ตอนที่ 384 ปล่อยให้คนมาเชือด / ตอนที่ 385 กลับไปบ้านตระกูลเจียงด้วยกัน

(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์

ตอนที่ 384 ปล่อยให้คนมาเชือด 

 

 

           ซือเหยี่ยนพูดจบก็ช้อนร่างอุ้มคนเข้าห้องนอนไป เจียงมู่เฉินอยากร้องไห้ เขายังเป็นคนป่วยอยู่จริงๆ นะ 

 

 

           ไม่เหมาะจะมาออกกำลังกายหนักหน่วงเลย 

 

 

           ซือเหยี่ยนวางคนลงบนเตียงโดยไม่ยอมให้ขัดขืน เจียงมู่เฉินเห็นเขาก็รีบซุกตัวใต้ผ้าห่มทันที ห่อตัวเองปิดตายอย่างแน่นสนิท 

 

 

           ซือเหยี่ยนยกมุมปากขึ้น “เฉินเฉิน บางครั้งการหลีกหนีปัญหาก็ไม่ช่วยอะไร” 

 

 

           “หึ” เจียงมู่เฉินทำเสียงเย็นแสดงความไม่พอใจ “ไม่หลีกหนี ยิ่งจะแก้ปัญหาไม่ได้” 

 

 

           ‘เขาไม่ใช่หมูที่ล้างตัวสะอาดแล้วจะปล่อยให้คนมาเชือดได้ 

 

 

           ซือเหยี่ยนมองเขาอย่างขำขัน “คุณคิดว่าหลบแบบนี้แล้ว จะแก้ปัญหาได้เหรอ” 

 

 

           “ยังไงซะ ฉันก็ไม่มีทางปล่อยให้นายปลุกปล้ำฉันหรอก” 

 

 

           นัยน์ตาซือเหยี่ยนฉายสะท้อนรอยยิ้ม เฉินเฉินของเขาซื่อบื้อจนน่าสงสารจริงๆ ไม่รู้เหรอว่ายิ่งต่อต้าน ยิ่งทำให้คนอยากจับกด 

 

 

           ดังนั้น จึงไม่มีข้อสงสัยใดใดทั้งสิ้น 

 

 

           สุดท้ายเจียงมู่เฉินก็โดนซือเหยี่ยนจับกดจนได้ พลิกไปพลิกมา ปรนนิบัติให้เป็นอย่างดี 

 

 

           …… 

 

 

           เช้าวันรุ่งขึ้น เจียงมู่เฉินจับเอวนอนอยู่บนเตียง ขบกรามไม่หยุด 

 

 

           เขาอยากจะพุ่งเข้าไปกัดเจ้าหมอนั่นตายให้มันรู้แล้วรู้รอดไป ไม่รู้จักคำว่า ‘ลิมิต’ สองคำนี้เลยสักนิด 

 

 

           ‘เขาเป็นคนป่วยที่เพิ่งฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บหนักมานะ’ 

 

 

           ไม่รู้จักรักสงสารเขาแม้แต่น้อย 

 

 

           เจ็บระบมจนตอนนี้เอวเหยียดตรงไม่ได้แล้ว เจียงมู่เฉินกัดฟัน ครั้งหน้าเขาเป็นรุกแล้ว จะต้องจับกดหลายๆ ครั้งกลับคืนไปให้หมด คอยดู! 

 

 

           ‘ถึงตอนนั้นจะทำให้ซือเหยี่ยนได้รับรู้ความรู้สึกเอวเคล็ดหลังยอกดีๆ เลย’ 

 

 

           ซือเหยี่ยนกำลังทำอาหารเช้าอยู่ในห้องครัว เมื่อคืนเขากินจนอิ่มแล้ว ตอนนี้อารมณ์ดีมีความสุข แม้แต่ขณะทำอาหารก็ยังเชิดมุมปาก สีหน้าดูสบายใจ 

 

 

           ช่างแตกต่างกับเจียงมู่เฉินในห้องนอนอย่างลิบลับ 

 

 

           หลังจากเขาทำอาหารเช้าอย่างคล่องแคล่วจนเสร็จเรียบร้อย ถึงได้เข้าห้องนอนมาเรียกเจียงมู่เฉิน 

 

 

