บทที่ 230 หลิวซู

ระบบเติมเงินข้ามภพ

บทที่ 230

หลิวซู

สืบเนื่องจากการต่อสู้ระหว่างเย่เย่และตงหมิงหยูทำให้ธุรกิจของหอการค้าหยูเย่ต้องหยุดชะงักลงชั่วคราว แต่จากการร่วมมือกับสำนักข่าวพิราบฟ้าในครั้งก่อนทำให้เย่เย่มีเงินเก็บมากพอที่จะสานต่อหอการค้าของเขา และถึงแม้จะเซี่ยงเฟ่ยหลินจะระงับสัญญาชั่วคราวแต่เขาก็ยังแนะนำเย่เย่ให้กับลูกค้าของเขาเป็นครั้งเป็นคราวไป

ในระหว่างที่หอการค้าปิดปรับปรุง ลู่จุ้นก็ถือโอกาสนี้ในการพักผ่อน เดินทางไปยังเขตสลัมตงเฉิง ช่วยเหลือผู้คนที่อดอยาก มอบสิ่งของที่จำเป็นในการดำรงชีวิตให้แก่พวกเขา

เดิมทีเขตสลัมตงเฉิงนั้นเคยเป็นบ้านเกิดของลู่จุ้น หากเขาไม่ได้สกุลเหวินรับมาเลี้ยงป่านนี้เขาคงจะเกิดใหม่ไปแล้ว ในเมื่อเขามีโอกาสได้เติบโต เขาจึงอยากแบ่งปันสิ่งเหล่านั้นให้กับคนอื่นๆเช่นเดียวกัน

ทันใดนั้นลู่จุ้นก็พบว่าไม่ได้มีเพียงเขาคนเดียว แต่ยังมีสาวงามผิวพรรณเปล่งปลั่ง สวมชุดสีเขียวอ่อนตามแบบฉบับชาววัง ดูแล้วเข้ากับผิวขาวนวลละเอียดของนาง คอยแจกจ่ายข้าวปลาอาหารให้กับผู้ยากไร้สองข้างถนนแบบเดียวกับเขา

แม่นางผู้นั้นดูแล้วอายุเข้าสู่ 20 ปีได้หมาดๆ แต่ท่าทีสง่าผ่าเผย ดูเป็นผู้ใหญ่ น่าเสียดายที่ดวงตาของนางนั้นบอดสนิททั้งสองข้าง ทำให้ผู้คนที่จ้องมองนางต่างเสียดายรูปลักษณ์อันน่าเชยชมไปตามๆกัน

ลู่จุ้นมาทราบภายหลังจากผู้คนแถวนั้นว่านางชื่อ หลิวซู เป็นลูกสาวคนโตสกุลหลิวที่มีชื่อเสียงในหวางตู้ นางถูกแมลงพิษต่อยเข้าที่บริเวณเปลือกตาทำให้พิษแทรกซึมและทำให้ตาบอดในที่สุด ถึงแม้ตระกูลหลิวจะทุ่มกำลังทรัพย์จ้างหมอเก่งๆมารักษาดวงตาของนาง แต่ก็ไม่เป็นผล นางจึงทนทุกข์ทรมานอยู่เช่นนี้

ลู่จุ้นที่ตกตะลึงในความงามหยาดเยิ้มของนางตั้งแต่แรกเห็น จึงหาโอกาสแวะเวียนมาที่เขตสลัมนี้บ่อยๆ เขาแจกจ่ายของตัวเองไปพลางชะเง้อหน้ามองนางไป ทุกครั้งที่นางได้รับคำขอบคุณจากผู้คน รอยยิ้มของนางจะสว่างสดใสและเปี่ยมไปด้วยความไร้เดียงสาซึ่งหาได้ยากยิ่งในยุทธภพ

ทันทีใดนั้นลู่จุ้นก็นึกถึงผงเบิกเนตรที่เย่เย่เคยมอบให้เขา แต่เขาก็ลังเลที่จะขายให้กับสกุลหลิวโดยที่ไม่ปรึกษาเย่เย่ก่อน

ขณะที่เขาตรึกตรองอยู่นั้น กลุ่มชายฉกรรจ์ทรงโจรก็เดินตรงไปทางนาง

“สาวน้อย ท่านฉินต้องการพบเจ้า ตามข้ามาซะ” ชายที่อยู่ตรงกลางเชยคางของนางขึ้น และพูด กับนางด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ

เมื่อหลิวซูได้ยินชื่อสกุลฉิน สีหน้าของนางก็เปลี่ยนไป แต่นางก็ทำเป็นใจดีสู้เสือตอบกลุ่มชายฉกรรจ์กลับไปอย่างกล้าหาญ “เจ้ากล้าดียังไงมาลักพาตัวข้ากลางวันแสกๆแบบนี้? ไปซะ ขืนแตะต้องตัวข้าอีกแม้แต่ปลายนิ้ว ท่านพ่อไม่ละเว้นพวกเจ้าแน่!”

พอชิวซู หัวหน้ากลุ่มชายโฉดได้ยินคำข่มขู่ของนาง เขาก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้

“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าหมายถึงไอ้แก่หลิวเกิงเฉิง งั้นรึ? ฮ่าฮ่าฮ่า แค่จะเดินยังไม่ไหวเลย จะมีน้ำยาอะไรมาต่อกรกับท่านฉินของพวกข้า หือ?”

