พ่อหยางทำหน้าตกตะลึง แม้แต่หยางหลางที่อยู่บนรถเข็นก็เบิกตาโต เหตุผลที่พวกเขามักแบล็คเมล์หยางโปเป็นเพราะพวกเขาคิดว่าจับจุดอ่อนของหยางโปได้ หยางโปเป็นคนให้ความสำคัญกับคนในครอบครัว ทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จทุกครั้ง !
พวกเขาคิดมาเสมอว่าตราบใดที่ต้องการ ก็ต้องได้แน่นอน ดังนั้นทุกครั้งในอดีตที่คิดจะแบล็คเมล์ พวกเขาจึงไม่ได้ลงทุนลงแรงอะไร มันจึงยิ่งทำให้พวกเขาไร้ยางอายมากขึ้นไปอีก แต่หลังจากที่
หยางโปเอ่ยปากบอกว่าเขาแทงโจวซินจนเข้าโรงพยาบาล มันทำให้พวกเขาอดที่จะตกใจไม่ได้ !
หยางหลางนั่งอยู่บนรถเข็น มีผิวเหลืองซีด เขาจ้องมองไปที่หยางโป ส่ายหัวและอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ ช่างเถอะ ลืมมันไปเถอะ ในเมื่ออยู่ในโรงพยาบาล มันก็ถือว่าได้แก้แค้นแล้ว พ่อ เรากลับกันเถอะ ผมอยากกินซี่โครงหมูตุ๋น ! ”
พ่อหยางตะลึงไปครู่หนึ่งและรีบพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “ ใช่ โรงพยาบาลไม่ต้องไปกันแล้ว
เรากลับไปตุ๋นซี่โครงหมูกันเถอะ ! ”
ในขณะที่พูด พ่อหยางก็เข็นรถหยางหลางออกไปด้านนอก
หยางโปมองตามหลังทั้งสองคนที่เดินจากไป ขมวดคิ้วเล็กน้อย พ่อลูกคู่นี้หน้าด้านเกินไป
บังเอิญมาเจอตัวเองที่วิ่งตามมาเกรงว่าคงจะตามมาเพื่อขอเงิน !
ฮัวชิงหยุนที่ยืนอยู่ด้านข้าง กลับรู้สึกเคร่งเครียดไม่น้อย ” คุณแทงคนจนเข้าโรงพยาบาลจริงๆเหรอ ? ”
หยางโปส่ายหัวและตอบกลับไปว่า “ อย่าไปฟังเรื่องไร้สาระที่ผมพูด ก็แค่ชกต่อยกันครั้งเดียวเท่านั้น ตอนนี้เขาถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลแล้ว ไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่อะไร ! ”
ฮัวชิงหยุนมองหน้าหยางโปด้วยความเป็นห่วง ” เอาแบบนี้ดีไหม ฉันจะส่งคุณไปมอบตัวตอนนี้ ? ”
หยางโปตะลึงไปครู่หนึ่ง “ มอบตัว ? ไม่มั้ง มันไม่ใช่อาการบาดเจ็บร้ายแรงอะไร ผมส่งเขาไปที่โรงพยาบาลแล้วและยังสั่งให้คนมารักษาให้แล้ว คุณสบายใจได้เลย เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องไปคลี่คลายปัญหาที่สถานีตำรวจหรอก ”
ฮัวชิงหยุนเผยอปากเล็กน้อย ด้วยความรู้สึกที่ค่อนข้างจะลังเลใจ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร
เธอถูกสั่งสอนมาให้รักในความยุติธรรม เมื่อพบเจอเรื่องแบบนี้ สิ่งแรกที่ต้องนึกถึงคือจะทำยังไงให้ หยางโปหลีกเลี่ยงที่จะต้องถูกดำเนินคดีให้ได้มากที่สุด วิธีการที่ดีที่สุดคือ ยอมรับผิดก่อน
หยางโปก็พอจะเข้าใจความคิดของฮัวชิงหยุน แต่ความขัดแย้งระหว่างเขากับโจวซิน ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยวิธีการในโลกนี้ได้
ทั้งสองเดินเล่นในสวนสาธารณะด้วยกันและแลกเปลี่ยนพูดคุยกัน ทุกคนต่างก็พยายามอย่างเต็มที่ที่จะไม่พูดถึงเรื่องเมื่อสักครู่ แต่หยางโปมักจะรู้สึกว่า ฮัวชิงหยุนดูเหมือนจะมีอะไรอยู่ในใจ
มีช่องว่างระหว่างคนทั้งสอง เขาค่อนข้างที่จะสับสนและลังเลใจเป็นอย่างมาก ไม่แน่ใจว่าควรจะปล่อยให้ฮัวชิงหยุนเข้ามาในเส้นทางนี้ด้วยดีไหม
แต่หลังจากที่คิดมาตลอดทาง หยางโปก็ยังตัดสินใจที่จะยอมแพ้ ตอนนี้เขาทำอะไรได้อย่างจำกัด ยังไม่มีทางที่จะปกป้องความปลอดภัยของทุกคนได้อย่างสมบูรณ์แบบ ตราบใดที่ฮัวชิงหยุนไม่ใช่ชาวยุทธ์ ต่อให้เป็นตระกูลโจวก็คงไม่มารบกวนเธอ
เมื่อกลับมาถึงบ้าน ฮัวชิงหยุนก็รู้สึกไม่ค่อยจะร่าเริง หลินหลินดูเหมือนจะสังเกตเห็น จึงอดไม่ได้ที่จะนั่งลงข้างเธอ ” ชิงหยุน หนูเป็นอะไร ? “.ไอลีนโนเวล.
