ตอนที่ 380 คืนดีสำเร็จ
ซือเหยี่ยนพยักหน้ารับ “แบบนี้ก็ชัดเจนมากอยู่”
เจียงมู่เฉินโกรธจนปวดท้อง เขายังเป็นคนป่วยอยู่นะ ทำกับเขาแบบนี้ ไม่รู้สึกผิดบาปจริงๆ เหรอ
“เฉินเฉิน คุณอยากจะเลิกกับผมจริงๆ เหรอ” ในเสียงทุ้มต่ำของซือเหยี่ยนแฝงความล่อลวงให้ติดกับ
เจียงมู่เฉินรู้สึกว่าตัวเองใกล้จะคุมไม่อยู่แล้ว เผชิญหน้ากับซือเหยี่ยนที่หลอกให้ตัวเองติดกับแบบนี้ มีหรือจะยังยืนหยัดอยู่ได้อีก
“ไม่ใช่อยากเลิกกับนาย เลิกกันแล้วต่างหาก”
นัยน์ตาซือเหยี่ยนดับวูบ ก้มหน้าจูบเขา แล้วเอ่ยถามอีก “จะไม่คืนดีกันจริงๆ เหรอ”
“นายเดี๋ยวเลิก เดี๋ยวคืนดี ทำจนฉันเสียหน้าเอามากๆ เลยนะ”
เจียงมู่เฉินตอบกลับด้วยความยากลำบาก
ซือเหยี่ยนกะพริบตาปริบๆ ด้วยความเศร้าสร้อย “แต่ผมอยากคืนดีกับคุณนะ”
พอเจียงมู่เฉินเห็นซือเหยี่ยนเป็นแบบนี้ เพียงครู่เดียวคติเดิมที่ถือไว้ก็ไม่มีแล้วแม้เพียงนิด เขาใจอ่อนยวบลงในบัดดล แล้วเอ่ยขึ้น “คืนดีกันก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้
ซือเหยี่ยนตาลุกวาว มองดูเขา
เจียงมู่เฉินพูดอีก “นายให้ฉันจับกดนายครั้งหนึ่ง”
ซือเหยี่ยนเลิกคิ้ว มาหัวข้อนี้อีกแล้วเหรอ ทำไมจนถึงตอนนี้แล้วเจ้าหมอนี่ยังอยากจะเปลี่ยนเป็นรุกอยู่อีก
“ได้หรือไม่ได้ ไม่ได้ก็ไม่คืนดี”
ซือเหยี่ยนถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ เขาพูดมาอย่างนี้ ตัวเองจะไม่เห็นชอบได้ด้วยหรือไง อีกอย่างยอมรับปากไปก่อน ถึงยังไงเฉินเฉินก็ใจอ่อน ทีหลังก็ค่อยแกล้งทำตัวน่าสงสาร บางทีเขาอาจจะลืมไปเลย
“ได้”
เจียงมู่เฉินมองเขา ยังไม่ทันจะมาปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา “นายว่าอะไรนะ”
“ได้ ผมยอมตกลง” ซือเหยี่ยนพูดซ้ำอีกรอบ
เจียงมู่เฉินยิ้มหัวเราะอย่างพอใจ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นฉันจะพยายามอย่างสุดความสามารถสักหน่อยแล้วกัน ให้นายได้ฟื้นคืนสถานะเดิมของนาย”
ทันทีที่ซือเหยี่ยนได้ยินว่าเจียงมู่เฉินในที่สุดก็ยอมเปิดปากแล้ว นัยน์ประกายความดีใจแทบบ้าของเขา ขณะที่กดร่างคนตรงอยู่ก็มอบรสจูบอันดูดดื่มให้
มีหรือที่เจียงมู่เฉินจะรู้ว่าเขาจะยังทำแบบนี้ด้วย รู้สึกขัดใจจนมองบนใส่แล้ว
เขายกเท้าถีบใส่เจ้าตัว “นายเป็นบ้าหรือไง ไม่คืนดีนายก็จูบ คืนดีนายก็ยังจูบอีก นายแม่งนอกจากจูบฉัน ทั้งวันไม่มีอะไรอย่างอื่นทำแล้วเหรอ”
ซือเหยี่ยนทำไขสือ ลูบจมูกปอยๆ “ก็ผมตื่นเต้นนี่”
