ตอนที่ 376 ซือเหยี่ยน ฉันกลับมาแล้ว / ตอนที่ 377 นายน่าเกลียดจริงๆ

(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์

ตอนที่ 376 ซือเหยี่ยน ฉันกลับมาแล้ว

 

 

           “ไปกันก่อนเถอะ รอมีเวลาที่เหมาะเจาะแล้วค่อยว่ากันไหม”

 

 

           “ซือเหยี่ยน เจียงมู่เฉินก็ส่งให้นายแล้ว ถึงแม้ว่าเริ่มต้นจะมีเจตนาไม่บริสุทธิ์กับเขา แต่อย่างน้อยผมก็ยังทำเรื่องนี้เพื่อเขาได้”

 

 

           ซังจิ่งถอนหายใจอย่างเสียไม่ได้ ถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่าจะมีวันนี้ เขารับประกันว่าจะไม่มีทางรับภารกิจในตอนนั้น

 

 

           อย่างน้อยบางทีเขาอาจจะเป็นเพื่อนกับเจียงมู่เฉินได้

 

 

           แต่ไม่ใช่หลอกใช้แบบนี้

 

 

           ซือเหยี่ยนเห็นภาพการณ์แล้วก็เข้าใจว่าซังจิ่งตัดสินใจแล้ว ว่าไม่สามารถจะไปกับพวกเขาได้ เขากลัวพ่อบ้านหลินจะตามมาทัน จำใจต้องเอ่ย “งั้นคุณก็ระวังความปลอดภัยด้วย ผมกับเขาจะรอคุณที่ถานโจวนะ”

 

 

           ซังจิ่งพยักหน้า “รีบออกไปจากที่นี่เถอะ”

 

 

           เวลานี้เองซือเหยี่ยนถึงได้อุ้มเจียงมู่เฉินขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไป

 

 

           เพียงครู่เดียวเฮลิคอปเตอร์ก็หายไปท่ามกลางค่ำคืนอันมืดมิด ซังจิ่งมองดูเฮลิคอปเตอร์ที่ยิ่งมองยิ่งลับสายตาแล้วยกมุมปากขึ้น

 

 

           ‘ครั้งนี้ถือว่าเขาชดใช้ความผิดแล้วใช่ไหม’

 

 

           ……

 

 

           ‘ปวดหัว…’

 

 

           เหมือนทั้งหัวเขาอยากจะแยกออกจากกันอย่างไรอย่างนั้น เขาเจ็บปวดจนอดจะยกมือขึ้นมากุมหัวไม่ได้

 

 

           เขาพึ่งจะขยับมือ ก็ถูกคนยื่นมือมาจับไว้ มีคนเอ่ยเสียงต่ำที่หูเขา “อย่าเพิ่งขยับ”

 

 

           เจียงมู่เฉินค่อยๆ คืนสติกลับมาทีละนิดๆ เขาลืมตาขึ้นมาอย่างยากลำบาก ก็ได้เห็นใบหน้าของซือเหยี่ยนพอดี

 

 

           เพียงชั่วพริบตาเดียวนั้น เจียงมู่เฉินยังตกอยู่ในภวังค์

 

 

           เพียงชั่วพริบตาเดียวนั้น ยามที่ได้เห็นใบหน้าของซือเหยี่ยน ความทรงจำที่มีมากมายเกินไปก็บีบอัดเบียดเสียดกรูกันเข้ามาในหัว

 

 

           พวกเขาเจอกันที่อเมริกา รักกัน จากนั้นก็แยกจากกัน ยังมีเรื่องนั้นที่พวกเขาต่างฝ่ายต่างขัดหูขัดตากันมาห้าปี หลังจากที่เขาสูญเสียความทรงจำไป

 

 

           จนกระทั่งพวกเขาได้มารักกันอีก…

 

 

           เจียงมู่เฉินกะพริบตาปริบๆ ความทรงจำที่เขาสูญเสียไปที่เอาแต่วกไปวนมา ในที่สุดก็กลับเข้าสมองเขามาแล้ว

 

 

           เขาไม่เคยคิดเลยว่าที่แท้ตัวเองกับซือเหยี่ยนจะคือคนรักกันเมื่อหลายปีก่อน

 

 

           แล้วแฟนเก่าที่เขาคิดเล็กคิดน้อยมาตลอด ที่จริงก็คือตัวเขาเองเท่านั้น

 

 

           เจียงมู่เฉินรู้สึกว่าน่าตลกจนยกยิ้มมุมปากขึ้น ที่แท้คนที่เขาหึงมาตลอดก็คือตัวเขาเอง

