ในตอนนี้หวังหู่ไม่ได้อยากฟังเฉินเฉิน และมองแต่ม้าสีขาวที่เขาขี่อยู่

 

นั่นคือม้าของลูกสาวเขาหวังซูฉิน!

 

ก่อนที่เขาจะได้ถามมากกว่านี้ เฉินเฉินก็พูดอย่างใจเย็น “จะไม่รู้จักข้าก็ไม่แปลกหรอก ชื่อของข้าคือเฉินเฉิน เฉินชานเป็นพ่อของข้าเอง ตอนนี้เข้าใจรึยังหล่ะ?”

 

เมื่อได้ฟังดังนี้ สีหน้าของหวังหู่ก็มืดมนขึ้นมาอย่างกระทันหัน

 

เมื่อช่วงเช้า หวังซูฉินบอกว่าเธอจะพาคนบางส่วนไปที่หมู่บ้านหิน แล้วเอาหัวของตระกูลเฉินติดมือกลับมาฝาก

 

แล้วทำไมลูกของเฉินถึงขี่ม้าของลูกสาวเขามาที่หน้าประตูบ้านหล่ะ?

 

นี่มันทำให้เขาสับสนจริงๆ

 

“เจ้าคนชั้นต่ำ ลูกสาวของข้าขอให้เจ้ามาอ้อนวอนข้าที่นี่รึไง? คิดว่าเจ้าสมควรขี่ม้าตัวนั้นหรอ? ลงมาเดี๋ยวนี้นะ!”

 

หวังหู่กรอกตา ด้วยความคิดที่ว่าเขาเข้าใจสถานการณ์ดีแล้ว

 

ความเป็นไปได้อย่างการที่ตระกูลหวังทุกคนถูกกวาดล้างนั้น มันไม่ได้อยู่ในการพิจารณาของเขาด้วยซ้ำ

 

ใครจะไปคิดหล่ะว่าจะมีเซียนมาจากหมู่บ้านชาวนาจนๆ

 

“อวดดีนัก! หวังหู่ เจ้ากล้าดียังไงถึงมาดูหมิ่นพี่ใหญ่ของข้า? ข้าจะสู้กับเจ้าให้ตายไปข้าง!”

 

เฉินเฉินไม่ได้ตอบสนองอะไร แต่จางจีกลับโกรธแทนเขา เขาชักดาบออกมาแล้วชี้ไปที่หวังหู่พร้อมกับตะโกนออกมาอย่างไม่พอใจ

 

หวังหู่กับพ่อบ้านเจามองหน้ากันและจากนั้นก็มองไปที่จางจีเหมือนกับว่าเขาเป็นเด็กที่สมองพิการ

 

พวกเขาคิดว่าเด็กคนนี้เสียสติไปแล้ว เขามีอายุ 20 ปีและเป็นลูกชายของตระกูลหลัก แต่เขากลับเรียกเด็กหนุ่มที่สวมเสื้อผ้ากระสอบ และดูน่าจะมีอายุไม่ถึง 18 ปีว่าพี่ใหญ่หรอ?

 

มันต้องมีอะไรผิดปกติกับตัวเขาแน่ๆ

 

ในขณะที่มองจางจีที่ดูซื่อสัตย์กว่าเหลาเฮยของเขา เฉินเฉินก็พูดไม่ออกเล็กน้อย เขาชี้นิ้วไปแล้วเปลวเพลิงก็ออกมาจากนิ้วของเขา และเปลี่ยนคนคุ้มกันที่หน้าประตูให้กลายเป็นเถ้าถ่าน

 

ตั้งแต่ที่เขาเรียนรู้วิธีการควบคุมไฟ เฉินเฉินก็ได้พัฒนาจากการต่อสู้ระยะประชิดเป็นการโจมตีในระยะที่ไกลขึ้น

 

และเมื่อเทียบกับการเตะ วิชาการควบคุมไฟนี้ขั้นสูงกว่าและงดงามกว่ามาก มันแบ่งแยกเขาออกจากระดับมนุษย์ในทันที และยังสร้างความตกใจให้ผู้คนด้วย

 

เมื่อเห็นเช่นนี้ สถานการณ์ก็เงียบลงอย่างกระทันหัน แม้แต่เสียงเข็มตกก็ยังได้ยิน

 

ไม่ว่าจะเป็นคนคุ้มกัน หวังหู่ หรือพ่อบ้านเจา สายตาของทุกคนกลมโตเหมือนกับกระดิ่งทองแดง ไม่มีใครเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้นเลย

 

เด็กหนุ่มที่ขี่ม้าสีขาวตรงหน้าพวกเขา… เป็นเซียนหรอ?

