ตอนที่ 685

The Divine Nine Dragon Cauldron

685 – ทัพศัตรูอันทรงพลัง

 

เพลิงพิโรธแผดเผาเมืองเปลี่ยนท้องนภาให้เป็นสีแดงฉาน ด้วยเหตุนี้จึงทําให้ทัพทมินไม่รู้ตัวว่ามีหมอกจางๆค่อยๆพุ่งขึ้นมาจากพื้น หมอกสีขาวที่ลอยออกมาช้าๆเพราะความร้อนสูงปกคลุมทัพทมิฬ

 

“นี่มันพิษมาเมฆา!”

 

ฮงหยูตกตะลึง

 

เขาไม่คิดเลยว่าศัตรูจะแอบใช้พิษของม้าเมฆากับพวกเขา ฮงหยูกลั้นหายใจและกระทืบเท้าทําให้พื้นเกิดรอยแยก

 

เมื่อเขามองตรงรอยแยกก็พบขนสีขาวจํานวนมาก เพียงแค่เห็นก็ทําให้เขาตัวแข็งที่อด้วยความกลัว!

 

หยดวารีสีขาวที่อยู่ในเส้นขนค่อยๆระเหยขึ้นมาเพราะความร้อน มันกลาเยในหมอกที่ซึมผ่านดินกระจายไปทั่วในอากาศ

 

“หนีเร็ว เราโดนกับดักพวกมันแล้ว”

 

ฮงหยูผ่านประสบการณ์มามาก เขารู้ว่าตกอยู่ในสถานการณ์แบบไหน

 

ขนที่อยู่ใต้ดินจะต้องถูกฝังตั้งแต่สงครามจะเริ่มขึ้น และตอนนี้พื้นในระยะสามสิบได้เต็มไปด้วยขนม้าเมฆา!

 

เขาประเมินเรื่องนี้ได้ก็เพราะว่าระยะโจมตีพวกเขาคือสิบลี้ ขณะที่พันธมิตรผู้คุมสวรรค์อยู่ที่สามสิบลี้ พวกเขาคิดว่าจะกวาดล้างพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ได้ในระยะสิบลี้ แต่เขาคิดไม่ถึงว่าจะต้องเจอกับดัก!

 

และธนูเพลิงที่พวกเขายิงออกมายังเป็นการช่วยเหลือศัตรูโดยไม่รู้ตัว! การแพร่กระจายพิษม้าเมฆาควรจะช้า แต่เพราะความร้อน มันทําให้ความเร็วในการกระจายตัวของพิษสูงขึ้น กองทัพของเขาได้ทําร้ายตัวเองโดยที่ไม่รู้อะไรเลย!

 

“ฟังคําสั่งข้า! พลโล่แยกออกไปรอบๆ ปกป้องพลหอกกับพลธนู เราต้องหนีขึ้นฟ้า”

 

ฮงหยูสั่งการอย่างดีแม้จะอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่ เขายังคงเยือกเย็นอยู่

 

ทัพระดับสูงอย่างทัพทมิฬบ่งบอกสถานการณ์ได้อย่างชัดเจน พิษของม้าเมฆาเป็นภัยกับพวกเขาแน่นอน แต่ก็ไม่มีใครที่ร้อนรน พวกเขาเพียงแค่ทําตามคําสั่งอย่างเคร่งครัดราวกับหุ่นเชิด

 

พลโล่ใช้โล่กลมขนาดใหญ่ปกป้องทหารหกร้อยคน ทหารอีกพันคนทะยานขึ้นฟ้าและเลี่ยงพิษของม้าเมฆาที่ลอยออกมาจากพื้น

 

“ยิ่งมัน!”