           เจียงมู่เฉินนอนฟุบอยู่บนเตียง ไม่อยากสนใจเขา พอเห็นซือเหยี่ยนก็เบือนหน้าหนี ทำเสียงเย็นแสดงความไม่พอใจใส่ทันที 

 

 

           ซือเหยี่ยนเองก็ไม่โกรธ เมื่อคืนเขาก็ทำเกินไปอยู่บ้าง ตอนนี้เจียงมู่เฉินจะไม่อยากสนใจเขาก็เป็นเรื่องปกติ 

 

 

           เขาทำหน้าทำตาดีๆ เดินเข้าไปนั่งข้างเตียง ง้อเจียงมู่เฉิน “เฉินเฉิน ออกไปกินข้าวเช้ากัน” 

 

 

           เจียงมู่เฉินมองบนใส่อย่างเย่อหยิ่ง “กินอะไร ไม่กินหรอก” 

 

 

           ซือเหยี่ยนมีใจอดทนเป็นที่สุด เขาสอดมือเข้าไปดึงคนออกมาจากผ้าห่ม “เด็กดี ข้าวก็ยังต้องกินนะ” 

 

 

           เจียงมู่เฉินด่ากราดชุดใหญ่ “กินกับผีน่ะสิ ฉันโมโหจนจะอกแตกตายแล้ว มีอะไรให้อยากกินอยู่เหรอ” 

 

 

           ซือเหยี่ยนเห็นสภาพการณ์แล้ว ก็ตัดสินใจลงมือทันที เขาช้อนร่างอุ้มคนขึ้นมา 

 

 

           เจียงมู่เฉินโกรธจนหางตามืดบอดแล้ว ตอนนี้เขาไม่มีแรงอะไรจะสู้ พูดกับซือเหยี่ยนก็ไม่ถือเป็นคำพูดแล้วเหรอ 

 

 

           เขาเตะเท้าใส่ดิ้นรนต่อสู้ กลับไม่ระวังจนร้าวไปถึงเอว เจ็บจนซี๊ดปาก 

 

 

           ซือเหยี่ยนมองเขาด้วยความอารมณ์ดีและขำขัน “ตอนนี้คุณอย่าขยับตัวซี้ซั้วจะดีที่สุด ไม่งั้นเดี๋ยวปวดเมื่อยทรมานขึ้นมา ผมก็ช่วยคุณไม่ได้แล้ว” 

 

 

           เจียงมู่เฉินโกรธจนขบกราม แต่ทั้งร่างกายกลับเจ็บปวดจนไม่มีแรง ทำได้เพียงปล่อยให้เขาอุ้มตัวเองไป 

 

 

           ซือเหยี่ยนอุ้มเจ้าตัวมายังห้องนั่งเล่น วางลงหน้าโต๊ะอาหาร ยกอาหารเช้าที่ตัวเองทำเสร็จเรียบร้อยแล้วออกมาวางลงต่อหน้าเจียงมู่เฉิน 

 

 

           “มากินอาหารเช้าก่อนสักหน่อยนะ” 

 

 

           เจียงมู่เฉินมองดูโจ๊กข้าวฟ่างที่เขาต้มมา หน้าก็ดำคร่ำเครียดขึ้นโดยไม่รู้ตัว 

 

 

           ‘ตอนนี้มารู้จักทำอาหารเช้าเอาใจเขาแล้วเหรอ’ 

 

 

           ‘ทำไมเมื่อคืนไม่รู้จักอ่อนโยนกันสักนิดบ้าง’ 

 

 

           “ไม่หิวเหรอ” ซือเหยี่ยนเอ่ยถามเสียงต่ำ 

 

 

           เจียงมู่เฉินถลึงตาใส่เขา แล้วค่อยหยิบช้อนขึ้นมาเริ่มลงมือกินอาหารเช้า 

 

 

           ขณะที่กินข้าวอยู่ เจียงมู่เฉินไม่พูดอะไรสักคำ แต่กลับเป็นซือเหยี่ยนเองที่อยู่เป็นเพื่อนเจียงมู่เฉินกินข้าว แล้วก็พูดไปด้วย “เดี๋ยวกินอาหารเสร็จ ผมจะกลับไปบ้านตระกูลเจียงเป็นเพื่อนคุณ” 

 

 

