บทที่ 228
ชายชุดขาว
แม้จะอารมณ์ของทั้งสองฝ่ายจะคุกกรุ่น พร้อมปะทุขึ้นในทุกเมื่อ แต่จักรพรรดิเหิงก็รู้ดีว่าหากสู้ต่อก็จะมีแต่เสียกับเสีย จึงข่มความโกรธของตัวเองเอาไว้และตบบ่าทั้งสององครักษ์ให้สงบสติอารมณ์ลง
“อย่าเสียมารยาทกับแขกคนสำคัญสิ” จักรพรรดิเหิงกล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ สายตายังไม่ละจากใบหน้าที่บึ้งตึงของจี๋เฉียนเยว่
“แต่-” ราชองครักษ์ทั้งสองกล่าวขึ้นแทบเป็นเสียงเดียว แต่พอจักรพรรดิเหิงทอดสายตามายังพวกเขาทำให้ทั้งสองสงบปากสงบคำลงในทันที
“ขอประทานอภัย ฝ่าบาท” ทั้งสองกล่าวขอโทษและถอยฉากยืนอยู่ฝั่งซ้ายขวาของพระหัตถ์ดังเดิม
“เชิญท่านจี๋รออยู่ที่นี่เถอะ” จักรพรรดิเหิงลุกจากบัลลังก์ กวักมือคราหนึ่ง และเดินสวนจี๋เฉียนเยว่ออกไปพร้อมกับข้าราชบริพาร
“สู้ข้าสิ ไอ้ขี้ขลาด!” เมื่อเห็นพวกราชสำนักเดินออกไปจนลับตา จี๋เฉียนเยว่ก็สบถออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ เพราะตัวเขาเองก็ไม่อาจทำอะไรข้ามหน้าข้ามตาทัณฑ์สวรรค์ด้วยเช่นกัน
ในขณะเดียวกัน เย่เย่ที่ฝึกวิชาอยู่นั้น ก็ไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นในพระราชวัง เขาเอาแต่จดจ่ออยู่กับการฝึกปรือเพื่อรับมือการมาถึงของปรมาจารย์ทัณฑ์สวรรค์ตามคำเตือนของ เซี่ยงเฟ่ยหลินเท่านั้น
ยาผลึกแก้วที่เย่เย่แลกมาก็ไม่ได้ทำให้เขาผิดหวัง แม้ราคาจะสูง แต่สรรพคุณของมันนั้นช่วยลดทอนเวลาปรับสมดุลปราณได้ไม่น้อยเลยทีเดียว แต่หนทางสู่จิตพิสุทธิ์ขั้นสูงนั้นยังอีกยาวไกลนัก
ระหว่างที่เย่เย่กำลังเก็บตัวอยู่นั้นเอง ชายหนุ่มในชุดขาวผุดผ่อง ราวกับมีแสงเปล่งประกายออกมารอบตัวก็ปรากฏตัวขึ้นที่หอการค้าหยูเย่อย่างกะทันหัน
ลู่จุ้นที่ได้กลิ่นอายความไม่ชอบมาพากลจากชายหนุ่ม เขาก็รีบออกตัวรับหน้าไปตามหน้าที่
“ไม่ทราบว่า มีอะไรให้ข้าน้อยช่วยไหม?”
อย่างไรก็ตาม ชายหนุ่มไม่มองลู่จุ้นแม้แต่หางตา สายตาอันเยือกเย็นจับจ้องไปที่ห้องของเย่เย่ที่ชั้นสองอย่างไม่วางตาราวกับว่าเขาสามารถมองทะลุสรรพสิ่งได้
เย่เย่สัมผัสได้ถึงแรงกดดันบางอย่างจึงลืมตาขึ้น เดินออกจากห้องของตนและพบบุรุษในชุดขาวจับจ้องมาที่เขาจากชั้นล่าง
“ที่แท้เป็นท่าน ต้องขออภัยที่ไม่ได้ออกไปต้อนรับ เชิญทางนี้” เย่เย่ผายมือเชิญชายชุดขาวด้วยความถ่อมตน
ลู่จุ้นที่เห็นท่าทีออมชอมของเย่เย่ก็ประหลาดใจเป็นอย่างมาก โดยปกติแล้วเถ้าแก่ของเขาไม่เคยเห็นใครในสายตามาก่อน ดูเหมือนว่าชายในชุดขาวนี้จะไม่ธรรมดาเสียแล้ว
แม้บุรุษผู้นี้ไม่ได้สง่าผ่าเผยมากนัก แต่สายตานั้นเชือดเฉือน ทำให้ผู้คนยำเกรง พอลู่จุ้นเห็นว่าเย่เย่ออกมาต้อนรับด้วยตัวเองจึงไม่ได้คัดค้านอะไรอีก
“วันนี้ปิดร้านก่อน แจ้งว่าหยุดทำการ 1 วัน” เย่เย่หันมาพูดกับลู่จุ้น ก่อนหายลับไปยังชั้นบนพร้อมกับบุรุษชุดขาว
เมื่อทั้งคู่มาถึง ก่อนที่เย่เย่จะเอ่ยปาก ชายชุดขาวก็ชิงพูดขึ้นก่อน “เจ้าคงรู้อยู่แล้วสินะว่าข้าเป็นใคร? ข้าคือ ตงหมิงหยูแห่งทัณฑ์สวรรค์ ที่ข้ามาหาท่านในวันนี้ก็เพื่อถามท่านสักสองสามคำถาม”
“เช่นนั้นท่านตง เชิญว่ามาได้” เย่เย่ปั้นหน้านิ่งประสานมือคำนับตงหมิงหยู แต่ในใจของเขานั้นประหม่าและสับสน