ฮัวชิงหยุนชายตามองหลินหลิน “ คุณป้าว่าความคิดของหนูกับหยางโปแตกต่างกันมากเกินไปไหม ? ”
หลินหลินตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ส่งยิ้มและพูดขึ้นว่า “ แตกต่างกันตรงไหน พวกเธออายุห่างกันไม่มาก และยังเป็นวัยรุ่นเหมือนกัน ถึงแม้ความคิดเห็นจะต่างกัน มันก็เป็นเรื่องปกติ หนูอย่าไปคิดมาก ”
หลินหลินยิ้มและพูดปลอบโยนไปสองสามคำ แต่ก็ไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจ
หยางโปกลับไปศึกษาและพลิกดู ( จินกังจิง ) ในห้อง หนังสือเล่มนี้เป็นวิชาลับของสำนักจินกัง ตั้งแต่ต้นจนจบ หยางโปอ่านออกแค่คำว่า ” กัง ” ตัวเดียวเท่านั้น !
คุณลักษณะพิเศษสุดของตำราเล่มนี้อยู่ที่ ” กัง ” ” การฝึกวรายุทธ์ควรฝึกฝนผิวหนังก่อน ฝึกผิวหนังควรฝึกฝนกล้ามเนื้อก่อน ” การฝึกฝนจินกังจิงจำเป็นต้องขัดเกลามาตั้งแต่อายุยังน้อย เริ่มจากผิวหนังไปจนถึงกระดูก หลังจากศึกษาดูดีๆ ขั้นตอนนี้จำเป็นต้องใช้เวลาในการฝึกฝนนานอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง
หยางโปพลิกอ่านดูรอบหนึ่ง ก็อดที่จะรู้สึกผิดหวังไม่น้อย เขาหวังว่าจะสามารถฝึกกังฟูที่ทรงพลังนี้ได้ วรยุทธ์ชุดนี้ของสำนักจินกัง จำเป็นต้องใช้เวลามาก ไม่ใช่จะสามารถเรียนรู้กันได้ในระยะเวลาอันสั้น
แต่อย่างไรก็ตาม หยางโปก็พลิกอ่านดูจนจบไปรอบหนึ่ง และได้รู้ข้อมูลเชิงลึกมากมาย นี่คือการฝึกฝนที่ให้มีทักษะและความแข็งแกร่ง ดูเหมือนว่าจะค่อนข้างคล้ายกับมวยเทียนหลัว แต่แค่มวยเทียนหลัวจะรวมพลังที่นุ่มนวลไว้มากกว่า !
หลังจากคิดอย่างรอบคอบแล้ว หยางโปกลับไม่ได้เริ่มที่จะฝึกฝนฝนทันที เขารู้สึกว่าบางทีน่าจะเริ่มจากส่วนอื่นก่อน ไพ่ตายที่ใหญ่ที่สุดของเขาตอนนี้คือเจตนารมณ์ของกระบี่ ครั้งที่แล้วแค่ทำร้าย
ฉินตูฟู ไม่ได้เป็นอันตรายถึงชีวิต หากคนที่มาจากตระกูลโจวเกิดเก่งกาจกว่า เขาก็จำเป็นที่จะต้องเสริมความแข็งแกร่งเจตนารมณ์ให้กับกระบี่
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หยางโปจึงติดต่อหาตาอ้วนหลิว ตาอ้วนหลิวอาศัยอยู่ที่จิงจินมาหลายปีแล้ว คุ้นเคยกับข่าวคราวของเส้นทางนี้ดี !