 

เมื่อพวกเขาเห็นว่าศัตรูหยุด คนของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ได้ทะยานขึ้นฟ้า

 

ในตอนนั้น คําสั่งของชื่อหมูส่งมาถึงพวกเขา พลธนูที่เตรียมพร้อมยิงธนูอยู่แล้วยิงธนูทมิฬนับไม่ถ้วนออกไป มันเปล่งแสงสีดําและเผยให้เห็นแสงสะท้อนสีขาว

 

แกร๊ง! แกร๊ง! แกร๊ง!

 

ลูกธนูของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์นั้นเป็นแค่ลูกธนูธรรมดาที่ไม่มีพลังทําลายล้างอะไร ดังนั้นเก้าในสิบจึงถูกโล่ป้องกันอย่างง่ายดาย มีแค่หนึ่งในสิบเท่านั้นที่แล่นผ่านช่องว่างของโล่ไปได้ แต่เหล่าพลหอกและพลธนูก็ปัดลูกธนูเหล่านั้นอย่างง่ายดาย

 

“ทําไมธนูของพวกมันอ่อนแอนัก?”

 

ฮงหยูขมวดคิ้วและมองลูกธนูที่พลหอกถืออยู่

 

เขารู้สึกแปลกๆกับเรื่องนี้ แต่ไม่นานเขาก็เห็นปลายธนู

 

“โยนมันทิ้งเร็ว! มีนมีพิษม้าเม…”

 

ปั้ง!

 

ปลายธนูระเบิดก่อนที่เขาจะพูดจบ! หมอกขาวแพร่กระจายไปทั่วทุกทิศทาง

 

หลายคนตอบสนองอย่างรวดเร็ว แต่พวกเขามีกันเป็นพันคน มันแน่นหนาจนไม่มีที่ให้หนี!

 

“อ๊ากก!”

 

“อ๊ากกก!”

 

เสียงกรีดร้องดังก้องนภา พิษได้ถูกคนสองคน มันรุกล้ำไปในร่างกายผ่านรูขุมขน ทั้งสองรู้สึกราวกับถูกเผาด้วยอัคคีสวรรค์

 

ทั้งสองตายโดยไม่เหลือแม้กระทั่งซากศพ การตายของทั้งคู่ทําให้ทหารทัพทมิฬที่จิตใจตั้งมั่นเริ่มแตกตื่น พวกเขาสีหน้าเปลี่ยนไป

 

“ออกมาจากระยะยิงเร็ว!”

 

ฮงหยูสีหน้าหม่นหมอง เขาสั่งพวกทหารด้วยเสียงทุ่มต่ำ

 

ขุนพลเฒ่าในเมืองตกตะลึง

 

“วินัยอะไรกัน!”

 

เขาคิดว่าศัตรูจะแตกตื่นและเปลี่ยนขบวนโล่จนทําให้พวกเขามีที่ว่างเข้าตีและยิงลูกดอกม้าเมฆาเข้าไปอีก แต่ศัตรูยังคงเยือกเย็นแม้จะอยู่ต่อหน้าความตาย แนวป้องกันของมันยังแน่นหนาดังเดิม ขุนพลเฒ่าไม่มีโอกาสจะได้โต้ตอบอะไรเพิ่ม

 

แม้ธนูมากมายจะผ่านโล่ไปได้ แต่พวกศัตรูเริ่มระวังตัวแล้ว พวกทหารจึงโยนลูกธนูทิ้งไป มันทําให้ความเสียหายจากพิษไม่เกิดผล พวกมันเสียทหารไปไม่ถึงสิบคนเท่านั้น

 

พวกเขาลอบโจมตีมาตั้งแต่ก่อนหน้า ทั้งยังล่อทัพพวกมันเข้ามา พวกเขายังเสียกําลังไปหลายร้อยคนและรอให้พิษของม้าเมฆาส่งผลก่อนที่จะให้พลธนูเข้าตี แต่ทั้งหมดนี้ก็ทําให้ฝั่งตรงข้ามตายไม่ถึงสิบคน!

