ตอนที่ 378 ฝืนใจเชื่อ / ตอนที่ 379 ซือเหยี่ยนขอคืนดี

(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์

ตอนที่ 378 ฝืนใจเชื่อ

 

 

           ซือเหยี่ยนรู้ว่าในใจเขาวิตกกังวลและอดทนอยู่ ก็เอ่ยปลอบโยน “วางใจเถอะ ผมจัดการได้”

 

 

           ซือเหยี่ยนจัดการธุระให้ ตัวเองยังวางใจได้ ถึงแม้เจ้าหมอนี่บางครั้งจะดูโรคจิตไปสักหน่อยก็เถอะ

 

 

           “เอาเถอะ จะฝืนใจเชื่อนายสักครั้งแล้วกัน”

 

 

           ซือเหยี่ยนได้ยินคำว่า ‘ฝืนใจ’ สองคำนี้ ก็อดจะหรี่ตาลงไม่ได้ จู่ๆ เขาก็เข้าใกล้และโน้มตัวเข้าหาเจียงมู่เฉิน

 

 

           เจียงมู่เฉินรีบเอามือขึ้นมากันไว้ทันที “จู่ๆ นายมาเข้าใกล้ฉันทำไม ไม่รู้หรือไงว่าฉันเป็นผู้ป่วย ต้องรักษาระยะห่างสิ”

 

 

           ซือเหยี่ยนขบกราม “ผมเห็นว่าคุณพูดชัดถ้อยชัดคำแบบนี้ ไม่เปลี่ยนท่าทีเลย ไม่เหมือนผู้ป่วยเลยสักนิด”

 

 

           “จะเป็นผู้ป่วยหรือไม่ หมอพูด ฉันนับ นายพูด ฉันไม่นับ”

 

 

           “เฉินเฉิน ระหว่างพวกเรายังมีบัญชีที่ต้องสะสางอีกนิดหน่อยใช่หรือเปล่า” ซือเหยี่ยนขบกรามเอ่ยเสียงต่ำ

 

 

           เจียงมู่เฉินเบิกตามองเขาอย่างไม่รู้ไม่ชี้ “นายพูดอะไร ฉันฟังไม่รู้เรื่อง”

 

 

           ‘ล้อเล่นอะไรกัน เวลานี้เขาไม่มีแรงจะสู้ ไม่มีทางจะยอมรับเด็ดขาดหรอก’

 

 

           “ทำไมถึงต้องไปกับฟู่เหยี่ยนด้วย”

 

 

           “มีแต่ผีเท่านั้นแหละถึงจะไปกับเขาได้ ฉันถูกทำให้หมดสติแล้วถูกพาตัวไปชัดๆ โอเคไหม” เขาตกต่ำถึงขั้นต้องรอให้ฟู่เหยี่ยนมาลักพาตัวเขาไปเลยเหรอ

 

 

           “อีกอย่าง ถ้านายกับแฟนหนุ่มน้อยของนายไม่ส่งความรักผ่านสายตากันไปมา ฉันจะถึงขั้นถูกคนพาตัวไปเหรอ” เจียงมู่เฉินเอ่ยขึ้นมาก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟทันที

 

 

           พอคิดถึงว่าเมื่อตอนที่เขาไม่รู้ ซือเหยี่ยนอยู่ด้วยกันกับซูเตอร์ตลอด เขาก็อดจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟไม่ได้

 

 

           ก่อนหน้านี้ที่ยังไม่ได้เลิกกัน ซูเตอร์ก็วางยาจะลักหลับซือเหยี่ยน

 

 

           ใครจะรู้ว่าช่วงเวลานั้นที่เขาไม่อยู่ ว่าเพื่อได้รับความไว้วางใจจากซูเตอร์ ซือเหยี่ยนได้เอาตัวเข้าแลกหรือเปล่า

 

 

           คิดถึงตรงนี้ เจียงมู่เฉินดันไหล่ซือเหยี่ยนเอาไว้ “นายแม่งยังไม่อธิบายฉันให้ชัดเจนเลยนะ”

 

 

           ซือเหยี่ยนทำหน้าซื่อๆ “อธิบายอะไร”

