DND.684 – อุบายของชื่อหมู
ซูมซูม
เสียงธนูพุ่งกรีดนภาดังขึ้นอีกครั้งแต่ครั้งนี้มันไม่ใช่ลูกธนูธรรมดาแบบครั้งก่อนแล้ว
ลูกธนูเหล่านั้นระเบิดจากกลางอากาศมีของเหลวที่มีกลิ่นฉุนกระจายออกมา มันถูกประกายไฟจากแรงระเบิดทำให้ติดไฟในทันที
กองเพลิงที่ลุกไหม้ตกลงสู่พื้นไฟไหม้กระจายไปทุกหนแห่ง ไม่นานในเมืองก็กลายเป็นทะเลเพลิง
อ๊ากก
เปลวเพลิงทำให้พวกเขาตกใจจู่ๆก็มีหลายร้อยคนที่ถูกไฟเผา พวกเขาตบไฟที่ลุกตามตัวและพยายามไม่ให้ถูกไฟเผา
“อย่าขยับ!ใช้พลังชีวิตดับไฟซะ…”
ซือหยูตะโกน
แต่มันก็สายไปแล้ว
“ยิง!”
ฮงหยูหัวเราะอย่างชั่วร้าย
ซูม
ห่าฝนธนูหลายร้อยดอกพุ่งไปหาคนที่ออกจากที่ซ่อนเพราะเปลวเพลิง!โลหิตแตกกระเซ็นไปทั่ว โลหิตเหล่านั้นได้กลายเป็นผงเมื่อสัมผัสกับเปลวเพลิง
ปั้ง
คนหลายร้อยคนล้มลงกับพื้นและถูกไฟเผาหลายร้อยคนนั้นตายในทันที
พวกเขาไม่พอใจอย่างมากพวกเขารู้สึกราวกับถูกเข็มแหลมเจาะไปที่หัวใจ
พวกเขาเสียกำลังไปไม่มากแม้จะเป็นตอนที่สู้กับทัพเซี่ยหวู่แต่พวกเขาเสียคนไปมากมายในการต่อสู้ครั้งนี้!
“เจ้าพันธมิตรซือเร็วเข้า ให้พลธนูลงมือได้แล้ว เราควรจะทำลายแนวป้องกันของมัน! เพลิงพวกนี้ใช้พลังชีวิตดับไม่ได้ ขืนชักช้าเราจะถูกเผาทั้งเป็น!”
ขุนพลเฒ่าตื่นตระหนกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมซือหยูถึงยังไม่ตอบโต้ เพราะนี่เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย!
“ยังก่อน!”
ซือหยูมองซากศพหลายร้อยคนภาพศพที่ถูกเผาสะท้อนอยู่ในแววตา เขาเจ็บปวดอย่างมาก
“ถ้าลงมือตอนนี้จะเข้ากับดักที่มันวางเอาไว้รอก่อนเถอะ!”
ซือหยูตะโกนอีกครั้ง
ขุนพลเฒ่าตัวแข็งทื่อเขาคิดว่าซือหยูไร้เหตุผล เขายังสงสัยว่าซือหยูจงใจให้พวกเขาโดนเผาในทะเลเพลิงนี้
ขุนพลเฒ่าพยายามจะข่มความคิดที่จะฝ่าฝืนคำสั่งของซือหยูเขาอึดอัดใจเป็นอย่างยิ่ง
ขณะนั้นฮงหยูก็ตะโกนอีกครั้ง
“พลธนูเตรียมพร้อม!ฆ่าทุกคนที่มองเห็น!”
เขาพูดต่อ
“ถ้ายังไม่ทำอะไรคนพวกเจ้าจะตายในทะเลเพลิง ถ้าตอบโต้ พวกเจ้าก็จะตายเพราะธนู ไม่มีทางที่เจ้าจะไปไหนได้ ทางเดียวคือต้องตายเท่านั้น!”
