ตอนที่ 683

The Divine Nine Dragon Cauldron

DND.683 – ถูกบดขยี้ถึงที่สุด

 

  สิบลี้ไกลออกไปหมอกที่ดูเหมือนฝุ่นถูกพัดได้สัมผัสกับพื้น มีเงาคนหลายคนยืนอยู่ในกลุ่มหมอกนั้น

 

  พวกเขาดูเหมือนกับเป้ายิงธนูเงาเหล่านั้นปรากฏและหายไป

 

  เหล่าเงานี้ดูมั่นใจมีจิตตั้งมั่นราวกับเหล็กกล้าแผ่ออกมาจากหมอกนั้น

 

  แม้ว่ากองทัพทั้งสองจะห่างกันสิบลี้จิตสังหารอันหนาแน่นก็ยิ่งเข้าใกล้กันมากขึ้นเรื่อยๆ เหล่าคนของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์มองกองทัพที่กำลังเข้ามาใกล้ แต่ละคนเหงื่อตกจากแรงกดดันพร้อมกับใจที่เต้นแรง พวกเขารู้สึกกระวนกระวายอย่างรุนแรง

 

  ทัพเซี่ยหวู่ที่พวกเขาเคยต่อสู้มาก่อนนั้นเป็นเหล่าโจรที่รู้เพียงวิธีการปล้นฆ่า เผาทำลาย แม้ทัพของเซี่ยหวู่จะแข็งแกร่ง กองทัพของเขาก็ขาดคนที่มีคุณภาพเหมือนทหารจริงๆ

 

  ทหารตรงหน้าพวกเขาปล่อยแรงกดดันกับจิตใจของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์อย่างแรงกล้าพวกเขาคือนักรบของจริงที่ผ่านสนามรบมาแล้วหลายครั้ง

 

  คนของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์สูญเสียความมั่นใจไปเล็กน้อยตั้งแต่ก่อนที่การต่อสู้จะเริ่มขึ้นพวกเขารู้สึกราวกับเป็นเปลวเพลิงดวงน้อยที่กำลังจะเข้าไปในวายุกระหน่ำ พวกเขาต้องพยายามไม่ให้เพลิงนี้ดับมอดไปได้

 

  หมอกตรงหน้าพวกเขาที่สั่นสะเทือนหยุดลงเมื่อหมอกหายไป กองทัพก็ได้ปรากฏอย่างชัดเจนภายใต้แสงจันทร์

 

  มันเป็นกองทัพพันคนทหารแต่ละคนสวมชุดเกราะดำสนิท พวกเขาดูเหมือนเทวทูตแห่งความตายในใต้เงาจันทร์ค่ำคืนนี้ เหมือนพวกเขากำลังจะมาเก็บเกี่ยวชีวิตของมวลมนุษย์

 

  แววตาของแต่ละคนมมีเพียงจิตสังหารแววตาที่สะท้อนแสงจันทร์นั้นทำให้ดูไม่ต่างกับสัตว์ป่าที่ดุร้าย ค่ำคืนนี้เป็นคืนแห่งการสังหารที่พวกเขาจะได้เสพสมกับความตายของศัตรู

 

  กองทัพที่ถูกจัดการมาอย่างดีมีกำลังอยู่หลายประเภทและมีกระบวนรบที่เหมาะสมเหล่านักรบที่มีโล่ประจำการอยู่ด้านหน้า พลหอกประจำอยู่ตรงกลางและมีพลธนูอยู่ที่ด้านหลัง แม้ว่าจำนวนจะมีมาก พวกเขาก็จัดกระบวนทัพอย่างสมบูรณ์แบบ

 

  “ตายหนึ่งเจ็บสาม ศัตรูแข็งแกร่งมาก”

 

  ในกระบวนโล่ที่กลางเหล่านักรบ ชายคนหนึ่งที่มีสัญลักษ์สีแดงบนชุดเกราะเพิ่มขึ้นมาบนหน้าอกคือผู้บัญชาการรบของกองทัพนี้ เขากำลังนับคนที่บาดเจ็บ

 

  “มันมีภูติระดับหนึ่งอยู่ด้วยต่างจากข่าวที่พวกเราได้รับมา”

 

  หัวหน้าหน่วยข่าวกรองสีหน้าไร้อารมณ์

 

  เขาตกใจที่ได้เห็นภูติอยู่ในกลุ่มพันธมิตรผู้คุมสวรรค์พลังใจของกองทัพยังแข็งแกร่งกว่าเดิมราวกับเหล็กล้า นักรบคนอื่นไร้อารมณ์ไม่ต่างจากเขา