 

 

           “อธิบายเรื่องนายกับซูเตอร์ไง อธิบายอะไรมาเลย”

 

 

           “ผมกับซูเตอร์เหรอ มีอะไรให้น่าอธิบาย”

 

 

           ถ้าไม่ใช่เพราะถูกซือเหยี่ยนกดขาไว้ เขาอยากจะยกเท้าถีบซือเหยี่ยนจริงๆ “นายอย่ามาแกล้งโง่กับฉันเลย นายอยู่กับซูเตอร์ทั้งวัน ซูเตอร์เองก็หน้าตาใช้ได้ รูปร่างก็ดี…

 

 

           …เอวบาง ขาเรียว ก้นใหญ่ นายไม่ได้ทำอะไรกับเขาเลยหรือไง”

 

 

           เจียงมู่เฉินยิ่งคิดยิ่งโมโห “ถึงยังไงเขาก็ต้องอยากเป็นฝ่ายนอนรอนายเองมากอยู่แล้ว”

 

 

           ซือเหยี่ยนมองใบหน้าเจียงมู่เฉินที่เต็มไปด้วยแรงหึงอย่างตลกขบขัน เจ้าบื้อนี่ป่านนี้แล้วถึงนึกจะมาซักไซ้ไล่เรียงว่าสายเกินไปหรือเปล่า

 

 

           ‘ถ้าเกิดขึ้นจริง ก็เกิดขึ้นไปนานแล้ว’

 

 

           เจียงมู่เฉินเห็นรอยยิ้มลามปามบนใบหน้าของเขา ก็หรี่ตาลง “ไม่ต้องยิ้มเลย รีบสารภาพมา นายทำกับเขาหรือยัง”

 

 

           ซือเหยี่ยนปล่อยมือ สีหน้าครุ่นคิด ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงได้เอ่ยปาก “ผมคิดก่อน…”

 

 

           เจียงมู่เฉินระเบิดลง

 

 

           “คุณอยากพูดว่าเขาอาบเสร็จก็แอบย่องมาห้องผม หรือว่าเป็นนอนอยู่บนเตียงผม หรือว่าจะอาบน้ำด้วยกันกับผม”

 

 

           ทุกคำทำประโยคของซือเหยี่ยน ความโมโหบนใบหน้าของเจียงมู่เฉินก็ยิ่งเพิ่มพูน เขาเดือดดาลจนเด้งตัวขึ้นมาจากเตียง เอื้อมมือไปกดซือเหยี่ยนไว้

 

 

           “นายแม่งจงใจใช่ไหม”

 

 

           ซือเหยี่ยนทำไขสือยิ้มหัวเราะ “เป็นสิ่งที่คุณถามผมไม่ใช่เหรอ”

 

 

           “ฉันถามนาย ให้นายพูดลงลึกแล้วหรือไง”

 

 

           “คนซื่อสัตย์อย่างผมคนนี้ ในเมื่อคุณถามผม ผมก็ต้องพูดเป็นธรรมดา”

 

 

           เจียงมู่เฉินขบกราม หมั่นไส้ความซื่อสัตย์ของเขาจะตายชัก ความซื่อสัตย์ในลักษณะนี้ ไม่ได้อยากได้เลยสักนิด โอเคไหม

 

 

           ซือเหยี่ยนมองเขาอย่างขำๆ เห็นเขาโกรธจริงๆ แล้ว ก็รีบโอ๋เขาเสียเดี๋ยวนั้น “เปล่า”

 

 

           เจียงมู่เฉินถลึงตาใส่เขา “เปล่าอะไร”

 

 

           ซือเหยี่ยนเอ่ยเสียงต่ำย้ำอีกครั้ง “ไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิดเลย”

 

 

           เจียงมู่เฉินงุนงง “หมายความว่าไง”

 

 

           “ในใจคุณ ผมเป็นพวกใจง่ายทนเขายั่วไม่ได้แบบนั้นเหรอ”

 

 

           

 

 

ตอนที่ 379 ซือเหยี่ยนขอคืนดี

 

 

