้วยซ้ำว่าพลังมันจะน่าหวาดหวั่นถึงเพียงนี้

 

คนๆนึงถูกเผาเป็นตอตะโกในเวลาแค่ไม่กี่วินาที

 

ด้วยผลลัพธ์เช่นนี้ เขาสามารถทำธุรกิจรับเผาศพในชีวิตก่อนได้เลย

 

ในขณะที่กำลังตกใจอยู่นั้น คนคุ้มกันของตระกูลเจาที่เห็นเหตุการณ์ก็ตกใจและหวาดกลัวยิ่งกว่า

 

พวกเขากลัวจนไม่สามารถถืออาวุธได้อย่างมั่นคงอีก

 

“ซ…เซียน!”

 

“เขาเป็นเซียน!”

 

เมื่อได้ยินเสียงร้องของพวกเขา เฉินเฉินก็จ้องพวกเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ และม้าทุกตัว รวมทั้งของท่านจาง ก็เงยหน้าขึ้นพร้อมกับส่งเสียงร้อง และสะบัดคนขี่ตกพื้นกันหมด

 

ท่านจางนั้นมีทักษะที่เยี่ยมยอดมากๆ หลังจากที่เขาลงพื้นได้อย่างมั่นคง เขาก็เริ่มฆ่าพวกที่ตื่นกลัวโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง มันใช้เวลาไม่นานก่อนที่ทั้งกลุ่มจะตายกันหมด

 

หลังจากจัดการทั้งหมดนี่แล้ว ท่านจางก็หันกลับมามองเฉินเฉิน สายตาของเขานั้นซับซ้อน

 

เมื่อซักครู่ ในตอนที่เขาได้เห็นเฉินเฉินยิงไฟออกมานั้น เขาก็รู้แล้วว่าเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขาไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา

 

เขาไม่นึกเลยว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะช่วยเหลือเขาอีกครั้งหลังจากที่เคยช่วยเอาไว้เมื่อครั้งก่อน

 

ความรู้สึกยินดีจากการถูกช่วยเอาไว้ถึงสองครั้งทำให้ความรู้สึกขอบคุณของเขารุนแรงเหมือนกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก

 

ดังนั้นโดยไม่พูดอะไรให้มากความ เขาจึงคุกเข่าลงต่อหน้าเฉินเฉิน

 

“ข้าจางจีผู้นี้ ขอขอบคุณพี่ใหญ่ที่ช่วยชีวิตข้าไว้ถึงสองครา!”

 

จางจี….

 

พอได้ยินชื่อนี้ เฉินเฉินก็ถึงกับพูดไม่ออก มีอีกคนที่ชื่อจางอู๋จี และเขาคนนี้ก็ชื่อจางจี

 

ว่าแต่ทำไมเขาถึงถูกเรียกว่าพี่ใหญ่หล่ะ? ก็เห็นๆอยู่ว่าอีกฝ่ายแก่กว่าเขาตั้งเยอะ!

 

เขาไม่อยากพูดอะไรให้มากความ ถ้าอีกฝ่ายอยากเรียกเขาว่าพี่ใหญ่ เขาก็จะไม่ดึงดันเป็นน้องเล็ก

 

“ลุกขึ้นเถอะ ข้าแค่ทำไปตามใจชอบหน่ะ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก”

 

เฉินเฉินหมายความตามนั้นจริงๆ

 

จางจีคนนี้ต้องเป็นลูกลับๆของสวรรค์แน่ๆ เขาวิ่งไปเจอโอกาสดีๆทุกที่เลย

 

ทุกครั้งที่เฉินเฉินแย่งโอกาสดีๆมาจากชายคนนี้ เขาก็จะต้องช่วยเขาเพื่อตอบแทนมันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เขาเกรงว่าทั้งหมดนี้จะเป็นสิ่งที่สวรรค์จัดแจงเอาไว้ให้

 

สีหน้าของจางจีดูจริงจังยิ่งขึ้นในตอนที่เขาได้ฟังเช่นนี้ แล้วเขาก็พูดออกมาอย่างจริงจัง “ถึงแม้ว่าพี่ใหญ่จะช่วยเหลือจางจีผู้นี้ตามอำเภอใจ แต่ท่านก็ทำให้ข้ายังอยู่รอดได้ถึงตอนนี้! จางจีผู้นี้จะจดจำความใจดีนี้เอาไว้ ถ้าพี่ใหญ่สั่ง จางจีก็จะบุกน้ำลุยไฟเพื่อท่านโดยไม่ลังเล!”