เขาส่ายหน้า
“สงครามจบแล้วเจ้าพวกบ้านนอกโง่เง่า กลยุทธ์พวกเจ้ามันอ่อนด้อย สูญเปล่านักที่ทัพทมิฬต้องลงมือ ข้าเคยคิดว่ามันจะท้าทายเพราะเจ้ากำจัดทัพเซี่ยหวู่ได้ แต่ดูเหมือนเจ้าจะไม่ได้แข็งแกร่งอย่างนั้นนะ”
ฮงหยูดึงผ้าคลุมและถอนหายใจเบาๆเมื่อเวลาผ่านไป คนของพันมิตรยังคงปรากฏตัวออกมาเรื่อยๆเพราะทนความร้อนไม่ไหว และต่อมาพวกเขาก็ตายด้วยธนู
บางคนถูกเผาทั้งเป็นคนของพันธมิตรตายในอัตราที่น่าตกใจ
สงครามนี้ไม่น่าให้อภัยยิ่งกว่าที่ทุกคนคาดคิด!พวกเขาไม่มีโอกาสให้โต้กลับด้วยซ้ำ พวกเขาถูกศัตรูบดขยี้อยู่ฝ่ายเดียว
“แค่ครึ่งชั่วโมงก็จะจบแล้วน่าเบื่อนัก”
ฮงหยูถอนหายใจอีกครั้ง
…
หมื่นลี้ไกลออกไป
ในหมอกหนาทหารหมื่นนายยืนเรียงรายนิ่งเงียบ มีชายหนุ่มจิบเหล้าในกระโจมลอยฟ้าอย่างสุขสบาย
“เป็นอย่างไรบ้าง?ทัพต่างโลกมาหรือยัง? การต่อสู้เป็นยังไง?”
ชายหนุ่มถาม
หนึ่งในข้ารับใช้ตอบ
“ท่านจ้าวสามพันธมิตรผู้คุมสวรรค์สูญเสียมากนัก ทัพศัตรูแทบจะไม่เป็นอะไร เราคาดว่าพันธมิตรผู้คุมสวรรค์จะแตกพ่ายในครึ่งชั่วโมง!”
จ้าวสามขมวดคิ้วสีหน้าเยือกเย็นของเขาหายไป
“พันธมิตรผู้คุมสวรรค์มันมีแต่พวกขยะ!มันควรจะแข็งแกร่งขึ้นมาบ้างสิ เพราะพวกมันเอาชนะเซี่ยหวู่ได้! จู่ๆพวกมันจะมาอ่อนแอเช่นนี้ได้ยังไง?”
ในความเงียบจ้าวสามถามด้วยความหนักใจ
“ห้าศักดิ์สิทธิ์เป็นคนนำทัพงัั้นรึ?”
“มิได้มีกองทัพมาแค่พันคน พันธมิตรผู้คุมสวรรค์ทำอะไรไม่ได้เลย พวกนั้นไม่ตอบโต้อะไรด้วยซ้ำ”
ข้ารับใช้ตอบ
จ้าวสามยืนขึ้นช้าๆด้วยความเคร่งเครียด
“ทำอะไรไม่ได้เลยรึ?ชุดเกราะพวกนั้นเป็นยังไง? ไปสืบแล้วกลับมารายงานรายละเอียดทุกอย่างให้ข้า”
“ขอรับ!”
ข้ารับใช้ตอบ
…
จ้าวสามชักสีหน้าเขาเบิกตากว้าง
“มันคือทัพทมิฬ!”
เขาหันไปสั่ง
“เปลี่ยนแผน!บอกทุกคนให้ถอยทันที อย่าได้ลังเล!”
“อะไรกัน?ท่านจ้าวสาม ภารกิจของเราคือการยื้อเวลาให้เหล่าจ้าวแห่งความมืดมิใช่รึ”
หัวหน้าทหารผู้หนึ่งตกใจเมื่อได้คำสั่งใหม่เขาไม่อยากจะเชื่อว่าจ้าวสามจะสั่งให้ถอย!
จ้าวสามโกรธกับการโต้แย้ง
“เจ้าจะไปรู้อะไร?เจ้ารู้ไหมว่ากำลังพูดถึงเรื่องอะไร? แล้วก็…ยื้อเวลาเรอะ? เจ้ามันโง่เง่า! มันไม่ใช่ทหารเงาทมิฬ มันคือทัพส่วนตัวของราชาเขตกลางจากจิวโจว!”
ทุกคนรู้ถึงการมีอยู่ของทหารเงาทมิฬพวกเขายังรู้ด้วยว่าทหารเงาทมิฬได้บุกมาที่เฉินหลงภายใต้การนำของห้าศักดิ์สิทธิ์
แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าทัพที่ปรากฏตัวออกมามิใช่ทหารเงาทมิฬแต่มันคือทัพส่วนตัวของราชาเขตกลาง!