 

  “ปลดสมบัติจากคนตายคนที่เจ็บไม่มากให้สู้ต่อ คนที่เจ็บหนักให้ทิ้งสมบัติของตัวเองแล้วไปรักษาตัวซะ”

 

  หัวหน้าหน่วยข่าวกรองพูดอย่างเยือกเย็นเขาเลือกที่จะทิ้งทหารที่บาดเจ็บสาหัส

 

  ในสนามรบคนที่บาดเจ็บสาหัสจะถูกทิ้งเอาไว้ คนเหล่านั้นตายเก้าในสิบคน กฎอันโหดร้ายของสงครามทำให้พวกทหารหนาวไปถึงกระดูก

 

  แต่ไม่มีทหารคนใดแสดงสีหน้าราวกับพวกเขารู้สึกว่ามันเป็นกฎที่เที่ยงธรรม

 

  ซือหยูมองทหารฝั่งตรงข้ามจากระยะสิบลี้เขาขมวดคิ้วแน่น ศัตรูของพวกเขาคือกองทัพที่น่ากลัวและมีพลังใจอันกล้าแกร่ง

 

  สงครามครั้งนี้จะเป็นสงครามที่ยากลำบากยิ่งกว่าที่เขาคิดเอาไว้!แต่ห้าศักดิ์สิทธิ์ที่เขาสนใจมากที่สุดกลับยังไม่ปรากฏตัวออกมา

 

  “พวกพลโล่จงกรุยทางเข้าไปพลธนูเตรียมตัวให้พร้อม พลหอกจอจู่โจมเมื่อถึงระยะหนึ่งลี้”

 

  ผู้บัญชาการฮงหยูออกคำสั่ง

 

  แม้ว่าเขาจะเป็นภูติระดับหนึ่งและไม่ใช่ห้าศักดิ์ศิทธิ์เขาก็มีอำนาจสั่งการ ทัพใหญ่เริ่มจู่โจมในทันทีที่เขาสั่ง

 

  แกร้งแกร้ง

 

  เหล่านักรบที่มีโล่ในมือตั้งแถวชิดอยู่ด้านหน้าและเคลื่อนทัพออกไปพลหอกตามหลังพลโล่มาติดๆ

 

  ด้วยการปกป้องของพลโล่ทัพต่างโลกเคลื่อนตัวมาด้านหน้าอย่างต่อเนื่อง แต่ละคนมีหอกยาวสิบสองเล่มบนแผ่นหลัง ทหารแต่ละคนปล่อยพลังกายอันแข็งแรงออกมา

 

  มีพลหอกในกองทัพสี่ร้อยคนถ้าหากแต่ละคนจู่โจมด้วยหอกทั้งสิบสองเล่ม มันก็มากพอที่จะกำจัดทั้งพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ และพวกเขายังมีพลธนูอยู่อีกสามร้อยคนที่มีพลังเทียบเท่ากัน

 

  “ยิงธนูได้!”

 

  ฮงหยูสั่งการทันที

 

  ซูม

 

  ห่าธนูหล่นจากฟ้ามันกลายเป็นเงาทมิฬปกคลุมพันธมิตรผู้คุมสวรรค์

 

  “หลบเร็ว!”

 

  ซือหยูสั่ง

 

  เขาขมวดคิ้วและมองลูกธนูที่กำลังมาศรธนูของศัตรูทั้งหมดล้วนเป็นสมบัติเทพระดับกลางที่คนต่ำกว่าภูติมิอาจรับมือได้

 

  คนของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ทั้งหมดรีบหาที่หลบห่าธฯูแม้พวกเขาจะเตรียมการมาแล้วแต่บางคนก็หาที่หลบไม่พ้นและโดนลูกหลง บางคนถูกสังหารในทันที

 

  แต่ความเสียหายมิใช่ปัญหาหลักของพวกเขาสิ่งสำคัญที่สุดก็คือพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ทุกคนกำลังติดอยู่ในเมือง!

 

  “ยิง!”