           เจียงมู่เฉินอยากพยักหน้า แต่ก็กลัวว่าหากซือเหยี่ยนโกรธแล้วจะลงไม้ลงมือกับเขา สุดท้ายก็ทำได้เพียงทำหน้าบึ้งตึงไม่พูดจา

 

 

           “ระหว่างผมกับซูเตอร์ไม่มีอะไร นอกจากบางครั้งถูกเขาควงแขน ไม่ก็ดึงเสื้อผ้าอะไรทำนองนั้นเอง”

 

 

           ซือเหยี่ยนยกยิ้มมุมปากขึ้น “ผมรับรอง นอกจากมือแล้ว ไม่มีส่วนอื่นสัมผัสโดนซูเตอร์”

 

 

           เจียงมู่เฉินได้ยินเขาพูดขนาดนี้ ในใจก็โล่งอกได้สักที

 

 

           “นายไม่ได้ทำก็ดีแล้ว ถ้ากล้าทำอะไรลงไป ฉันรับรองจะเล่นงานนายตายแน่”

 

 

           ซือเหยี่ยนยื่นมือไปดันมือเขาที่กดตัวเองอยู่ “ปล่อยมือก่อนได้ไหม”

 

 

           “หึ” เจียงมู่เฉินทำเสียงเย็นแสดงความไม่พอใจ เวลานี้ถึงได้ปล่อยมือ

 

 

           “ที่ผมควรอธิบายทั้งหมดก็อธิบายเสร็จแล้ว ตอนนี้ถึงตาคุณอธิบายแล้วหรือเปล่า”

 

 

           เจียงมู่เฉินมองเขาด้วยความงงงวยในทันใด “ฉันมีอะไรให้ต้องอธิบาย”

 

 

           “คุณกับฟู่เหยี่ยน”

 

 

           เจียงมู่เฉินไม่รับผิด “ฟู่เหยี่ยนกับฉันก็คือคนลักพาตัวกับคนถูกลักพาตัวก็เท่านั้นเอง ยังมีอะไรให้ต้องสารภาพได้อีกเหรอ”

 

 

           “แต่ผมกลับรู้สึกว่าคุณอยู่ในที่ของฟู่เหยี่ยนแล้วเพลินมากจนลืมบ้านลืมช่องเลยนะ”

 

 

           เจียงมู่เฉินหรี่ตาลง “ก็พอได้มั้ง มีให้กินมีให้ดื่ม ยังถือว่าโอเคอยู่”

 

 

           ซือเหยี่ยนขบกรามอยากจะกัดเขาสักคำ รู้สึกมาเสมอว่าท่าทางของเจียงมู่เฉินเมื่อครู่นี้อวดดีเกินเยียวยา

 

 

           ‘ถูกศัตรูลักพาตัวไป ยังไม่สำนึกเลยสักนิด’

 

 

           “นายคิดอะไร อยากทำเรื่องไม่ดีอะไร ก็รีบควบคุมตัวเองไว้ซะ อย่าทำเรื่องที่ตัวเองมาเสียใจทีหลังเด็ดขาด”

 

 

           ซือเหยี่ยนหน้าดำคร่ำเครียดแล้ว “เรื่องที่ผมมาเสียใจทีหลังที่สุด ก็คือควรจะผูกคุณติดกับเอวไว้ จะได้ไม่ให้คุณออกมาอ่อยไปทั่ว เป็นตัวหายนะให้คนอื่น”

 

 

           เจียงมู่เฉินถูกเขาเรียกว่า ‘ตัวหายนะ’ ก็ยังเพลินใจอยู่ไม่น้อย ตัวหายนะแล้วไง คนธรรมดายังเป็นตัวหายนะกันไม่ไหวเลย

 

 

           ‘จะเป็นตัวหายนะได้ไม่ใช่คนธรรมดาจะเป็นกันได้นะ’

 

 

           เจียงมู่เฉินเชิดนัยน์ตาดอกท้อคู่นั้นของเขา “ยังไงกัน นายอยากเป็นตัวหายนะก็เป็นไม่ไหวเหรอ ฉันเป็นตัวหายนะได้ อย่างน้อยก็มีคุณสมบัติเป็นตัวหายนะได้นะ”