แม้จะได้รับคำเตือนล่วงหน้า แต่เย่เย่ก็ไม่รู้ว่าทำไม ตงหมิงหยูตัดสินใจมาหาเขาก่อนเข้าวัง และนี่ก็ดูเหมือนจะไม่ใช่ฝีมือของมเหสีเจียงเหยียน
“เจ้าคือ เย่เย่ประธานหอการค้าหยูเย่แห่งภาคตะวันตก บางทีเจ้าคงจะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นในหลิงเฉิง มาบ้างไม่มากก็น้อย” ตงหมิงหยูประสานนิ้วทั้งห้าเข้าด้วยกัน ยื่นหน้าเอาคางวางบนมือ พลางถามเย่เย่ขึ้นด้วยความสงสัย
ได้ยินดังนั้นเย่เย่ก็เริ่มเดาสาเหตุที่ตงหมิงหยูมาเยือนได้คร่าวๆ ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับการตายของกงเจิ้น
“จริงหรือไม่ที่ท่านกงเคยพบท่าน ก่อนที่จะหายไปอย่างไร้ร่องรอย หลังจากนั้นไม่นานพวกเราก็พบเขาเป็นศพ” ชายชุดขาวใช้สายตาดุจใบมีด จ้องเข้าไปในดวงตาของเย่เย่ราวกับพยายามควานหาตัวตนที่ซุกซ่อนอยู่ภายในของคู่สนทนา
หัวใจของเย่เย่เต้นระรัวอย่างไม่เป็นจังหวะ เขาไม่รู้ว่าตงหมิงหยูสืบไปถึงจุดไหนแล้ว เขารู้ก็เพียงแต่ว่าตอนนี้ต้องสงบใจให้ได้เพื่อไม่ให้แสดงข้อพิรุธออกมา แม้แต่เหงื่อหยาดเดียวก็ห้ามเผยให้เห็น
“ข้าเคยพบท่านกงอยู่หนหนึ่งในวันแต่งงานของข้า แต่หลังจากนั้นข้าก็ไม่พบเขาอีกเลย” เย่เย่แสร้งประหลาดใจเมื่อได้ยินข่าวการตายของกงเจิ้น
ตงหมิงหยูถอนหายใจออกมาเพื่อปรับอารมณ์ของตน ก่อนถามไถ่เย่เย่ต่อไป “เท่าที่ข้ารู้ ท่านกงไปหาท่านเพราะเขาสงสัยว่าท่านคือวิญญาณกลับชาติมาเกิด-”
“ท่านตงเข้าใจผิดไปกันใหญ่แล้ว” เย่เย่พูดขึ้นแทรก ก่อนจะเริ่มอธิบายให้เขาฟังอย่างช้าๆ
“ท่านกงสงสัยฐานะของข้าก็จริง แต่เขาใช้เข็มทิศพิสูจน์แล้วว่าข้าบริสุทธิ์”
พอเห็นเย่เย่พูดอย่างบริสุทธิ์ใจ ตงหมิงหยูก็เริ่มสับสนขึ้นเล็กน้อย แต่ด้วยหลักฐานปากเปล่าเท่านี้ก็ไม่ทำให้ชายชุดขาวล่าถอย
“กงเจิ้นขาดการติดต่อกับพวกเราตอนที่เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ในหลิงเฉิง ในฐานะเจ้าเมืองท่านจะอธิบายเรื่องนี้ว่าอย่างไร?”
เย่เย่ถอนหายใจออกมาอย่างรำคาญใจ เพื่อทำให้อีกฝั่งไขว้เขว ก่อนจะเริ่มอธิบายอย่างใจเย็น
“ท่านตงสงสัยข้าเพราะเรื่องนี้เองรึ? วันนั้นมีชายน่าสงสัยนามเหยียนลี่หยางมาขอความช่วยเหลือจากข้าในสภาพบาดเจ็บสาหัส แต่เขาไม่มีเงินสักแดงเดียวข้าจึงปฏิเสธที่จะช่วยเหลือ ทำให้เขาเผยธาตุแท้ออกมาและโจมตีใส่ข้า ก่อนที่เขาจะพ่ายแพ้และพยายามลากข้าและคนของข้าไปตายด้วยการระเบิดตัวเอง” เย่เย่ยกชื่อเหยียนลี่หยางขึ้นเบี่ยงความสนใจของตงหมิงหยู
“เจ้ากำลังจะบอกว่าเหยียนลี่หยางได้รับบาดเจ็บก่อนมาหาเจ้าอย่างงั้นรึ?” ชายในชุดขาวถามกลับในทันทีเพื่อไม่ให้ขาดตอน
“ขอรับ เสื้อผ้าของเขาหลุดลุ่ยเหมือนกับพวกยาจก แต่พอได้ประมือกันแล้วทำให้ข้ารู้ว่าพลังของเขานั้นไม่ธรรมดา น่าแปลกที่เขาได้รับบาดเจ็บจนทำให้เหลือพลังไม่ถึงสามส่วน” เย่เย่แกล้งทำเป็นไม่รู้จักกับเหยียนลี่หยางมาก่อน แต่ทว่า
“มิน่าล่ะ ท่านกงเจิ้นถึงถูกหลอกเสียสนิท” ตงหมิงหยูลุกขึ้น กวาดตามองเย่เย่ในตำแหน่งที่สูงกว่า
“ท่านตง ท่านหมายความว่าอะไร?” ระหว่างการสนทนาเย่เย่ได้ประเมินพลังของชายชุดขาวไว้คร่าวๆ แทนที่จะเผยให้เห็นธาตุแท้ เย่เย่ยังคงหักห้ามตัวเองเอาไว้ และถามกลับไปอย่างซื่อๆ…