 

ผลอันน่าผิดหวังทําให้ทุกคนหมดใจ พวกเขาเริ่มสงสัยถึงที่มาของทัพทมิฬ เพราะพวกเขาอ่อนแอเกินกว่าจะเทียบกับทัพต่างโลกจริงๆ

 

คนของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์เริ่มโศกเศร้า แม้จะใช้กลยุทธ์ทั้งหมด พวกเขาก็ยังแตกต่างกันในด้านพลังและต่อกรไม่ได้ พวกเขามองศัตรูที่เพิ่งจะออกจากระยะธนู จิตใจพวกเขาไม่สู้อีกแล้ว นั่นก็เพราะศัตรูของพวกเขาแข็งแกร่งจนมิอาจต่อกร

 

หลังจากฮงหยูนําทัพมาในที่ปลอดภัย เขามองรอบๆและถาม

 

“เราเสียหายไปเท่าใด?”

 

“ท่านหัวหน้า เราเสียไปสิบคน ไม่มีคนอื่นที่บาดเจ็บ”

 

หนึ่งในทหารรายงานกับเขา

 

ฮงหยูสีหน้าหม่นหมองเมื่อได้ยินรายงาน

 

“เราเสียไปสิบคนเพราะพวกบ้านนอกนี้ร์ อัปยศยิ่งนัก บอกข้าว่าเจ้าจะชดใช้ยังไง?”

 

ทหารทัพทมิฬสีหน้าเคร่งขรึม พวกเขาตะโกนเสียงดังขึ้นพร้อมกัน

 

“ด้วยเลือดของพวกมัน!”

 

พวกเขาบินขึ้นฟ้าด้วยแววตาเยือกเย็นราวน้ำแข็ง มันน่ากลัวอย่างมาก

 

“แล้วพวกเจ้ารออะไรอยู่?”

 

ฮงหยูโกรธแค้นอย่างมาก เขาคิดว่าเขาบดขยี้ทัพศัตรูได้ง่ายๆ แต่พวกเขาก็ต้องสูญเสียคนไปสิบคน นั่นเป็นความอัปยศอย่างมากในสายตาเขา

 

แต่เมื่อเขาพูดจบ เสียงเวทนาก็ดังมาจากเบื้องบน

 

“เจ้าเสียไปแคสิบคนแต่กลับเจ็บปวดนักร? มันยังเร็วไป”

 

“วงแหวนรวมพลัง!”

 

เสียงหนึ่งตะโกนขึ้นมา

 

ปั้ง!

 

เมฆาแยก แสงจันทราเผนให้เห็น แต่มิใช่ มันมิใช่แสงจันทร์! มันคือวงแหวนสีทองที่ดูทับซ้อนกับตําแหน่งของดวงจันทร์

 

“วงแหวนรวมพลัง! พลโล่ ตั้งรับ!”

 

ฮงหยูชักสีหน้า แต่เขาก็สั่งการได้อย่างดี

 

พลโลรีบเปลี่ยนการจัดทัพและบินขึ้นฟ้าไปตั้งแนวรับใหม่ ยันต์ตรงอกของพวกเขาเริ่มปล่อยแรงกดดันวิญญาณออกมา

 

ครืน!

 

ลําแสงหนาพุ่งออกมาจากวงแหวนรวมพลัง มันดูเหมือนกับลําแสงนี้พุ่งตรงมาจากดวงจันทร์!

 

พลังอันยิ่งใหญ่เป็นที่ตระการตาต่อพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ยิ่งนัก

 

“นั่นจ้าวพันธมิตรชื่อ! เขายังมีอุบายอยู่อีก!”

 

คนที่มองดูอุทานออกมา พวกเขาเริ่มมีใจฮึดสู้อีกครั้ง

 

ปั้ง!