 

 

           ‘ที่แท้ในใจของซือเหยี่ยน ตั้งแต่ต้นจนจบก็มีเพียงแค่เขาคนเดียวมาโดยตลอด’

 

 

           ซือเหยี่ยนเห็นรอยยิ้มบนริมฝีปากของเจียงมู่เฉิน ก็เอ่ยถามเสียงต่ำ “เป็นไรไป ผมดูน่าขำมากเลยเหรอ”

 

 

           เจียงมู่เฉินมองดูดวงตาซือเหยี่ยนที่เหนื่อยล้าจนปรากฏเส้นเลือดฝอยขึ้นมา

 

 

           เขาขยับมือพลิกฝ่ามือมาจับมือของซือเหยี่ยนไว้ เอ่ยเน้นคำต่อคำ “ซือเหยี่ยน ฉันกลับมาแล้ว”

 

 

           ‘เจียงมู่เฉินคนเดิมที่เป็นของเขา ในที่สุดก็กลับมาแล้ว’

 

 

           คำสั้นๆ แค่หกคำ เพียงชั่วพริบตาเดียวกลับทำให้ดวงตาของซือเหยี่ยนชุ่มฉ่ำ

 

 

           เขาก้มมองเจียงมู่เฉินตาไม่กะพริบ เวลาผ่านไปนาน จู่ๆ เขาก็ก้มหน้าประทับริมฝีปากที่ขาวซีดของเจียงมู่เฉิน กดจูบลงไปอย่างหนักหน่วง

 

 

           ‘เฉินเฉินของเขา ในที่สุดก็กลับมาอยู่ข้างกายเขาแล้ว’

 

 

           เจียงมู่เฉินยอมรับจูบของเขาแต่โดยดี เกรงว่านาทีนี้จะไม่มีวิธีการใดทำให้เขาใจเต้นเท่าตอนนี้แล้ว

 

 

           เขาเอื้อมมือไปกุมมือซือเหยี่ยนไว้แน่นหนา มือสอดกระสานกันอย่างแนบแน่น

 

 

           หัวใจสองดวงที่พลัดพรากจากกันมานานแสนนาน ในที่สุดนาทีนี้ก็ได้กลับมาอยู่ด้วยกันแล้ว

 

 

           เวลาผ่านไปเนิ่นนาน ซือเหยี่ยนถอยห่างเพียงเล็กน้อย เขาแนบชิดที่ข้างหูของเจียงมู่เฉิน เอ่ยเสียงนุ่ม “ยินดีต้อนรับกลับมานะ”

 

 

           ……

 

 

           หลบหนีมาแล้วยังมาขึ้นเครื่องบินอีก เจียงมู่เฉินก็ไข้ขึ้นจนได้ กว่าจะถึงถานโจวไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ซือเหยี่ยนรีบส่งตัวเจียงมู่เฉินไปโรงพยาบาลทันที

 

 

           รักษาประคับประคองอาการครั้งแล้วครั้งเล่าติดต่อกันสามวันเต็มๆ เจียงมู่เฉินก็ยังไม่ฟื้นคืนสติกลับมา

 

 

           ในสามวันนี้ ซือเหยี่ยนอยู่เคียงข้างกายเจียงมู่เฉินตลอด ไม่กล้าจะจากไปไหนแม้เพียงช่วงเวลาสั้นๆ กลัวว่าหากเจียงมู่เฉินตื่นขึ้นมา คนแรกที่เห็นหน้าจะไม่ใช่เขา

 

 

           เจียงมู่เฉินทุกข์ทรมานอยู่สามวันถึงหนีรอดจากความตายขึ้นมาได้ ส่วนซือเหยี่ยนก็ผอมลงเกือบเท่าตัว

 

 

           แม้แต่หนวดเคราเขียวขึ้นบนใบหน้า เขาก็ไม่กะจิตกะใจจะมาสนใจด้วยซ้ำ

 

 

           ยังดีที่ในที่สุดเจียงมู่เฉินก็รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาแล้ว

 

 

           ถึงแม้จะตื่นขึ้นมาเพียงไม่กี่นาที แล้วจะนอนหลับลงไปอีกครั้งก็ตาม

 

 

           ซือเหยี่ยนจับมือเจียงมู่เฉินไว้ หลับตาลงเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเขากำลังนึกถึงอะไรถึงได้ยกมุมปากขึ้นเบาๆ

 

 

           เมื่อครู่เพียงเสี้ยวเวลานั้นเขาเกือบจะร้องไห้ออกมาต่อหน้าเจียงมู่เฉินแล้ว  

 