 

“ถ้าใครเคยฆ่าคนเพื่อตระกูลหวังก็จงปลิดชีวิตตัวเองซะ ส่วนใครที่ไม่เคยฆ่าคนเพื่อพวกมันก็จงไสหัวไปเดี๋ยวนี้เพื่อรักษาชีวิตของพวกเจ้าเอาไว้

 

“ในส่วนของคนตระกูลหวัง ทุกคนจะต้องตายวันนี้”

 

เฉินเฉินดึงมือของเขากลับมา น้ำเสียงของเขาราบเรียบและดูไม่แยแส

 

กลุ่มคนคุ้มกันที่ปกติจะดุร้ายเหมือนหมาป่า พวกเขาได้กลายสภาพเป็นแกะในทันที มีดของพวกเขาตกลงพื้นด้วยความหวาดกลัวและทุกคนก็คุกเข่าขอความเมตตาจากเฉินเฉิน

 

ในโลกนี้ การเผชิญหน้ากับพลังของเซียนนั้นเป็นสิ่งที่น่าหวาดหวั่นจริงๆ

 

“ทุกคนที่ข้าบอกว่าออกไปได้ ออกไปซะ วันนี้ฆ่าไม่อยากทำบาปจากการฆ่าคนมากเกินจำเป็น” เฉินเฉินสั่งในขณะที่นั่งอยู่บนหลังม้า และแอบภาวนาอยู่ในใจ

 

เขาอดนึกถึงตัวเอกในหนังกำลังภายในจากชีวิตก่อนของเขาไม่ได้ ในทันทีที่พวกเขาถูกประกาศชื่อ อย่างเช่น ‘เฉียวฟงเหนือ’ หรือ ‘มู่หยงใต้’ ผู้คนก็จะพากันหวาดกลัว (ตัวละครจากเรื่องมังกรหยก)

 

“ข้านี่น่าสมเพชจังเลยนะเริ่มมาตั้งนานขนาดนี้แล้ว ยังไม่ได้ซักฉายาเลย”

 

ในขณะที่กำลังคร่ำครวญกับเรื่องนี้ คนคุ้มกันบางคนก็ได้โยนอาวุธของพวกเขาทิ้งและเตรียมหนี

 

“ระบบ ในกลุ่มนี้มีใครบ้างที่สมควรตาย?” เฉินเฉินถามในใจในขณะที่ทุกคนกำลังเตรียมตัวหนี

 

“ห้าเมตรทางซ้าย หกเมตรทางขวา และแปดเมตรทางขวาค่ะ….” ระบบรายงานมาห้าคนในรอบเดียว

 

ห้าคนที่ว่านี้ไม่ได้อยู่ในข้อยกเว้น และไม่ได้ตั้งใจจะปลิดชีวิตของตัวเองด้วย

 

เฉินเฉินเย้ยหยัน แล้วยิงไฟใส่คนคุ้มกันหนึ่งในห้าคนนั้น และเผาเขาเป็นเถ้าถ่านในทันที

 

“ข้าหวังว่าเจ้าจะรู้ถึงเรื่องชั่วร้ายที่เจ้าเคยทำลงไปนะ ถ้าเลือกฆ่าตัวตาย อย่างน้อยเจ้าก็จะได้มีร่างไร้วิญญาณเหลืออยู่ครบ ลองคิดดูดีๆสิ”

 

เมื่อได้ฟังคำพูดของเฉินเฉิน บางส่วนที่เคยฆ่าคนมาก่อนก็ทรุดลงกับพื้นด้วยขาที่อ่อนแรง หลังจากนั้นซักพัก พวกเขาก็หวาดกลัวมาก และควบคุมการขับถ่ายไม่ได้อีก

 

โลกนี้มีความเชื่ออยู่ว่าการถูกฝังเมื่อตายไปแล้วคือการตายที่ดีที่สุด และพวกที่ตายโดยไม่เหลือร่างก็จะไม่ได้กลับมาเกิดใหม่ ดังนั้นการเผาเป็นเถ้าถ่านในสายตาของพวกเขาจึงน่ากลัวกว่าการฆ่าตัวตายหลายเท่า

 

ก่อนหน้านี้ ในตอนที่เฉินเฉินเตะคนตายในหมู่บ้านหิน คนคุ้มกันของหวังบางคนยังกล้าต่อสู้กับเขาจนตัวตาย แต่ตอนนี้ ด้วยการใช้วิชาควบคุมเพลิง เขาก็ทำให้คนคุ้มกันพวกนี้กลัวจนเสียสติได้แล้ว

 

“ท่านเซียน! ข้าสำนึกผิดแล้ว! เกิดชาติหน้าข้าจะทำตัวเป็นคนที่ดีขึ้น!” หนึ่งในคนคุ้มกันตะโกนออกมา จากนั้นก็ปาดคอตัวเอง

 

คนที่เหลือต่างก็กลัวกันหมด และนอนหมอบอยู่กับพื้นเหมือนหมาตาย ไม่สามารถที่จะทำการฆ่าตัวตายได้

 

พวกเขาไม่มีทางออก เซียนที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาน่ากลัวเกินไป และพวกเขาก็ไม่สามารถปกปิดได้ด้วยว่าพวกเขาเคยฆ่าคนมาก่อน สำหรับพวกเขา เขาก็เหมือนกับเทพที่ไม่สามารถขัดขืนได้

 

ในส่วนของคนคุ้มกันที่มีบาปน้อยกว่า พวกเขาได้หนีหายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว

 

ในที่สุดหวังหู่กับพ่อบ้านเจาก็ตระหนักได้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขาทั้งคู่ค่อนข้างกลัวเลยทีเดียว

 

พ่อบ้านเจาหยุดพูดถึงเรื่องการแต่งงาน เขาปาดเหงื่อออกจากหน้าผากแล้วพูด “ท่านเซียน ข้าแค่ผ่านทางมา ข้าไม่มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลหวังนี้ ลาก่อน!”