           เจียงมู่เฉินได้ยินก็ปฏิเสธทันควัน “อย่า นายอย่าไปด้วยกันกับฉันเด็ดขาด” 

 

 

           ‘ถ้าแม่เขาเห็นขึ้นมา จะไม่ต้องอาละวาดกันยกใหญ่เลยเหรอ’ 

 

 

           มือซือเหยี่ยนที่ถือช้อนไว้หยุดชะงักไป “อะไรกัน ไม่อยากให้ผมไปกับคุณเหรอ”            

 

 

 

 

 

ตอนที่ 385 กลับไปบ้านตระกูลเจียงด้วยกัน 

 

 

           “ไม่ใช่ไม่อยากให้นายไปกับฉัน แต่ฉันกลับไปเองจะดีกว่า” เขาหยุดสักพัก “ท่าทีของแม่ฉันที่มีต่อเรื่องของพวกเราสองคน ไม่ใช่ว่านายจะไม่รู้ ถ้านายกลับไปกับฉัน ท่านอาจจะโวยวายอะไรขึ้นมาก็ได้” 

 

 

           ซือเหยี่ยนเงียบไม่พูดจา เขารู้ได้อยู่แล้วว่าเจียงมู่เฉินกังวลในจุดนี้ 

 

 

           แต่ว่าจุดนี้ ไม่ช้าก็เร็วสักวันพวกเขาก็ต้องเผชิญหน้าอยู่ดี 

 

 

           คิดดูแล้ว ซือเหยี่ยนยังคงเอ่ยยืนกราน “ให้ผมกลับไปด้วยกันกับคุณเถอะ ถึงยังไงไม่ช้าก็เร็วอาเจียงน้าเจียงพวกท่านก็ต้องยอมรับอยู่ดี” 

 

 

           เจียงมู่เฉินเงียบงันไปพักหนึ่ง เขาเงยหน้ามองซือเหยี่ยน “นายต้องการจะกลับไปกับฉันจริงๆ เหรอ” 

 

 

           ซือเหยี่ยนยืนยันคำตอบเดิม “แน่นอน” 

 

 

           ที่จริงซือเหยี่ยนก็มีความเห็นแก่ตัว ถ้าเวลานี้ตัวเองไม่ออกหน้า รอเวลาครั้งนี้ผ่านไป คุณแม่เจียงท่านนี้จะยิ่งไม่อยากให้ตัวเองเข้ามาทำลายชีวิตของเจียงมู่เฉิน 

 

 

           เจียงมู่เฉินเห็นท่าทีอีกฝ่ายแล้ว ก็ทำได้เพียงยอมตกลงกับซือเหยี่ยน 

 

 

           “แต่ว่า ฉันจะบอกนายไว้ล่วงหน้า ถ้าแม่ฉันพูดอะไร นายก็อย่าเก็บมาใส่ใจเด็ดขาดเลยนะ” 

 

 

           ซือเหยี่ยนยกยิ้มมุมปากขึ้นอย่างขำขัน “ยังไงกัน เป็นห่วงว่าผมจะโดนแม่คุณรังแกเหรอ” 

 

 

           เจียงมู่เฉินยิ้มเยาะ “ฉันเป็นคนยุ่งไม่เข้าเรื่องเหรอ ฉันกลัวนายจะทำให้แม่ฉันของขึ้นต่างหาก” 

 

 

           ซือเหยี่ยนเห็นเขาปากไม่ตรงกับใจ ก็เชิดมุมปากขึ้นด้วยความติดตลก “วางใจเถอะ ผมรับประกันไม่สู้กลับหรอก” 

 

 

           …… 

 

 

           หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จ เจียงมู่เฉินก็นอนเอาแรงอีกรอบ 

 

 

           ซือเหยี่ยนก็โทรหาไป๋จิ่ง 

 

 

           เมื่อไป๋จิ่งได้ยินว่าเป็นซือเหยี่ยน ก็รีบเอ่ยถามทันที “นี่นายกลับมาถานโจวแล้วเหรอ” 

 

 

           ซือเหยี่ยนพยักหน้า “กลับมาสองวันแล้ว รอฉันจัดการธุระตอนบ่ายเสร็จ ฉันก็จะไปบริษัทพรุ่งนี้เลย” 

 

 

