จางจีวิ่งเข้าไปในคฤหาสน์ตระกูลหวัง แล้วออกมาด้วยร่างกายที่เปื้อนเลือดหลังจากนั้นไม่นาน
“พี่เฉิน ข้าจัดการงานเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ”
“ถ้างั้นก็ไปที่บ้านของเจ้ากันเถอะ” เฉินเฉินตอบกลับ
“เอ่อ….แต่มันยังมีของมีค่าอยู่ในคฤหาสน์หวังนะครับ ถ้า…” จางจีพูดด้วยความเขินอายเล็กน้อย
“พวกมันก็แค่วัตถุทางโลก ตอนนี้ปล่อยเอาไว้ก่อนเถอะ ถ้าพวกเราไปถึงบ้านของเจ้าช้าเพราะพวกมันนี่ไม่ดีเลยนะ อาจจะมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นก็ได้” เฉินเฉินอธิบายอย่างอบอุ่นเหมือนกับว่าเป็นพี่ชายแท้ๆ
จางจียิ่งรู้สึกตื้นตันกับคำพูดของเขา จากนั้นก็หันไปมองพ่อบ้านเจา
“พี่เฉิน พ่อบ้านเจานั้นทำธุรกิจอันตรายอยู่หลายอย่างและเคยเป็นมันสมองของกองโจรขี่ม้า พวกเราควรกำจัดเขาไหมครับ?”
เฉินเฉินส่ายหัวแล้วสะกิดม้าให้เดินไปหาพ่อบ้านเจาพร้อมกับถามเขาด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ “ตาแก่เจา ข้าขอถามหน่อย ในตระกูลจางใครเป็นหนอนบ่อนไส้ให้แก?”
เมื่อได้ฟังดังนี้ ร่างกายของพ่อบ้านเจาก็เริ่มสั่น
เขารู้ว่าเซียนคนนี้กำลังแทรกแซงเรื่องระหว่างตระกูลจางกับตระกูลเจา!
ตระกูลเจาจบสิ้นแล้ว!
เมื่อเทียบกับจางจีที่ร่างกายเต็มไปด้วยเลือด เซียนที่กำลังยิ้มอยู่และเรียกเขาว่า ‘ตาแก่เจา’ คนนี้น่ากลัวกว่าเยอะ
“หนอนบ่อนไส้หรอครับ? ได้ยังไงกัน? มีคนทรยศอยู่ในตระกูลของข้าหรอ?” จางจีถามด้วยความไม่เชื่อ
พ่อบ้านเจามองเขาด้วยความดูถูก จากนั้นก็ตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “คนๆนั้นคือ…ลูกพี่ลูกน้องของจางจี อู๋เหว่ยครับ”
“หรอ? แล้วทำสัญญากับเจ้านั้นเอาไว้แค่ไหน?” เฉินเฉินถามต่อ
“หลังจากจัดการตระกูลจางได้… เขาจะได้ตัวคุณหญิงน้อยจางไป รวมทั้งทรัพย์สมบัติของตระกูลจางครับ” พ่อบ้านเจาไม่กล้าปกปิดความจริง ถึงยังไง พื้นเพก็เป็นโจรขี่ม้า เขาไม่ได้เป็นคนที่ซื่อสัตย์มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
“ไม่มีทางหน่า… ได้ยังไงกัน… เจ้าต้องล้อเล่นแน่ๆ! ที่ลูกพี่ลูกน้องของข้าได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายเป็นเพราะท่านพ่อรับเขามาเลี้ยง เขาทำแบบนั้นได้ยังไงกัน!?”