เจียงมู่เฉิน “…”
……
วอแวกันอยู่ค่อนวัน ในที่สุดซือเหยี่ยนก็รู้จักว่าง่ายสักที
เจียงมู่เฉินบอกว่าอยากกินอะไรสักหน่อย ยกเท้าถีบเขาให้ออกไปซื้อให้ ซือเหยี่ยนอยากอยู่เป็นเพื่อนเจียงมู่เฉินในห้องต่อ
แต่จะทำอย่างไรได้ เขาถลึงตาใส่ ข่มขู่ทีก็ออกไปแต่โดยดีแล้ว
ก่อนจะไปยังจะหันมามองเขาอยู่อีกหลายครั้งหลายครา
เจียงมู่เฉินเห็นว่ากว่าจะทำให้ซือเหยี่ยนออกไปได้ไม่ใช่ง่ายๆ เขาเอามือกุมหน้าผากอย่างจนใจ
หลับไปแค่ไม่กี่วัน ทำไมมาดหัวสูงขี้เก๊กของซือเหยี่ยนไม่เห็นแล้ว ติดหนึบยิ่งกว่าขนมหนิวผีถัง[1]อีก
หลังจากซือเหยี่ยนออกไป เจียงมู่เฉินเอนพิงอยู่บนเตียง เขาคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นไม่กี่วันนี้อย่างละเอียดถี่ถ้วน
ยังมีเรื่องที่ความทรงจำเพิ่งจะฟื้นคืนอีก
เจียงมู่เฉินเอามือมากดที่หัว คิดไม่ถึงว่าฟู่เหยี่ยนจะพาเขากลับไปที่ปราสาทหลังนั้นอีกครั้ง
ครั้งแรกเขาเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด ครั้งที่สองนี้ยังเกือบจะตายอยู่ที่นั่นอีก
เจียงมู่เฉินกำมือแน่น ถ้าไม่ใช่ว่าเขานึกถึงเรื่องทั้งหมดนี้ขึ้นมาได้ บางทีเขาอาจจะยังไม่คิดต่อรองอะไรกับฟู่เหยี่ยน
ถึงอย่างไรครั้งนี้ ถึงแม้ฟู่เหยี่ยนจะพาตัวเขาไป แต่ก็ยังไม่ได้ลงมือทำอะไรที่ไม่เหมาะไม่ควรกับเขา
ถึงครั้งนี้ไม่ได้ทำ ก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่ทำเลย
ตอนนั้นฟู่เหยี่ยนสลักความอัปยศอดสูประทับบนร่างกายเขา ทั้งชีวิตนี้เขาไม่มีทางจะลืมได้
เขาเจียงมู่เฉินคนทะนงตัวในศักดิ์ศรีคนหนึ่งโดนฟู่เหยี่ยนปฏิบัติใส่แบบนั้น เขาก็ทนรับมันไปตลอดชีวิตนี้ไม่ได้แล้ว
เพียงแต่ว่าเขากับซือเหยี่ยนเพิ่งจะกลับมา ยังมีเรื่องอีกมากมายต้องจัดการ ยังไม่สะดวกจะไปคิดบัญชีกับฟู่เหยี่ยนในตอนนี้
รอเขาหายดี ฟู่เหยี่ยนไม่มีทางหนีรอดไปได้เด็ดขาด
ทุกๆ บัญชีในตอนนั้น เขาต้องการจะสะสางกับฟู่เหยี่ยนให้ชัดเจนให้หมดทุกอย่าง
ถ้าไม่อย่างนั้นจะแก้แค้นเอาคืนได้อย่างไรไหว ตอนนั้นเขาเสียแรงคิดเหยียดหยามดูถูกตัวเองสารพัด สักวันสิ่งที่เขาใช้กับร่างกายตัวเอง ตัวเองจะเอากลับคืนให้ฟู่เหยี่ยนทั้งหมด
ให้เขาได้ลิ้มลองความอัปยศที่ตัวเองได้ประสบพบเจอในตอนนั้นดีๆ
……
ณ ที่พำนักของตระกูลเวลล์แกลตเตอร์ ฟู่เหยี่ยนยืนอยู่หน้าหน้าต่าง หลังจากได้ยินคำพูดของพ่อบ้านหลิน ร่างกายสูงใหญ่ก็แข็งทื่อไปในทันใด
“เจ้าตัวกระโดดลงไปเลย?”