ในช่วงเวลาคับขันนี้เอง ชายผู้หนึ่งก็ได้ปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าบริวารสกุลฉิน

“ปล่อยนางไป เดี๋ยวนี้!” ชายผู้นี้คือลู่จุ้น ผู้ที่อดรนทนไม่ได้กับการกระทำที่ต่ำช้าของชิวซู

“รนหาที่ตายรึเจ้าหนู!” ชิวซูยิ้มเยาะ พร้อมกวักมือให้ลูกน้องของเขาเล่นงานชายหนุ่มที่แส่ไม่เข้าเรื่อง

ชายร่างสูงคนหนึ่งเงื้อมือตบหน้าลู่จุ้นอย่างเต็มแรงเพื่อเป็นการสั่งสอน แต่ลู่จุ้นเองก็ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป เขาเบี่ยงหัวหลบวิถีการโจมตีได้อย่างหมดจด ก่อนยกขาเตะที่หว่างขาของชายสูงจนล้มลงไปกองกับพื้นด้วยความเจ็บปวด

“ผู้ฝึกยุทธ์งั้นรึ!?” เมื่อลู่จุ้นเผยวรยุทธ์ กลุ่มของชิวซูถึงกับอุทานขึ้นมา แต่ชายสูงที่นอนอยู่กับพื้นก็ฉวยจังหวะล็อกข้อเท้าและเหวี่ยงลู่จุ้นลงกับพื้นอย่างรุนแรงจนพื้นแตก

เปรี้ยงงงง!

“อยากเป็นฮีโร่ แต่ก็เป็นได้แค่ไอ้โง่ ถุ้ย!” ชิวซูถ่มน้ำลายใส่หน้าลู่จุ้นที่นอนเกลือกกลิ้งอยู่กับพิ้น

“มองอะไร ที่บ้านไม่เคยเห็นคนทะเลาะกันรึไง!?” ชิวซูตวาดขึ้นครั้งหนึ่ง เหล่าจีนมุงก็พากันแตกฮือออกไป แม้พวกเขาจะเหม็นขี้หน้าเจ้าถิ่นเต็มทีแต่ก็ไม่มีใครกล้าหือกับชิวซูเลยแม้แต่คนเดียว

ในขณะที่ชิวซูหันหลังให้เขา ลู่จุ้นก็เอามือยันพื้นยืนขึ้นอีกครั้ง

“เทพยุทธ์น้อย อยากทดสอบพลังของเทพอสูรงั้นรึ!? ขืนเจ้าโจมตีใส่ลูกน้องข้าอีกครั้งข้าจะหักนิ้วเจ้าทีละนิ้วเลยคอยดู!”

ลู่จุ้นไม่สนคำข่มขู่ของชิวซู แทนที่จะหนี เขากลับสืบเท้าเข้าหาชายโฉดด้วยสายตาที่มุ่งมั่น

“เหอะ! ใจกล้าไม่เบานี่ แกเป็นใครกันแน่?” ชิวซูคุมถิ่นนี้มาเนิ่นนาน แต่เขาก็ไม่คุ้นหน้าลู่จุ้นมาก่อน

“ลู่จุ้น แค่เสี่ยวเอ้อหอการค้าหยูเย่ที่ผ่านทางมา” ลู่จุ้นหวังใช้ฐานะของหอการค้าหยูเย่ข่มขู่อีกฝ่าย

“หอการค้าหยูเย่!?” ชิวซูอุทานขึ้นอย่างแปลกใจ

“ลูกพี่ สกุลฉินมีอำนาจมากก็จริง แต่ก็ไม่ควรไปกระตุกหนวดเสือ ข้าว่าวันนี้เราถอยก่อนดีกว่าขอรับ” ชายร่างสูงย่อตัวกระซิบให้ชิวซูฟัง

“สมน้ำหน้า! เจ้าหนุ่มเรียกเถ้าแก่ของเจ้ามาถล่มพวกมันเลย!” ฝูงชนได้ยินชื่อของหอการค้าหยูเย่ก็หูผึ่ง พร้อมตะโกนให้เจ้าถิ่นเสียขวัญ

เช่นเดียวกับแม่นางหลิวซู แม้นางจะตาบอดแต่ก็สัมผัสได้ถึงแสงแห่งความหวังที่ลอดผ่านเข้ามาท่ามกลางความมืดมิด

ตรงกันข้ามกับกลุ่มชายฉกรรจ์ที่เริ่มสับสน และไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรต่อไป ถึงแม้หอการค้าหยูเย่จะเพิ่งมีเรื่องบาดหมางกับทัณฑ์สวรรค์ แต่ก็ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าหอการค้าหยูเย่จะไม่ถล่มพวกเขาหลังจากนี้

สุดท้ายแล้วชิวซูจึงตัดสินใจโค้งคำนับลู่จุ้นอย่างนอบน้อม “ต้องขออภัยที่ข้าล่วงเกินท่าน”

“ไม่ต้องพูดมาก! พวกเจ้าจะกลับไปแต่โดยดี หรือจะให้ข้ารายงานเรื่องนี้กับท่านเย่!” ลู่จุ้นเขียนเสือให้วัวกลัว ยกชื่อเย่เย่ขึ้นเพื่อให้พวกอันธพาลยอมล่าถอยไป และผลลัพธ์ก็เป็นไปอย่างที่คาดคิด…