หลายคนเคยได้ยินเรื่องทัพทมิฬไร้เทียมทานมันคือทัพของทหารหลายพันคนที่สามารถสังหารจ้าวเทวะที่ทรยศได้ และทัพนี้ยังสังหารจ้าวเทวะโดยเสียคนไปแค่หนึ่งในสิบ
ดังนั้นมันจึงเป็นกองทัพที่มีชื่อเสียงกระฉ่อนในจิวโจว!ทัพนี้ไม่เคยทำภารกิจล้มเหลวแม้แต่ครั้งเดียว
ทัพที่ต้องต่อกรกับทัพทมิฬล้วนลงเอยด้วยการสูญเสียทหายทั้งหมดส่วนตัวทัพทมิฬเองกลับไม่เคยสูญเสียครั้งใหญ่
เกียรติยศสูงสุดของทัพทมิฬก็คือการสังหารทัพหมื่นคนด้วยกำลังพันคน!และทัพหมื่นคนนั้นก็มีฐานพลังพอๆกับพวกเขา
หรือพูดอีกอย่างก็คือทัพทมิฬมีกำลังแข็งแกร่งยิ่งกว่าพวกเขาสิบเท่า มันจึงเป็นทัพที่แทบจะไร้เทียมทาน!
พันธมิตรผู้คุมสวรรค์ตอนนี้มีแต่กึ่งภูติไม่กี่ร้อยคนและมีกึ่งเทพอีกหมื่นคนดังนั้นคนเหล่านี้จึงเป็นเพียงมดปลวกเมื่อต้องเจอกับทัพทมิฬ!
“อย่างลังเลถอยกลับเดี๋ยวนี้! ทางเดียวของเราคือต้องรอให้ท่านราชามาช่วย!”
จ้าวสามหวาดกลัวมากเขาไม่มีกระจิตกระใจจะหัวเราะเยาะซือหยู
การเปลี่ยนแผนแบบฉุกละหุกของต่างโลกทำให้จ้าวสามหวาดกลัวเขารู้สึกว่ามีเหตุการณ์ใหญ่อยู่เบื้องหลังสิ่งเหล่านี้
…
“เจ้าพันธมิตรซือ!”
ขุนพลเฒ่าร้องเรียกเขาด้วยความชิงชังและความเจ็บปวดเมื่อมองคนของตัวเองถูกเผาจนตายในทะเลเพลิงนอกเหนือจากนั้นก็มีคนที่ตายเพราะธนูที่สาดเข้ามาไม่หยุด เขาไม่เชื่อใจซือหยูอีกแล้ว!
“โปรดอภัยที่ข้ามิอาจมองดูคนของข้าตายไปเฉยๆได้!”
หัวหน้าเฒ่าตะโกนเสียงดังและยืนขึ้น
“ใครที่ไม่อยากตายตามข้าบุกไปที่พวกมัน! ข้าตายในสนามรบดีกว่าตายโดยไม่ได้ทำอะไร!”
ที่ฝังศัตรูฮงหยูหัวเราะเบาๆ
“พวกสัตว์ติดกับคิดจะโต้กลับรึ?เจ้าพวกแมงเม่าเอ้ย มาตายซะดีๆ”
เขาสั่งอีกครั้ง
“พลธนูเตรียมพร้อมสงครามนี้จะจบแล้ว”
ในเมืองคนจำนวนมากที่กำลังจะพุ่งออกมาตกใจมาก พลธนูของต่างโลกกำลังง้างคันศรแล้ว
แต่ตอนนั้นเองซือหยูถอนหายใจยาวราวกับโล่งใจ ราวกับว่าเขาเพิ่งทำเรื่องที่เหนื่อยยากสำเร็จ
ปั้ง
พันธมิตรผู้คุมสวรรค์ตะโกนร้องด้วยความตกใจจู่ร่างของซือหยูก็ระเบิด! ร่างของเขากลายเป็นเศษแก้วที่ลอยขึ้นฟ้า
“ภาพลวงตารึ?”
ขุนพลเฒ่าตกใจมาก
เขายืนอยู่ข้างกายซือหยูมานานแต่เขาก็ไม่รู้เลยว่านั่นคือร่างปลอมที่ซือหยูสร้างขึ้นมา! เขาจำต้องสงสัย…
ถ้าเป็นแบบนี้แล้วซือหยูตัวจริงอยู่ที่ใดกัน?
“พลธนูเตรียมพร้อม การต่อสู้กำลังจะจบแล้ว…”
คำพูดนี้ดังมาจากร่างปลอมของซือหยูที่ค่อยๆหายลับไปคำพูดของเขาเบาบางไม่ชัดเจน
“ใต้ดิน!”
ฮงหยูมองพื้นและชักสีหน้า
“มีกับดักที่ใต้ดินถอยเร็ว!”
แต่มันก็สายไปแล้ว…