ในน้ำเสียงเขามีความเย็นเฉียบซึมซับอยู่
“เป็นหรือตาย”
ไม่รู้ว่าทางพ่อบ้านหลินพูดอะไร จู่ๆ ฟู่เหยี่ยนก็ตัดสายกะทันหัน
เขายืนอยู่หน้าหน้าต่าง เกร็งไปทั้งตัว เพียงไม่นานก็สั่นเทาไปทั่วร่าง
‘เจียงมู่เฉินเขา…’
[1] ขนมหนิวผีถัง เป็นขนมท้องถิ่นเมืองหยางโจว เนื้อเหนียวนุ่ม ยืดหยุ่น มีกลิ่นหอม ตัวขนมทำจากน้ำตาลทรายขาว งาขาว แป้ง และถั่วลิสง มีรสชาติหลากหลายด้วยการเติม ถั่วสน สตรอเบอรี่ พุทราจีนหรือแม้แต่สีส้มจากน้ำผลไม้ลงไป
ตอนที่ 381 ยิ้มจนน่าเกลียด
ได้กลับมาในที่ของตัวเอง ชีวิตน้อยๆ ของเจียงมู่เฉินก็สบายใจขึ้นมากทีเดียว อยู่ในที่ของคนอื่น ต่อให้จะสะดวกสบายอย่างไรก็สู้การอยู่บ้านตัวเองไม่ได้จริงๆ
บวกกับข้างกายยังมีซือเหยี่ยนคนหนึ่งที่เรียกใช้ได้ตลอดเวลาด้วย
เจียงมู่เฉินนอนอยู่โรงพยาบาลวันเดียว ก็ให้ซือเหยี่ยนพาเขากลับไปแล้ว
เขาพบแล้วว่าตัวเองช่างมีดวงกับโรงพยาบาลจริงๆ เอะอะก็มาที่นี่
เห็นทีว่าหลังจากนี้จะพิจารณาเรื่องบัตรวีไอพีของโรงพยาบาลได้แล้วหรือเปล่า
จะได้ลดความยุ่งยากในการมาครั้งต่อไปอีก
เจียงมู่เฉินลูบคางครุ่นคิดอย่างจริงจัง รู้สึกว่าข้อเสนอนี้ก็ไม่เลวทีเดียว
ซือเหยี่ยนกลับมาจากข้างนอก ก็เห็นเจียงมู่เฉินทำหน้าทำตาแปลกพิลึกอย่างบอกไม่ถูก เขาเดินเข้าไปนั่งอีกฝั่งหนึ่งของเตียง “ทำอะไรอยู่ ยิ้มน่าเกลียดขนาดนี้เชียว”
เจียงมู่เฉินถลึงตาใส่เขาแวบหนึ่ง “คุณชายอย่างฉัน ทำสีหน้าแสดงอารมณ์อะไรก็ไม่น่าเกลียด โอเคไหม”
‘เขาออกจะหล่อขนาดนี้ จะน่าเกลียดได้ยังไงกัน’
คนคนนี้พูดจา ไม่มีประโยคไหนน่าฟังเลยจริงๆ
“จะไปได้หรือยัง” เจียงมู่เฉินถาม
ซือเหยี่ยนพยักหน้า “ได้แล้ว ผมไปเอาผลรายงานการตรวจมาเรียบร้อย ไม่มีปัญหาอะไร ออกจากโรงพยาบาลได้”
เจียงมู่เฉินได้ยินก็ตื่นเต้นดีใจในทันใด ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว ดีจัง
“นายไปหยิบเสื้อผ้ามาให้ฉันที ฉันจะเปลี่ยนชุด”
ซือเหยี่ยนไปหยิบชุดให้เขาอย่างอารมณ์ดี เจียงมู่เฉินเองก็ไม่ได้หลบหลีกไปไหน เขาใส่เสื้อผ้าต่อหน้าซือเหยี่ยน
ถึงอย่างไรระหว่างพวกเขาก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยเห็นกัน ถ้าหลบกันก็ชักจะเสแสร้งเกินไปหน่อยจริงๆ
อีกอย่าง รูปร่างเขาออกจะดีขนาดนี้ มีอะไรให้ต้องหลบซ่อนกัน