 

เขาได้สาปแช่งตระกูลหวังไป 18 ชั่วโคตรซ้ำไปซ้ำมาในใจของเขา แล้วเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมจางจีถึงยอมรับเด็กหนุ่มคนนี้เป็นพี่ใหญ่

 

คนที่มีฐานะเป็นเซียนนั้น ไม่ต้องพูดถึงที่จางจีเรียกเขาว่าพี่ใหญ่หรอก เขาสามารถทำให้พ่อบ้านเจาที่อายุอยู่ในช่วง 50 ปี เรียกว่าท่านผู้อาวุโสได้ด้วยซ้ำ!

 

“หืม?” เฉินเฉินจ้องมองเขา

 

แค่สายตาเพียงอย่างเดียวก็บังคับให้พ่อบ้านเจาคุกเข่าได้แล้ว

 

“ท่านเซียน ข้าไม่มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลหวังจริงๆครับ!”

 

“คุกเข่าต่อไป”

 

“ครับ…” พ่อบ้านเจาตอบกลับ เหงื่อบนหน้าของเขาไหลท่วมเหมือนฝนตก แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะขยับตัวเลยซักนิด

 

ในส่วนของหวังหู่ เขาเองก็กำลังหายใจหอบอยู่ ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนของตระกูลหวังที่ถูกส่งไปยังหมู่บ้านหิน

 

ใครจะไปรู้หล่ะว่าความคิดชั่วร้ายที่นึกขึ้นมาได้อย่างกระทันหันจะทำลายทั้งตระกูลของเขา?

 

‘ซูฉินเจ้าทำให้ข้าชิบหาย!’ หวังหู่สบถในใจ จากนั้นก็หยิบมีดจากพื้นขึ้นมาแล้วปาดคอตัวเอง

 

ดวงตาของเฉินเฉินกระตุกกับฉากที่เห็น

 

ในช่วงเวลานี้เอง เขาก็ได้เข้าใจถึงความน่ากลัวของพลังแห่งเซียนในโลกนี้แล้ว

 

เขากลัวว่าน่าจะมีเซียนที่ทำเรื่องไม่ดีอยู่ด้วย ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะทำให้กลุ่มมนุษย์อยู่ในสภาพแบบนี้ได้ยังไงกันหล่ะ

 

“พี่เฉิน… นี่มัน…”

 

ความประทับใจในสายตาของจางจีนั้นเกินกว่าที่จะกลั่นกรองออกมาเป็นคำพูดได้ คำพูดของเขาขาดตอน และเขาก็ไม่สามารถบรรยาความรู้สึกของตัวเองออกมาได้อย่างราบรื่น

 

“ก็แค่เรื่องง่ายๆหน่ะ ไม่ต้องชื่นชมนักหรอก” เฉินเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม

 

จางจีไม่เข้าใจ แต่มันก็ไม่ได้ส่งผลกระทบกับความชื่นชมของเขาเลย

 

จากนั้นดูเหมือนว่าเขาจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ แล้วเสนอตัว “พี่เฉิน ให้ข้าจัดการพวกที่เหลือเองนะครับ ข้าได้ยินมาว่าหลังจากที่เข้าสู่หนทางแห่งเซียนแล้ว การสังหารมนุษย์เป็นจำนวนมากมันจะดูไม่ดี ไม่อย่างนั้น ท่านจะถูกฟ้าผ่าได้ในตอนที่ท่านไปอยู่บนสวรรค์!

 

“ถ้าท่านเป็นแค่เซียนธรรมดา ก็คงจะไม่เป็นอะไร แต่ในกรณีของพี่เฉินท่านจะได้ขึ้นไปถึงจุดนั้นอย่างแน่นอน”

 

หลังจากที่พูดออกมาเช่นนี้ จางจีก็ชักดาบของเขาออกมาแล้ววิ่งเข้าไปในตัวคฤหาสน์ของตระกูลหวัง

 

เฉินเฉินประหลาดใจกับแผ่นหลังที่ค่อยๆหายไปของเขา

 

ช่างเป็นน้องเล็กที่ยอดเยี่ยมจริงๆ!

 

เขาไม่ใช่แค่มั่นใจในตัวพี่ใหญ่ของเขา แต่ยังยอมเสนอตัวและแบ่งปันความกังวลกับเขาด้วย!

 

ที่สำคัญกว่านั้น เขายังนำพาโอกาสดีๆมาให้พี่ชายของเขาอีก

 

น้องเล็กแบบนี้สามารถเทียบได้กับโอกาสที่ยิ่งใหญ่ได้เลย มันเป็นการพบกันที่น่าเหลือเชื่อและหาไม่ได้อีกแล้ว

 

เขาต้องทำดีกับเขาต่อไปเพื่อทำให้เขาเชื่อฟังยิ่งขึ้น!