 

 

           ในที่สุดซือเหยี่ยนก็ทนไม่ไหวแล้ว เขาเห็นท่าทางโอ้อวดของเจียงมู่เฉิน ก็ก้มหน้ากัดเขาไปคำหนึ่งอย่างรวดเร็ว

 

 

           เขาป้องกันมาตั้งนาน คิดไม่ถึงว่า ซือเหยี่ยนเจ้าโรคจิตจะขยับปากมากัดเขาได้

 

 

           ‘วันนี้จะผ่านไปไม่ได้แล้วจริงๆ’

 

 

           เขารีบเอื้อมมือไปจับซือเหยี่ยนไว้ รังสีอำมหิตแผ่ปกคลุม “นายเป็นหมาหรือไง อ้าปากก็กัดคนอย่างคาดไม่ถึง”

 

 

           ซือเหยี่ยนผู้โดนด่าว่าเป็นหมาก็ก้มหน้ามองเขาด้วยสัญญาณอันตราย “อะไรกัน ไม่เจอกันมาพักหนึ่ง กัดสักคำก็ไม่ได้เหรอ”

 

 

           “ฉันจะพูดอีกครั้งนะ ฉันยังไม่ได้คืนดีกับนาย” เจียงมู่ฌฉินมองเขาอย่างเย่อหยิ่ง “นายจูบฉันก็คือการลวนลามกัน”

 

 

           ซือเหยี่ยนรู้สึกว่าเวลาช่วงหนึ่งเจียงมู่เฉินไม่ได้รับคำเป็นอำนาจสิทธิ์ขาดของตัวเอง กลัวว่าเจียงมู่เฉินจะลืมแล้วว่าแฟนของเขาเป็นใคร

 

 

           แววตาเขาประกายความอันตราย ฉวยโอกาสยามเจียงมู่เฉินไม่ทันระวังตัว เข้าไปประกบปากเขาไว้

 

 

           เจียงมู่เฉินชะงักงัน รู้สึกว่า เจ้าหมอนี่หน้าไม่อายถึงขั้นสุดแล้ว

 

 

           เอะอะก็สัมผัสไปสัมผัสมา จูบไปจูบมา

 

 

           ‘คุณชายยังไม่ได้คืนดีกับนายนะ ก็มาบีบบังคับกันเลย’

 

 

           เจียงมู่เฉินโมโหจนทุ่มสุดตัวต่อต้าน แต่จะทำอย่างไรได้ซือเหยี่ยนกดทับเขาไว้อย่างแนบสนิท รวมเข้ากับการเกี่ยวพันกันของริมฝีปาก ก็ขยับตัวไม่ไหวมาตั้งแต่แรกแล้ว

 

 

           จึงทำได้เพียงโดนเขากดไว้กับเตียงอย่างว่าง่าย กระดิกตัวไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น

 

 

           จนกระทั้งซือเหยี่ยนจูบเขาจนเขาหมดเรี่ยวแรง ซือเหยี่ยนถึงได้ปล่อยมือ

 

 

           “เป็นยังไงบ้าง จะคืนดีกันไหม”

 

 

           เจียงมู่เฉินเอ่ยอย่างไม่หวั่นไหว “ไม่คืนดี”

 

 

           ซือเหยี่ยนหรี่ตาลง กดเขาลงไปอีกครั้ง

 

 

           พอเจียงมู่เฉินเห็นท่าทางเขาแบบนั้นก็หวาดกลัวขึ้นมาในทันใด รีบใช้มือยันเอาไว้ “พี่ชาย นายไม่จบไม่สิ้นสักทีเหรอ ยังจะมาอีกอยู่ได้”

 

 

           ซือเหยี่ยนเอ่ยเสียงต่ำ “คุณเห็นด้วยเมื่อไหร่ ผมก็จะปล่อยมือเมื่อนั้น”

 

 

           เจียงมู่เฉินจ้องมองเขาด้วยความเดือดดาล เขาทำให้ตัวเองโกรธจนจะตายจริงๆ แล้ว

 

 

           เขาถลึงตาใส่ซือเหยี่ยน “นายข่มขู่ฉันเหรอ”