ตาอ้วนหลิวรับสาย ” ฉันกับลู่เจียเฟยกลับมาแล้ว เขาบอกนายก่อนใช่ไหม ? ที่โทรมาจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับให้พวกเราใช่ไหม ”
หยางโปตะลึงไปครู่หนึ่งและถือโอกาสพูดต่อว่า “ พวกคุณตรวจสอบกลับมาแล้วใช่ไหม ? ได้ความมากันว่าไงบ้าง ? ผมนึกว่าอีกหลายวันกว่าพวกคุณจะกลับมา ! ”
“ พวกเราไปกันตั้งหลายวันแล้ว ไปโน้นนี่กันจนกลับมาก็ช้ากว่ากำหนดแล้ว นายรีบจัดการเลย พวกเราเพิ่งลงจากเครื่องมา ! ” ตาอ้วนหลิวกล่าว
หยางโปยิ้ม “ ตกลง ผมจะจัดการเดี๋ยวนี้ กลับไปแล้วจะส่งข้อความให้คุณทีหลัง ”
หยางโปออกไปหาฮัวชิงหยุน พูดถึงเรื่องงานเลี้ยงสังสรรค์ ฮัวชิงหยุนตอบรับ แต่หลินหลินไม่ได้ไปเข้าร่วมด้วย
หยางโปจองสถานที่และส่งข้อความถึงตาอ้วนหลิว แต่ก็ไม่ได้รีบร้อนอะไร รออยู่ที่บ้านนานกว่าครึ่งชั่วโมงก่อนที่จะออกเดินทาง
หยางโปทั้งสองคนรออยู่ที่โรงแรมนานกว่าครึ่งชั่วโมงก่อนที่ตาอ้วนหลิวและลู่เจียเฟยจะมาถึงห้องวีไอพี
ทันทีที่พบกัน ตาอ้วนหลิวก็อดไม่ได้ที่จะบ่นว่าให้ “ ฉันอิจฉาคนอย่างนายที่มีแฟนสวยแบบนี้จริงๆ อีกทั้งยังรวยหลายหมื่นล้าน วันๆไม่มีไรทำ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือถูกตาต้องใจโครงการไหน แค่ขยับปาก พวกเราก็ต้องวิ่งวุ่นกันจนขาหัก แต่สุดท้ายเงินก็ยังถูกนายคว้าไปอีก นายมันเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตซะจริงๆ ! ”
หยางโปจ้องหน้าตาอ้วนหลิว ” ถ้าอย่างนั้นผมไม่ลงทุนแล้ว พวกคุณสองคนลงทุนกันไปเถอะ ยังไงซะ มันก็เป็นเงินไม่เท่าไร พวกคุณทำกันได้ ! ”
ลู่เจียเฟยที่ยืนอยู่ข้างๆพูดทันที “ อย่านะ พวกเราไปมาสองประเทศในยุโรปตะวันตกและไปเยี่ยมบริษัทมาสามแห่ง เดิมทีพวกเราวางแผนที่จะทำให้เล็กลงกว่านี้สักหน่อย จะได้รักษาสิ่งแวดล้อมกว่านี้หน่อย แต่ภายหลังพวกเราก็เปลี่ยนความคิดและรู้สึกว่า เรื่องนี้ควรจะทำให้มันดีหน่อย ดังนั้นพอมาคิดๆดูแล้ว คงต้องเพิ่มเงินทุนในโครงการนี้ขึ้นมาเป็นหลายเท่า ! ”
“ ห้าร้อยล้าน ? ” หยางโปหันไปมอง
ตาอ้วนหลิวยื่นมืออวบอิ่มออกมาแล้วพลิกฝ่ามือ ” สองเท่า ! ”
“ พวกคุณนี่ใจถึงกันจริงๆ ! ” หยางโปกล่าว เขาเป็นคนเสนอความคิดนี้ เดิมทีเขาคิดว่าคงจะใช้แค่ไม่กี่สิบล้าน แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นหนึ่งพันล้าน หรือว่าพวกเขาคิดจะลากเขามาร่วมลงทุนด้วยกัน
ลู่เจียเฟยยิ้มและพูดว่า ” น้องเขย เทพเจ้าแห่งโชคลาภ ว่าไง ? อยากลงทุนด้วยสักหน่อยไหม ? ”
“ ได้สิ ผมจะลงทุนด้วยสิบล้านหยวน ” หยางโปกล่าว
“ แค่นี้เองเหรอ นายไม่อายหรือไง ? ” ตาอ้วนหลิวต่อว่า
หยางโปหัวเราะดังลั่น ” นี่คือสิ่งที่พวกคุณบอกว่าแค่นี้เองงั้นเหรอ ”
ลู่เจียเฟยอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองไปทางฮัวชิงหยุน ” ชิงหยุน เธอต้องดูแลเขาให้ดีนะ จะมาให้เขาทำตัวขี้เหนียวแบบนี้ไม่ได้ มันทำให้คนอยากจะกระทืบเขาได้ ! ”