จางจีสั่นไปทั้งตัวเหมือนกับว่าเขาถูกฟ้าผ่า ในเวลานี้เขาดูสีหน้าไม่สู้ดีเลย
เฉินเฉินถอนหายใจในขณะที่มองจางจี
เด็กคนนี้ยังอ่อนต่อโลกและยังรู้จักสังคมไม่ดีพอ ‘เด็กเกินไป ง่ายเกินไป และใส่ซื่อเป็นบางครั้ง’ เขาคิด
“พวกเราไปที่บ้านของเจ้าแล้วดูเองก็ได้ว่าพ่อบ้านเจาพูดความจริงรึเปล่า” เฉินเฉินพูด
“ยังไงหล่ะครับ?”
“พวกเราค่อยคุยระหว่างทาง แล้วก็พาพ่อบ้านเจาไปกับเราด้วย”
…
ไม่นานนัก ทั้งสองก็ไปถึงคฤหาสน์ตระกูลจาง
ณ จุดนี้คนคุ้มกันที่ประตูกำลังระแวดระวังอย่างเต็มที่
“นายน้อยกลับมาแล้ว!”
แม้ว่าร่างกายจะเปื้อนเลือด แต่คนคุ้มกันก็จำจางจีได้และรีบเปิดประตูให้เขา
พอลงมาจากม้า จางจีก็สั่งคนคุ้มกันในขณะที่ชี้ไปที่พ่อบ้านเจา “จับตาดูเจ้านี่เอาไว้ให้ดีด้วย”
“ครับ!”
โดยไม่พูดอะไรให้มากความ คนคุ้มกันก็มาดึงตัวพ่อบ้านเจาไป
หลังจากนั้น จางจีก็เดินไปอยู่ข้างเฉินเฉิน เป็นการส่งสัญญาณว่า ‘เชิญครับ’
“พี่เฉิน เชิญก่อนเลยครับ!”
เฉินเฉินยิ้ม และแทนที่จะเช็ดเลือดบนหน้าของจางจีเขากลับละเล็งจนแทบจำหน้าเขาไม่ได้
“ทักษะการแสดงของเจ้ายังไม่พอนะ เพราะฉะนั้นทำให้หน้าของเจ้าอ่านไม่ได้จะดีกว่า ในตอนที่พวกเราเข้าไปแล้ว ก็ทำตามที่ข้าสอนหล่ะ ด้วยวิธีนี้ พวกเราจะได้เห็นกันว่าลูกพี่ลูกน้องของเจ้าเป็นคนทรยศรึเปล่า”
“ครับ!” จางจีตอบกลับ
ณ ตอนนี้ เขายังไม่เชื่อสนิทใจว่าลูกพี่ลูกน้องของเขาเป็นคนทรยศ
ทั้งสองเข้าไปในตัวอาคารหลักของตระกูลจาง ก่อนที่เฉินเฉินจะได้ชื่นชมกับความงามข้างใน คนๆนึงก็วิ่งออกมากอดจางจีในทันทีโดยไม่พูดอะไร
“ลูกพี่ลูกน้อง! เจ้าเป็นอะไรไหม? ทำไมร่างกายถึงเลอะเลือดขนาดนี้หล่ะ?”
เฉินเฉินมองคนๆนี้ เขาเป็นเด็กหนุ่มอายุใกล้เคียงกับเฉินเฉิน สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเป็นห่วง และดูเล่นใหญ่จริงๆ
เห็นได้ชัดเลยว่าคนๆนี้ก็คืออู๋เหว่ย ลูกพี่ลูกน้องของจางจี
“ระบบ แถวนี้มีคนที่คิดร้ายกับตระกูลจางไหม?”
