หยางโปมองหน้าอู๋เฉียงและส่งยิ้มให้ เขายืนขึ้นและพูดว่า “ ฉันจะไปเอา ( คัมภีร์มวยไท่เก๊ก ) ออกมาให้นายลองดูก่อน ถ้านายมีเวลาก็นำ ( จินกังจิง ) มาให้ฉันดูก็แล้วกัน ”
อู๋เฉียงรีบตอบกลับ “ ผมจะไปเอามาให้เดี๋ยวนี้ ”
พอพูดจบอู๋เฉียงก็ลุกขึ้นเช่นกัน
หยางโปตะลึงไปครู่หนึ่ง เขาคิดว่าความลับในการฝึกฝนวรายุทธ์ของอู๋เฉียงจะเก็บซ่อนไว้ในที่ลับ แต่คิดไม่ถึงว่าอู๋เฉียงจะเก็บมันไว้ในเรือนสี่ประสานจริงๆ !
อู๋เฉียงเห็นปฏิกิริยาของหยางโปเช่นกัน เขาทำท่าทีขอโทษขอโพยเล็กน้อยและพูดว่า
“ ผมคิดว่าน้องสาวยังเด็กอยู่ คงไม่มีใครมาคอยจับผิด ดังนั้นจึงเก็บของทุกอย่างไว้ที่เธอ ”
หยางโปถึงจะเข้าใจ จากนั้นเขาก็พยักหน้าให้ “ นี่เป็นความคิดที่ดี ”
หยางโปออกไป และกลับไปที่ห้อง และหยิบสำเนาของ ( คัมภีร์มวยไท่เก๊ก ) ออกมาให้
อีกทางอู๋เฉียงก็นำหนังสือหนังที่มีมุมไหม้เกรียมเล็กน้อยมาให้ หยางโปจึงแปลกใจเล็กน้อย
เขาทั้งสองแลกเปลี่ยนวิชายุทธต่อกัน
เวลานี้จู่ๆ หลินหลินก็เดินเข้ามา “ พวกเธอกำลังทำอะไรกันอยู่ ไปกินข้าวกันได้แล้ว รีบไปล้างมือกินข้าวเร็วเข้า ! ”
หยางโปโบกมือ “ ตอนนี้ไม่รีบ นายเอากลับไปศึกษาดู รอฉันอ่านจบแล้ว จะเอามาคืนให้นาย ”
อู๋เฉียงพลิกเปิดดูเพียงสองหน้า ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสุข เขามองไปที่หยางโป
“ ตามที่พ่อบอกผมมา ขั้นวรยุทธ์ระดับสูงสุดของตระกูลอู๋นั้นฝึกฝนกันถึงขั้นฝึกฝนการสลายแรง แต่คุณให้วิชายุทธ์บทนี้กับผม ดูเหมือนมันจะเกี่ยวข้องกับระดับพลังที่สูงกว่า ! ”
หยางโปพยักหน้า ” นายเอานำกลับไปแล้วค่อยๆศึกษาดู ! ”
อู๋เฉียงวางเอกสารสำเนาไว้ในอ้อมแขนอย่างหวงแหนยิ่ง เมื่อสักครู่ที่เห็นหยางโปนำกระดาษสำเนามาให้ เขายังดูไม่ค่อยชอบใจสักเท่าไร แต่หลังจากอ่านเนื้อหาแล้ว เขาก็รู้ว่าตัวเองได้กำไรแล้ว !
หยางโปก็ไม่ได้สนใจมาก เขานั่งลงหน้าโต๊ะมองดูฮัวชิงหยุนและกงเสี่ยวเจิ้งยกอาหารมาเสิร์ฟ จากนั้นทุกคนก็มานั่งที่โต๊ะและเริ่มกินข้าวกัน
หลินหลินเป็นผู้อาวุโสคนเดียวในโต๊ะ จึงต้องการความเป็นห่วงเป็นใยมาก เธอกระซิบถามสถานะของกงเสี่ยวเจิ้ง.novel-lucky.