 

           ซือเหยี่ยนห้ามใจยกมืออีกข้างหนึ่งขึ้นมากดบริเวณดวงตาที่เจ็บปวดไม่ได้

 

 

           ยังดี…ที่เขาไม่ได้ทำอะไรน่าขายหน้าออกมาต่อหน้าเจียงมู่เฉิน

 

 

           

 

 

ตอนที่ 377 นายน่าเกลียดจริงๆ

 

 

           วันต่อมา เจียงมู่เฉินตื่นขึ้นมาอีกครั้ง หมอได้เข้ามาตรวจดูอาการแล้ว บอกว่าอาการของเขาดีขึ้นมากแล้ว ขอเพียงแต่พักฟื้นอีกไม่กี่วันก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว

 

 

           ครั้งนี้ที่ตื่นมา สีหน้าเจียงมู่เฉินดีกว่าเมื่อวานเยอะมาก

 

 

           เขาเห็นใบหน้าอันเ**่ยวเฉาของซือเหยี่ยนก็อดจะออกปากไม่ได้ “ซือเหยี่ยน นายไปโกนหนวดล้างหน้าล้างตาสักหน่อยดีไหม”

 

 

           ซือเหยี่ยนก้มหน้ามองเจียงมู่เฉินที่พิงหัวเตียงกินผลไม้อยู่ “แบบนี้ผมน่าเกลียดมากเลยเหรอ”

 

 

           เดิมทีลำบากแค่ไหนก็ไม่ตาย เขาควรจะโจมตีซือเหยี่ยนขนาดนี้ไม่ได้

 

 

           แต่ว่า เขาทนไม่ไหวจริงๆ

 

 

           ซือเหยี่ยนมอมแมมแบบนี้ ยังจะมีมาดหัวสูงขี้เก๊กของเขาตอนที่เพิ่งรู้จักกันอยู่หรือ

 

 

           ด้วยเหตุนี้ เจียงมู่เฉินคิดแล้ว ตัดสินใจบอกไปตรงๆ จะโกหกซือเหยี่ยนไม่ได้

 

 

           เขาพยักหน้าด้วยท่าทีจริงใจ “บอกตามตรง น่าเกลียดจริงๆ”

 

 

           ซือเหยี่ยนสีหน้าเจ็บปวดในทันใด ถูกแฟนของตัวเองพูดว่าตัวเองน่าเกลียด…

 

 

           ‘วันนี้ยังอยากจะผ่านไปอยู่ไหม’

 

 

           ซือเหยี่ยนหยิบแอปเปิลจากในมือเขามา กัดเข้าไปเต็มๆ คำ “ผมเป็นแฟนของคุณ ต่อให้น่าเกลียด ก็จะรังเกียจกันไม่ได้”

 

 

           เจียงมู่เฉินเลิกคิ้ว “พี่ชาย ฉันยอมตกลงคืนดีกับนายแล้วหรือไง”

 

 

           เขายังไม่ลืมว่าตอนนี้ตัวเองกับซือเหยี่ยนยังอยู่ในสถานะเลิกกัน

 

 

           ซือเหยี่ยนหรี่ตาลงเล็กน้อย “อะไรกัน จนถึงตอนนี้แล้ว คุณยังไม่อยากจะคืนดีกับผมอีกเหรอ”

 

 

           สีหน้าเขาเต็มไปด้วยความข่มขู่ เจียงมู่เฉินชิงแอปเปิลจากในมือเขามาด้วยท่าทีอ่อนแอ กัดเข้าไปคำหนึ่งเสียงดังฟังชัด “ฉันจะบอกนายให้นะ ตอนนี้ฉันเป็นคนไข้ นายจะใช้กำลังกับฉันไม่ได้นะ”

 

 

           ขมับซือเหยี่ยนกระตุกแล้วกระกระตุกอีก รู้สึกว่าเจียงมู่เฉินไม่มีท่าทางเหมือนคนไข้เลยสักนิด

 

 

           เขากุมขมับอย่างทำอะไรไม่ได้ จะทำอย่างไรได้ตอนนี้เจียงมู่เฉินเป็นคนที่กำลังไม่สบายอ แถมยังมีป้ายทองเว้นตายอยู่ จึงจำใจต้องไปล้างหน้าล้างตาเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างว่าง่าย

 

 

           ถึงอย่างไรต่อหน้าแฟนที่ยังไม่ได้คืนดีกัน ภาพลักษณ์ก็สำคัญอยู่ไม่น้อย

 

 