 

  ทัพต่างโลกสั่งยิงธนูอีกครั้งโดยไม่รอให้พันธมิตรผู้คุมสวรรค์ได้รวมตัวกันใหม่

 

  ซูม

 

  ด้วยห่าฝนธนูคนของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ไม่มีโอกาสได้ลงมือทำอะไร ขณะที่ฝั่งศัตรูกำลังรุกคืบเข้ามาอย่างช้าๆ

 

  เพียงไม่นานเมืองของพวกเขาได้กลายเป็นดั่งเม่น ผิวกำแพงเมืองเต็มไปด้วยลูกธนู ไม่ว่าจะหลังคาบ้านหรือถนนก็มีแต่ลูกธนูทั้งสิ้น

 

  ศรพิรุณยังคงถูกยิงมาอย่างไม่ขาดสายและดูไม่รู้จบทัพของต่างโลกได้เคลื่อนเข้ามาอยู่ห่างจากพันธมิตรผู้คุมสวรรค์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

 

  เมื่อเห็นสถานการณ์ไม่ดีหัวหน้าหน่วยรบเฒ่าคนหนึ่งของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์พูดขึ้นมา

 

  “ท่านเจ้าพันธมิตรทัพศัตรูฝึกฝนมาอย่างดี พวกมันเชี่ยวชาญมาก ถ้าเราไม่โต้กลับให้ดี พวกมันจะเข้าใกล้อีกแน่ พอถึงตอนนั้นเราก็กอบกู้สถานการณ์ไม่ได้อีก”

 

  เขาพูดต่อ

 

  “แผนเดียวที่เราใช้ได้ตอนนี้ก็คือสั่งการพลธนูร้อยคนทัพพวกมันจะช้าลง เราจะพังแนวรับของมันด้วยทหารบก ถ้าทำแบบนี้เราจะมีหวังชนะ!”

 

  แม้ว่าหัวหน้าเฒ่าจะผ่านการรบมาหลายครั้งซือหยูก็มีแผนของตัวเองอยู่

 

  “ทนไว้ก่อน…”

 

  ซือหยูตอบเพียงสั้นๆ

 

  “แต่ท่านเจ้าพันธมิตร…”

 

  หัวหน้าเฒ่าเริ่มร้อนใจตามที่เขาเคยเจอ ถ้าหากไม่โต้กลับตอนนี้ พวกเขาจะเสียโอกาสชนะทั้งหมดแน่นอน

 

  ซือหยูไม่ตอบเขาเงียบเพื่อยืนยันการตัดสินใจของตัวเอง

 

  “ข้าเข้าใจแล้ว…”

 

  หัวหน้าเฒ่ากัดฟันแน่นเขาต้องเก็บงำความคิดของตัวเองเอาไว้และได้แต่มองทัพศัตรูที่รุดหน้าเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้ง

 

  แต่บางอย่างก็เกิดขึ้นในตอนนั้น…

 

  จู่ๆทัพของศัตรูก็หยุดไป

 

  ซูม

 

  หน่วยข่าวกรองสามคนรวมตัวข้างหัวหน้าฮงหยูที่มองเมืองของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ด้วยสายตาคมกริบราวกับว่าเขามองเห็นทุกสิ่ง

 

  “พวกมันไม่เคลื่อนไหวจะต้องมีอะไรกำลังเกิดขึ้นอยู่แน่ มันจะต้องมีแผนรอเราอยู่”

 

  ดูเหมือนว่าเขาจะมองแผนของซือหยูออกได้ไม่ยากเพราะพวกเขาเห็นว่ามีพลธนูอยู่ร้อยคนที่ประจำการอยู่และไม่เคลื่อนไหว

 

  “ส่งคำสั่งเปลี่ยนแผนเราจะสู้ในระยะนี้! ทำตามแผนสำรอง เราจะฆ่าพวกมันจากตรงนี้…”

 

  หัวหน้าฮงหยูพูดอย่างเย็นชา

 

  หน่วยข่าวกรองทั้งสามกลับไปยังกลุ่มและจัดการตามสั่งทัพพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ได้พักหายใจเมื่อทัพศัตรูหยุดจู่โจม

 

  แต่ก็ไม่มีใครที่ผ่อนคลายลงเลยนั่นก็เพราะว่าทัพศัตรูได้เปลี่ยนกระบวนทัพทั้งหมด!

 

  พลโล่ยังคงยืนอยู่ด้านหน้าแต่พลธนูกับพลหอกนั้นมายืนคู่กัน

 

  พลหอกปลดหอกยาวออกจากหลังและหักเป็นสองท่อนหอกเหล่านั้นได้กลายเป็นลูกธนูส่งให้กับพลธนู พลธนูเก็บลูกธนูปกติกลับไปและเริ่มใช้หอกแทนลูกธนู

 

  “รอบแรกยิง!”

 

  ฮงหยูสั่งอย่างเย็นชา