กงเสี่ยวเจิ้งยิ้มและพูดถึงเรื่องที่น่าสนใจบางอย่างในช่วงนี้แล้วพูดต่อว่า ” หนูอยากเป็นดาราดัง
แต่หนูรู้ว่าหนทางสายนี้มันไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น ดังนั้นหนูคิดว่าต่อไปในภายภาคหน้าจะต้องขยันให้มากขึ้น ศึกษาเพิ่มเติมและคิดไตร่ตรองให้มากกว่านี้ ! ”
อู๋เฉียงที่นั่งข้างๆ กล่าวเสริมไปว่า ” เสี่ยวเจิ้งมีพรสวรรค์มาก เธอแสดงได้ดีมากในแต่ละฉาก แม้แต่ผู้กำกับยังชมเธอเลย ”
กงเสี่ยวเจิ้งส่ายหน้าและพูดว่า “ เหตุผลที่ชมฉัน นั่นเป็นเพราะบทบาทที่ฉันได้รับเล่นไม่ได้มีความสำคัญอะไรขนาดนั้น คุณเป็นพระเอก บทบาทสำคัญที่สุด คงทำให้คุณกดดันมากแน่ๆ
แต่ยังไงก็ตาม ฉันก็ยังคิดว่าคุณมีศักยภาพมากกว่าฉัน ! ”
หลินหลินหัวเราะพลางพูดขึ้นว่า ” พวกเธอทุกคนล้วนแล้วแต่มีศักยภาพ ถ้าในอนาคตกลายเป็นดาราดังแล้วมาเป็นแขกที่บ้านเรานะ คงต้องสวมหน้ากากและแว่นกันแดดกันหมดแน่ ! ”
กงเสี่ยวเจิ้งหัวเราะดังลั่น “ ถ้ารอจนถึงเวลานั้นจริงๆ คุณป้าก็อย่าไล่พวกเราออกไปนะคะ ! ”
หลินหลินโบกมือ ” หนูไม่ต้องกังวล ไม่ไล่แน่นอน ! ”
สักพักทั้งเจ้าบ้านและแขกก็หัวเราะกันดังลั่น
ฮัวชิงหยุนที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็ช่วยคีบอาหารให้หยางโป หยางโปก็ยิ้มและช่วยเธอรินชาด้วยท่าทีรักใคร่กัน
หยางโปก็พอเดาความคิดของฮัวชิงหยุนออก เขาก็ไม่อยากให้ฮัวชิงหยุนเดาอะไรมั่วซั่ว ดังนั้นจึงตั้งใจแสดงความรักกับเธอ
เพราะไม่ได้ดื่มเหล้า จึงกินข้าวเที่ยงกันแค่ชั่วโมงกว่า กงเสี่ยวเจิ้งกับอู๋เฉียงอยู่ที่นี่กันสักพักก็ขอตัวกลับ
หลินหลินส่งพวกเขาและมองไปที่ฮัวชิงหยุน “ ชิงหยุน อู๋เฉียงเป็นเด็กดี เขาเคยเป็นบอดี้การ์ดของเสี่ยวโปมาระยะหนึ่งและปกป้องเขามาหลายครั้งมาก ถ้าไม่ใช่อู๋เฉียง เสี่ยวโปคงจากไปแล้ว ดังนั้น อู๋เฉียงออกไปทำงาน น้องสาวของเขาก็เลยยังพักอยู่ที่นี่ ”
ฮัวชิงหยุนรู้ว่าหลินหลินเข้าใจผิดจึงรีบอธิบายว่า “ คุณป้ากำลังพูดถึงอะไร ? หนูรู้เรื่องพวกนี้ดี
อู๋เฉียงยังไม่ค่อยมั่นคงนักในเวลานี้ ให้อู๋เยว่อยู่ที่นี่ก็สะดวกในการดูแล คุณป้าไม่ต้องกังวลใจไป หนูจะปฏิบัติต่อเธอเหมือนน้องสาวในไส้อย่างแน่นอน ”
หลินหลินลองเชิงถาม จากนั้นก็ส่งยิ้มให้และพูดต่อไปว่า “ อู๋เยว่เด็กคนนี้น่ารักจริงๆนะ แค่ช่วงนี้การบ้านเยอะเกินไปหน่อย จึงไม่มีเวลากลับมา อีกไม่กี่วันรอเธอปิดเทอม หนูก็คงได้พบกับเธอแล้ว ”
หยางโปรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย เขาอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าช้าๆเมื่อมองดูทั้งสองคน ถึงแม้เวลานี้เขาอยากจะอ่าน ( จินกังจิง ) อย่างละเอียดสักหน่อย แต่พอเขาครุ่นคิดสักพักก็ยังลุกขึ้นและเดินไปข้างนอก ” แม่ ชิงหยุน ผมจะออกไปเดินเล่นสักพักแล้วกลับมา ”