           ไป๋จิ่งพยักหน้าเอ่ย “ไม่เป็นไร นายพักอีกสักวันสองวันค่อยมาก็ได้ ที่บริษัทยังมีฉันอยู่” 

 

 

           “วางใจเถอะ พรุ่งนี้ฉันจะถึงบริษัทตรงเวลา” 

 

 

           พูดเรื่องนี้จบ ก็คุยกับไป๋จิ่งอีกสองประโยค ซือเหยี่ยนถึงค่อยได้วางสายโทรศัพท์ 

 

 

           เจียงมู่เฉินนอนยาวจนเวลาใกล้จะเที่ยง ถึงเพิ่งตื่นขึ้นมา 

 

 

           เขาออกมาจากห้องนอนก็เห็นซือเหยี่ยนเดินเข้ามาจากตรงระเบียงพอดี ซือเหยี่ยนเห็นเขาตื่นแล้ว ก็เชิดมุมปากเอ่ยถามขึ้น “นอนพอแล้วใช่ไหม” 

 

 

           เจียงมู่เฉินพยักหน้า “ไปกันเถอะ เตรียมไปโดนประณามที่บ้านฉันกัน” 

 

 

           หลังจากทั้งสองคนออกจากคอนโดมิเนียม ก็ไปกินข้าวกันก่อน แล้วค่อยเปลี่ยนสนามรบไปยังคฤหาสน์ตระกูลเจียง 

 

 

           ซือเหยี่ยนขับรถมาจอดที่หน้าทางเข้าของคฤหาสน์ เจียงมู่เฉินอดจะกำชับอีกไม่ได้ “เดี๋ยวพอแม่ฉันพูดอะไรมา นายไม่ต้องพูดอะไรเลยนะ ให้ฉันจัดการเอง” 

 

 

           ซือเหยี่ยนเห็นเขาทำสีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง เหมือนกำลังจะกลับบ้านที่ไหนกัน ทำเหมือนจะออกไปตีใครซะมากกว่า 

 

 

           “วางใจเถอะ ผมรับรองจะฟังคุณทุกอย่าง” 

 

 

           เจียงมู่เฉินได้ยินเขาพูดแบบนี้ ถึงได้เปิดประตูรถลงไป 

 

 

           ทั้งสองคนเดินมาถึงหน้าทางเข้าคฤหาสน์ รั้วกั้นประตูบานใหญ่ปิดไว้อยู่ เจียงมู่เฉินกดรหัสเปิดประตูบานใหญ่เข้าไป 

 

 

           เดินผ่านสวนดอกไม้ จนมาถึงหน้าประตูบานใหญ่ในตัวคฤหาสน์ 

 

 

           เจียงมู่เฉินเห็นประตูบานใหญ่ที่เปิดกว้าง เป็นครั้งแรกที่รู้สึกตื่นตระหนกขนาดนี้ อดจะกลืนน้ำลายอึกใหญ่ไม่ได้ 

 

 

           “เป็นไรไป ตื่นเต้นเหรอ” ซือเหยี่ยนเอ่ยถามเสียงต่ำ 

 

 

           เจียงมู่เฉินพยักหน้า “ก็นิดหน่อย” 

 

 

           ซือเหยี่ยนขำขัน “ไม่งั้นให้ผมเข้าไปก่อนไหม” 

 

 

           เขาเพิ่งจะพูดออกมาก็โดนเจียงมู่เฉินปฏิเสธทันควัน “ไม่ได้ นายจะเข้าไปก่อนอะไรกัน ฉันกลับมาบ้านฉันเอง ต้องให้นายเข้าไปก่อนทำไม” 

 

 

           ขณะที่พูด เขาก็เดินเข้าไปด้วย 

 

 

           เจียงมู่เฉินเดินเข้ามาถึงโถงทางเข้า ก็ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้นมาจากด้านใน เจียงมู่เฉินชะงักงัน หรือว่าวันนี้จะมาบังเอิญมีคนมาที่บ้านด้วย 

 

 

           เขาเดินเข้าไปอีกสองก้าว อยากเห็นว่าข้างในเป็นใคร 

 

 

           ผลปรากฏว่าเมื่อมองเข้าไปข้างใน ก็ตะลึงค้างไปในพริบตา เขาลืมไปได้ยังไง ว่ายังมีเธออยู่