 

เมื่อได้ฟังเช่นนี้ เฉินเฉินก็รู้สึกเขินเล็กน้อย เขาช่วงชิงโอกาสของคนอื่นมา แต่คนๆนั้นกลับคุกเข่าแล้วขอบคุณเขา แบบนี้มันก็ยังไงๆอยู่นะ…

 

ด้วยความคิดนี้เอง เขาได้ช่วยดึงจางจีให้ลุกขึ้นมา

 

เมื่อเห็นใบหน้าอันหล่อเหลาแต่มีความน่าดึงดูดน้อยกว่าเขาเล็กน้อยอยู่ตรงหน้า เฉินเฉินก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขาถามคำถามนี้ในใจ “ระบบ ใครเป็นคนที่มีโชคมากที่สุดในรัศมี 15 เมตร?”

 

“เขาอยู่ตรงหน้าแล้วค่ะท่านเจ้าของ ด้วยโชคลาภที่เปี่ยมล้นและการอวยพรจากสวรรค์ เขาคือชายแห่งโชคชะตาที่หาได้ยากในรอบหลายพันปี”

 

เมื่อได้ฟังความคิดเห็นของระบบ เฉินเฉินก็สบถในใจ

 

และไม่นานนักเขาก็มีอีกความคิดนึงผุดขึ้นมา

 

ถ้าเขายอมรับจางจีเป็นพี่น้อง ผนวกกับระบบตรวจจับของเขา เขาก็จะไร้เทียมทานใช่ไหม?

 

ต่อให้เขาทำได้แค่ตรวจจับในระยะไม่กี่สิบเมตร แต่เขาก็จะมีโอกาสเพิ่มขึ้นมาก….

 

ด้วยความคิดนี้เอง เฉินเฉินก็เผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา

 

“น้องชาย ทั้งหมดนี้มันต้องมีความหมายแน่ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะโชคชะตา ข้าจะช่วยเจ้าเอาไว้ถึงสองคราได้ยังไง?”

 

จางจีตัวสั่นระริกในตอนที่ได้ยินคำนำหน้าว่าน้องชาย

 

 

หลังจากผ่านไปไม่กี่นาที ทั้งสองก็สนิทกันเหมือนกับพี่น้องร่วมสายเลือด

 

แน่นอนว่า ส่วนหนึ่งนั้นเป็นผลมาจากการล่อลวงของเฉินเฉิน

 

ประสบการณ์จากสองชีวิต ผนวกกับทักษะล้างสมองของเขา ทำให้จางจีสับสน ถ้ามันไม่ใช่สภาพแวดล้อมที่จำกัด จางคงอยากคุกเข่าและกลายเป็นพี่น้องร่วมสาบานในทันที

 

“พี่เฉิน มีเรื่องนึงที่ข้าไม่ควรถาม แต่ในเมื่อพวกเราสนิทกันถึงเพียงนี้แล้ว ข้าก็จำเป็นต้องถามจริงๆ” จางจีถามอย่างจริงจังขึ้นมา

 

“ว่ามาได้เลย!” เฉินเฉินรับคำ

 

“พี่เฉิน วันนั้นทำไมถึงอยากฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดหน้าผาหล่ะครับ? มีอะไรที่พูดออกมาไม่ได้รึเปล่า? ถึงแม้ว่าน้องเล็กของท่านจะไร้พรสวรรค์ แต่ถ้าพี่ใหญ่เฉินมีเรื่องลำบากใจอะไร น้องเล็กผู้นี้ก็ยินดีที่จะบุกน้ำลุยไฟเพื่อแบ่งปันความกังวลของพี่เฉินนะครับ!”