           ซือเหยี่ยนไปโกนหนวด เปลี่ยนเสื้อผ้าที่มีแต่รอยยับ นอกจากจะสูบเซียวไปสักหน่อย เขาก็กลับมาเป็นซือเหยี่ยนในมาดหัวสูงขี้เก๊กใหม่อีกครั้งแล้ว

 

 

           เจียงมู่เฉินมองดูซือเหยี่ยนในมาดใหม่ที่ดูสะอาดตา ก็พยักหน้าด้วยความพอใจ แฟนของเขานี่ช่างหล่อเอาเรื่องจริงๆ

 

 

           ‘แต่งองค์ทรงเครื่องนิดหน่อย ก็ดูดีจนไม่ไหวๆ แล้ว’

 

 

           “โอเคหรือยัง” ซือเหยี่ยนเอ่ยถาม

 

 

           เจียงมู่เฉินพยักหน้าด้วยความพอใจเต็มเปี่ยม “ก็พอได้นะ ยังไงซะนายก็แต่งองค์ทรงเครื่องดูดีไม่สู้ฉันอยู่แล้ว”

 

 

           ซือเหยี่ยนกุมขมับ ครุ่นคิดอย่างจริงจัง นิสัยเย่อหยิ่งทะนงตัวแล้วยังหลงตัวเองของเฉินเฉินนี่ตกลงแล้วไปเรียนกับใครมากันแน่

 

 

           เมื่อก่อนที่อยู่อเมริกากัน ก็ไม่เคยเห็นเขาหลงตัวเองอย่างนี้มาก่อน

 

 

            “เอ่อใช่ เรื่องที่ฉันกลับมา พ่อแม่ฉันรู้เรื่องหรือยัง” เจียงมู่เฉินกังวลเรื่องปัญหานี้มาโดยตลอด

 

 

           ซือเหยี่ยนส่ายหัว “ตอนนี้ผมยังไม่ได้บอกพวกท่าน”

 

 

           ได้ยินคำตอบนี้ เจียงมู่เฉินก็โล่งอกไปที “อย่าเพิ่งบอกตอนนี้…

 

 

           …ใช่สิ หาคนไปบอกแม่ฉันที ว่าฉันมีเรื่องด่วนที่อเมริกา ยังกลับไม่ได้ชั่วคราว”

 

 

           “วางใจเถอะ เรื่องอาเจียงกับน้าเจียง ก่อนหน้านี้ผมให้คนไปจัดการให้เข้าที่เข้าทางไว้หมดแล้ว”

 

 

           ถ้าไม่อย่างนั้นเจียงมู่เฉินไม่กลับมาตั้งหลายวันขนาดนี้ ตระกูลเจียงจะยังสงบเงียบขนาดนี้ได้อย่างไร

 

 

           ทั้งยังไม่ก่อการใหญ่เพื่อเจียงมู่เฉินตั้งแต่แรกด้วย

 

 

           เจียงมู่เฉินได้ยินเขาพูดแบบนี้ ถึงได้ผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งใจ

 

 

           “อืม ก่อนที่ฉันจะหายดี อย่าให้เรื่องใดใดที่เกี่ยวกับฉันรู้ไปถึงหูพ่อแม่ฉันเด็ดขาด”

 

 

           ถ้าแม่เขารู้ว่าเขาบาดเจ็บอยู่ที่โรงพยาบาล แล้วซือเหยี่ยนก็อยู่ด้วย ถึงตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าจะวุ่นวายจนเป็นกลายเป็นแบบไหน

 

 

           ตอนนี้กว่าเขากับซือเหยี่ยนจะคลี่คลายความเข้าใจผิดได้ไม่ใช่ง่ายๆ ถ้าให้แม่เขายื่นเท้าเข้ามาเอี่ยวด้วย ถึงตอนนั้นจะยิ่งยุ่งยากกันไปใหญ่

 

 

           และที่สำคัญไปกว่านั้น ก่อนที่เขาจะมาดูงานที่เมืองนอก คุณแม่เจียงตัดขาดกับซือเหยี่ยน

 

 

           ถ้ารู้ว่าตัวเองบาดเจ็บแล้วยังมาอยู่กับซือเหยี่ยนอีก ถึงตอนนั้นเกรงว่าซือเหยี่ยนก็จะลำบากอยู่ไม่น้อยทีเดียว

 

 

           ดังนั้นตอนนี้เขาจะให้คุณแม่เจียงรู้เรื่องที่ตัวเองกลับมาถานโจวแล้วอยู่โรงพยาบาลไม่ได้โดยเด็ดขาด