“สองเมตรตรงหน้าท่านค่ะ”
เมื่อได้ฟังคำตอบของระบบ เฉินเฉินก็รู้สึกพอใจ
ด้วยการเริ่มต้นที่ดีนี้ ตอนนี้เขาก็สามารถทดสอบได้ด้วยความมั่นใจที่มากว่าเดิมมาก
…
ไม่นานนัก ก็มีอีกหลายคนวิ่งออกมาจากหลังบ้าน คนที่นำมาเป็นชายวัยกลางคนที่มีร่างกายกำยำ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความหยาบกร้าน และดูคล้ายกับจางจี
เห็นได้ชัดเลยว่าคนๆนี้คือพ่อของจางจี จางเต๋อ
จางเต๋อเป็นผู้ชายสายทหาร และสร้างครอบครัวมาได้ขนาดนี้ด้วยผลงานทางการทหาร
อย่างไรก็ตาม เขาเป็นคนที่ค่อนข้างซื่อ
ไม่อย่างนั้น เขาคงไม่มีลูกชายที่ใสซื่อแบบนี้ หรือมองข้ามการคำนวณทั้งหมดและประกาศสงครามกับตระกูลเจาที่มีอำนาจมากกว่าแค่เพราะลูกชายของเขาถูกโจมตีจนทำให้ทั้งตระกูลต้องเจอกับวิกฤตแบบนี้หรอก
เฉินเฉินสังเกตสมาชิกตระกูลจางทุกคนอย่างเงียบๆ
แม่ของจางจีนั้นดูเหมือนกับผู้หญิงทั่วๆไป ที่ไม่ได้มีจุดเด่นเป็นพิเศษ
ในอีกด้านนึง น้องสาวของจางจีดูเหมือนกับพันธุกรรมผิดเพี้ยนจนทำให้เธอดูน่าอัศจรรย์จริงๆ ในวัยแค่ 18 นี้ เธอดูเหมือนกับดอกลิลลี่ที่ผุดขึ้นจากน้ำ เป็นความงดงามที่ชัดเจน
และด้วยสีหน้าเป็นห่วงในขณะที่เธอมองน้องชายนั้น มันก็ยิ่งทำให้เธอดูน่ารักขึ้นไปอีก
แค่นี้ก็อธิบายเจตนาของอู๋เหว่ยได้แล้ว แม้แต่เฉินเฉินก็ยังรู้สึกหวั่นไหวเลย
เฉินเฉินคิดเรื่องพวกนี้ในใจ และอดยิ้มออกมาไม่ได้
“ว่าแต่เจ้าหนุ่มคนนี้เป็นใคร…?”
จางเต๋อเป็นคนแรกที่สังเกตเห็นเฉินเฉิน และถามคำถามนี้กับจางจี
จางจีผละออกมาจากอู๋เหว่ยในทันทีแล้วแนะนำเฉินเฉินอย่างเป็นทางการ
“คนๆนี้เป็นพี่ชายคนใหม่ที่ข้าพึ่งทำความรู้จัก พี่เฉินเฉินครับ! เขาช่วยชีวิตของข้าเอาไว้! ศิลปะการต่อสู้ของเขานั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าข้าเลย! และตอนนี้ เขาก็ยินดีที่จะช่วยตระกูลของเราด้วย!”
คำพูดของเขานั้นจริงครึ่งไม่จริงครึ่ง ซึ่งทั้งหมดนี้ได้รับการสั่งสอนมาจากเฉินเฉิน
จางเต๋อไม่ได้ดูถูกเขากับแค่เพราะเสื้อผ้าโทรมๆของเฉินเฉิน นอกจากนี้ เขายังกำหมัดแน่นและประกาศออกมา “หนุ่มน้อย เจ้าคือผู้มีพระคุณของตระกูลจางสำหรับการที่ช่วยชีวิตลูกชายของข้า! ตระกูลของข้าจะทำทุกอย่างที่พวกเราทำได้เพื่อช่วยเหลือเจ้า ต่อให้นั่นหมายถึงการวิ่งเข้าหากองไฟก็ตาม!”