 

ท่าทีของจางจีนั้นแสดงให้เห็นถึงความจริงใจอย่างถึงที่สุด เมื่อเห็นสายตาที่จริงใจและเป็นห่วงของเขา เฉินเฉินก็ตบไหล่เขาอย่างหนักหน่วง แล้วคิดในใจ

 

‘เจ้าซื่อ ที่ข้ากระโดดหน้าผาก็เพื่อชิงโอกาสของเจ้ายังไงหล่ะ เจ้าไม่จำเป็นต้องมาแบ่งปันปัญหาของข้า! เอาเวลาไปคิดว่าทำไมตัวเองถึงถูกไล่ล่าอยู่ตลอดจะดีกว่าไหม!’

 

เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของเฉินเฉินและความเงียบของเขา จางจีก็ยิ่งกังวลขึ้นไปอีก เขาแทบจะลงไปคุกเข่าอีกครั้งแล้ว แต่เฉินเฉินก็พูดขึ้นมาอย่างกระทันหัน

 

“น้องชาย เคยได้ยินเรื่องราวของลูกนกอินทรีย์รึเปล่า?”

 

“ลูกนกอินทรีย์หรอครับ? ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องพวกนั้นเลย” จางจีดูสงสัย

 

เฉินเฉินรู้สึกผิดที่โกหกคนที่ใสซื่อถึงขนาดนี้ ดังนั้นเขาจึงหันหน้าหนีและทอดสายตาออกไปไกล

 

“มันว่ากันว่าถ้าลูกนกอินทรีย์อยากจะหัดบินจริงๆ อินทรีย์ที่แก่กว่าก็จะต้องโยนพวกมันจากหน้าผา

 

“นกอินทรีย์เด็กจะพัฒนาขึ้นได้อย่างเต็มประสิทธิภาพก็ต่อเมื่อได้เผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่เป็นตายเท่ากัน และเรียนรู้วิธีท่องทะยานระหว่างท้องฟ้ากับผืนดิน”

 

จางจีที่ถูกเลี้ยงดูอย่างประคบประหงม ไม่เคยได้ฟังเรื่องราวการพึ่งตัวเองแบบนี้มาก่อน หลังจากที่ได้ฟังเรื่องเล่านี้ เขาก็รู้สึกตื่นเต้นและหวั่นไหว

 

“พี่เฉิน นี่ท่านกำลังบอกว่าที่ท่านกระโดดหน้าผาก็เพื่อดึงศักยภาพของตัวเองมาให้ได้มากที่สุดหรอครับ… มันมีการฝึกแบบนั้นด้วยหรอ?”

 

เฉินเฉินตบไหล่ของจางจีอีกครั้งด้วยสายตาเปล่าเปลี่ยว เขาดูเหมือนคนที่เคยเอาชนะคู่ต่อสู้มาแล้วนับไม่ถ้วนตลอดช่วงเวลาหลายปีมานี้ และสีหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความโดดเดี่ยว

 

“น้องรัก ขอแค่เจ้าเข้าใจก็พอแล้ว”

 

จางจีตกใจกับคำตอบของเฉินเฉิน เขาพูดอะไรไม่ออกเลย

 

ตอนนี้ทั้งหมดมันดูสมเหตุสมผลแล้ว

 

ไม่แปลกใจเลยที่ถึงแม้พี่เฉินจะเด็กขนาดนี้แต่ก็เข้าสู่เส้นทางแห่งการฝึกตนแล้ว

 

พี่เฉินเป็นคนที่กวดขันตัวเองอย่างน่าเหลือเชื่อ!

 

เขากระโดดจากหน้าผาสูงเป็นพันเมตรโดยไม่ลังเลเลย มันเป็นจิตวิญญาณที่เขาไม่สามารถเทียบเคียงได้

 

ด้วยความคิดนี้เอง จางจีก็ยิ่งชื่นชมเขามากขึ้นไปอีก เขาคุกเข่าอีกครั้ง

 

“พี่เฉิน! ท่านถือเป็นบุคคลต้นแบบสำหรับข้าจริงๆ! ได้โปรดรับความเคารพจากข้าด้วย!”