“ เดี๋ยวฉันไปกับคุณนะ ! ” ฮัวชิงหยุนลุกขึ้นทันที
หลินหลินโบกมือ “ พวกลูกไปเถอะ ! ”
หยางโปพาฮัวชิงหยุนเดินออกจากเรือนสี่ประสาน ฮัวชิงหยุนอดไม่ได้ที่จะมองหยางโปด้วยความขุ่นเคืองใจ ” คุณป้าดูเหมือนจะไม่ค่อยชอบฉันเท่าไหร่ ”
หยางโปนิ่งเงียบไปอยู่ครู่หนึ่ง รู้สึกแปลกใจมาก “ ช่วงที่ผมไม่อยู่ พวกคุณเข้ากันได้ดีมากไม่ใช่เหรอ ? อย่างกับแม่และลูกสาว เธอจะไม่ชอบคุณได้ไง ? ”
ฮัวชิงหยุนส่ายหน้า ” ฉันมันจะรู้สึกแบบนี้ ”
“ ถ้าอย่างนั้น อาจมีบางอย่างผิดปกติกับความรู้สึกก็ได้ คุณวางใจได้ ไม่ต้องคิดมาก ” หยางโปปลอบโยน
เมื่อต้องมาเผชิญกับสถานการณ์แบบนี้ เขาก็ไม่รู้จริงๆ ว่าต้องทำยังไง จริงๆแล้วนี่มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แค่ทำความเข้าใจกับมันเท่านั้น
ทั้งสองเดินไปรอบๆสวนสาธารณะ อยากเดินไปไกลกว่านี้สักหน่อย แต่ทันทีที่พวกเขาเดินออกนอกประตูสวนสาธารณะ หยางโปก็ได้ยินเสียงตะโกนดังมา “ หยางโป หยุดเดี๋ยวนี้นะ ! ”
หยางโปตกตะลึงไปชั่วครู่ ไม่รู้ว่าเป็นใครที่ส่งเสียงตะโกนมาแบบนี้ !
หยางโปเงยหน้าขึ้นมองก็ถึงกับตกตะลึงนิ่งอึ้ง เพราะเขาเห็นพ่อหยางผลักรถเข็นคันหนึ่ง
โดยมีหยางหลางนั่งอยู่ในรถเข็น หยางหลางดูซูบผอมลงไปมาก ใบหน้าดูซีดเซียว ทั้งสองคนค่อยๆ เคลื่อนตัวมาทางด้านนี้ มันดูน่าตกตะลึงจริงๆ
“ นี่มันเกิดอะไรขึ้น ? ” หยางโปก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าวด้วยสีหน้าแปลกใจ
พ่อหยางจ้องมองหยางโป “ อย่ามาเสแสร้งกับฉันอีก ฉันโทรหาแกตั้งหลายครั้งแล้ว แกตอบฉันว่าไง ? ถ้าแกพยายามทำให้ดีที่สุด เสี่ยวหลางจะกลายเป็นแบบนี้ได้ไง ? ”
หยางโปกล่าวว่า “ คุณจะพูดแบบนี้ไม่ได้ หลังจากที่ผมได้รับโทรศัพท์จากคุณ ผมก็ติดต่อหาโจวซิน และขอให้เขาปล่อยหยางหลางทันที แต่เขาไม่ยอม ผมจะทำอะไรได้ ? ทำได้แค่ขู่เข็ญ และบีบบังคับ สุดท้ายโจวซินถึงได้ปล่อยตัวหยางหลาง ”
“ โจวซินบอกฉันหมดแล้วว่าเป็นเพราะท่าทีที่ไม่ดีของแก เขาถึงขังหยางหลางต่อ ! ” พ่อหยางกล่าว
เมื่อหยางโปได้ยินประโยคนี้ ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความโกรธ “ โจวซินพูดแบบนี้จริงๆเหรอ
ดูเหมือนว่าผมจะสุภาพกับเขาเกินไป ไป ผมจะพาคุณไปพบเขา ! ”
พ่อหยางตกตะลึงไปครู่หนึ่ง “ แกมันคบคิดกับเขา ถึงได้จับตัวหยางหลางไป ฉันไม่ใช่คนโง่ ที่จะเชื่อกลอุบายของแกได้ ”
หยางโปมองไปที่พ่อหยาง ” เกรงว่าคุณจะยังไม่รู้ ตอนนี้โจวซินอยู่ในโรงพยาบาล ถูกผมแทงไปหลายสิบครั้ง เสียเลือดไปมากและยังอยู่ในอาการโคม่า ! ”
พ่อหยางอึ้งไปชั่วครู่หนึ่งหลังจากได้ยินแบบนั้น “ อะไรนะ ? ”