เฉินเฉินขมวดคิ้ว เนื่องจากพวกเขาเป็นพ่อลูกกัน คำพูดของพวกเขาจึงเหมือนจนน่าประหลาดใจเช่นกัน
“การช่วยเหลือเมื่อมีความจำเป็นมันคือส่วนหนึ่งในความรับผิดชอบของข้าครับ ท่านจาง ท่านไม่ต้องสุภาพกับข้าขนาดนี้ก็ได้”
“ข้าไม่ได้สุภาพ ข้าจริงจังมาก คุยกันที่นี่คงไม่ดีเท่าไหร่ ช่วยตามเข้ามาข้างในเถอะ” จางเต๋อพูดอย่างจริงจังแล้วชี้ไปที่ห้องรับแขก
เฉินเฉินพยักหน้าแล้วเดินตรงไปตามทางที่เขาชี้
ในตอนที่เดินผ่านอู๋เหว่ยไปนั้น เขาก็สัมผัสได้ถึงความเป็นศัตรูอย่างชัดเจน
ข้างในห้องรับแขก เฉินเฉินถูกพาไปยังที่นั่งของแขกในขณะที่มีคนใช้คนนึงเข้ามาเสิร์ฟน้ำชาให้เขา
เฉินเฉินพยักหน้าแล้วจิบชาจากแก้ว อากัปกิริยาของเขานั้นทั้งงดงามและเป็นสง่า
สายตาของทุกคนนั้นแสดงให้เห็นถึงความประหลาดใจในตอนที่เห็นภาพนี้
เฉินเฉินเงยหน้ามองด้วยความสับสนอย่างบอกไม่ถูก พวกเขาเป็นอะไรกัน?
อย่างไรก็ตาม เขาก็เข้าใจเหตุผลในวินาทีต่อมา
จางเต๋อจับแก้วของเขาแล้วดื่มมันหมดรวดเดียว แสดงให้เห็นถึงความไม่ค่อยมีมารยาท
ผู้หญิงหลายคนรู้สึกกระอักกระอ่วนอย่างบอกไม่ถูก และพยายามจะจิบชาให้เหมือนกับเฉินเฉิน แต่พวกเธอก็ไม่สามารถลอกเลียนลักษณะการจับที่งดงามของเขาได้ ทำให้มันดูแปลกตั้งแต่แรกเห็น
‘ตระกูลจางเป็นตระกูลสายทหาร พวกเขาน่าจะไม่ได้รับการสั่งสอนในเรื่องนี้…. และน่าจะไม่รู้จักพิธีดื่มชาด้วย’ เฉินเฉินคิดในใจ
เมื่อเทียบกับเขาที่มีประสบการณ์ของโลกสมัยใหม่ จางที่ถูกเรียกว่าเป็นตระกูลใหญ่นั้นดูค่อนข้างหยาบไปหน่อย
เขาทำสิ่งที่เขาทำตามปกติ เขาก็แค่ทำตามที่เขาเคยเห็นมาในชีวิตก่อน อย่างน้อยในแง่ของมารยาทการดื่มชา เขาก็อาจจะทำให้คนพวกนี้หวั่นเกรงได้เป็นอย่างดีแล้ว
“น้องชาย เจ้าค่อนข้างมีสเน่ห์เลยนะ ข้าขอถามหน่อยสิว่าเจ้ามาจาก-”
แต่ก่อนที่เธอจะพูดจบ ในที่สุดจางจีที่นั่งอยู่ข้างๆก็ได้ทำในสิ่งที่เขารออยู่
ณ จุดนี้ เขาแค่อยากยืนยันว่าลูกพี่ลูกน้องของเขาเป็นคนทรยศในตระกูลจางรึเปล่า
ดังนั้น เขาจึงตะโกนออกมาสุดเสียง “ท่านพ่อ! ท่านแม่! พี่เฉินเป็นคนที่รักความยุติธรรมมากและข้าก็รู้สึกคุยถูกคอกับเขาเป็นอย่างดี พวกเราให้เสี่ยวหยาแต่งงานกับเขาดีไหมครับ?”
ผรืดด!!
เมื่อได้ฟังคำพูดของเขา ทุกคนที่ทำเป็นจิบชาก็อดพ่นมันออกมาจากปากของพวกเขาไม่ได้