ถ้าไม่ใช่ว่าเขาไม่ติดนิสัยโชว์เนื้อหนัง ทุกวันเขาก็จะแต่งตัวเซ็กซี่นิดๆ ให้คนมาชื่นชมเรือนร่างอันดูดีของเขาไปแล้ว
ซือเหยี่ยนที่ยืนอยู่ข้างๆ นัยน์ตาจมดิ่งในอารมณ์ ถ้าหากว่าเขารู้ถึงความคิดในใจเหล่านี้ของเจียงมู่เฉิน เกรงว่าต้องอบรมสั่งสอนเจียงมู่เฉินสักชุดหนึ่งแล้ว
‘กล้าใส่น้อยชิ้น จะให้คนอื่นดูหรือไง’
เจียงมู่เฉินคงจะอยากท้าทายฟ้าดินแล้ว
เขาแกะกระดุมชุดของผู้ป่วย แล้วถอดออกมา จากนั้นยื่นมือไปหยิบเสื้อผ้าที่ซือเหยี่ยนวางไว้อยู่ข้างๆ
เขาสวมใส่ชุดอย่างอ้อยอิ่ง ไม่รีบร้อนเลยสักนิด ราวกับมองข้ามไม่สนใจว่ายังมีซือเหยี่ยนอยู่ข้างๆ อย่างไรอย่างนั้น
ซือเหยี่ยนขบกรามแล้วขบกรามอีก เฉินเฉินของเขาเป็นฝ่ายให้ท่าเองแบบนี้ ถ้าตัวเองยังไม่ทำอะไรสักอย่าง ต้องขออภัยการให้ท่านี้แล้ว
เขาส่งมือไปกดเจียงมู่เฉินไว้ “ในเมื่อไม่อยากใส่ ก็ไม่ต้องใส่แล้ว”
เจียงมู่เฉินรีบเอามือยันเขาไว้ทันที “ใครไม่อยากใส่กัน ตอนนี้ฉันกำลังใส่อยู่ไม่ใช่หรือไง จู่ๆ นายมากดฉันทำไม”
ซือเหยี่ยนหรี่ตาลง “ท่าทางคุณนี่คือกำลังใส่อยู่เหรอ”
เจียงมู่เฉินถลึงตากลับไป “ยังไงกัน ตอนฉันใส่เสื้อ ยังต้องให้นายมายุ่งด้วยเหรอ”
ซือเหยี่ยนมองดูดวงตาแสนเย่อหยิ่งคู่นี้ แล้วเอ่ยโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย “ผมเป็นแฟนของคุณ ผมยุ่งได้”
เจียงมู่เฉินรู้สึกว่าการที่เมื่อวานตัวเองยอมตกลงคืนดีกับเขาเป็นการขุดหลุมฝังกลบตัวเองอีกแล้ว
คิดไม่ถึงว่าเจ้าหมอนี่จะเอามาเป็นข้ออ้าง เจียงมู่เฉินขบกรามอยากจะกัดคน
“นายปล่อยมือเดี๋ยวนี้เลยนะ ฉันจะเปลี่ยนเสื้อผ้าออกจากโรงพยาบาลกลับบ้าน”
ซือเหยี่ยนยังคงกดเขาไว้เหมือนเดิม “ไม่ปล่อย”
เจียงมู่เฉินโกรธจนดวงตาดอกท้อของตัวเองหรี่ลงมองเขา “นายเป็นบ้าเหรอ จะมากดฉันแบบนี้ทำไม ในโรงพยาบาลนายช่วยสำรวมสักหน่อยจะได้ไหม”
‘บ้ากาม เอะอะก็คิดเอาเปรียบเขาตลอด’
จ้องเขาอย่างนี้ วันเวลาช่วงนั้นที่อยู่ข้างซูเตอร์ เขาอดทนไหว ไม่เคยคิดจะเป็นอื่นจริงๆ
เจียงมู่เฉินอดจะพินิจมองเขาไม่ได้
ซือเหยี่ยนเห็นแบบนี้ก็มองเขาอย่างขำขัน “อะไรกัน รู้สึกว่าผมหล่อเกินไป เลยอยากดูผมเยอะๆ เหรอ”
“หึ” เจียงมู่เฉินทำเสียงเย็นแสดงความไม่พอใจ “ฉันรู้สึกว่านายโรคจิตเกินพอแล้วจริงๆ อยากจะกัดนายให้ตายซะจริงๆ”
เขาส่งคอให้โดยไม่ลังเลเลยสักนิด “มาสิ ผมรับรองจะไม่ขัดขืน”