 

แต่เมื่อลําแสงไปถึงศัตรู ทุกคนต่างตกตะลึง นั่นเพราะเมื่อได้ปะทะกับพลโล่ พลังนั้นก็ไม่ได้ไปไกลขึ้น

 

“มันอ่อนแอจริงๆ”

 

ฮงหยูเงยหน้ามองท้องนภา

 

ดูเหมือนว่าสายตาเขาจะมองทะลวงเมฆาไปได้ เขาถอนหายใจแรงและสายหน้า เขายิ้มอย่างชั่วร้าย

 

“เริ่มสวน มันก็แค่เป้าใหญ่เป้าเดียว อย่าให้ข้าผิดหวัง!”

 

“เราจะไม่ไว้ชีวิตใครหน้าไหนทั้งนั้น”

 

ทหารทัพทมิฬตะโกนพร้อมกัน

 

คนของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์กําหมัดแน่น พวกเขาคิด…มันจะจบแค่นี้?

 

แต่ในตอนนั้น วงแหวนรวมพลังได้รวมพลังอีกครั้ง ลําแสงอันน่ากลัวถูกรวมตัวด้วยความเร็วาง มันเหนือกว่าลําแสงครั้งก่อนเป็นยี่สิบเท่า!

 

“อะไรกกัน? พวกมันมีภูติหลายคนเลยเรอะ?”

 

ฮงหยูตกตะลึง ความหวาดกลัวฉาบแววตาของเขา

 

เมื่อครู่ เขาเห็นภูติเพียงคนเดียวและกิ่งภูติอีกหลายคน แต่ตอนนี้กลับเห็นว่ามีภูติอยู่อีกมากกว่ายี่สิบคน!

 

“ข่าวของเราพลาดไปเยอะ ทัพศัตรูมีภูติมากกว่ายี่สิบคน! ส่งคําสั่งออกไป! เพิ่มกลยุทธ์เป็นระดับกลาง”

 

ฮงหยูสั่งการทันที

 

คําสั่งของเขาทําให้ทุกคนหวาดกลัว พวกเขาเพิ่งได้รับรู้ว่าต้องเจอกับกลยุทธ์ระดับต่ำสุดมาโดยตลอด!

 

ทหารทุกคนหยิบเอาโอสถสีดําออกมาจากขวดหยกของตัวเองและกินมันเข้าไป

 

เมื่อพวกเขากินมันก็เกิดสิ่งที่น่าตกใจขึ้น ฐานพลังของพวกเขาเพิ่มขึ้นจากกิ่งภูติที่มีแก้วสองดวงมาเป็นสามดวง! พลังโดยรวมของพวกเขาเพิ่มขึ้นมาอีกระดับ!

 

“ตั้งกระบวนรบ”

 

ฮงหยูตะโกนเสียงทุ่มต่ำ

 

“พอกันมันแล้วเราจะกระจายกําลังเป็นร้อยคนแล้วฆ่าทุกคนที่ยังต่อสู้ได้ในเมืองพวกมัน จากนั้นค่อยไปฆ่าพวกภูติที่หลัง”

 

เขาสั่งแบบนี้เพราะรู้ว่าการแยกกําลังจะทําให้วงแหวนรวมพลังไม่แสดงประสิทธิภาพได้มากนัก เขารู้ว่ากึ่งภูติที่มีแก้วสามดวงร้อยคนนั้นมากพอที่จะสังหารภูติหนึ่งคนที่มาเผชิญหน้าด้วย

 

พลโล่ตั้งรับอีกครั้ง พวกเขาเกือบจะตั้งรับไม่ทันขณะที่ลําแสงมาถึง

 

เสียงสั่นสะเทือนดังก้อง ลําแสงถูกป้องกันอีกครั้ง!

 

การรวมพลังที่มากพอจะกวาดล้างพวกเขากลับถูกป้องกันอย่างง่ายดาย! มันยากที่จะเชื่อ

 

“เจ้าพันธมิตรชื่อ ทําไมมันถึงเป็นอย่างนี้ เรากําลังสู้กับใครอยู่กันแน่?”

 

ผู้เฒ่าเฉินสูดหายใจเข้าลึก

 

ภูติผีสิบคนซ่อนตัวตั้งแต่ก่อนหน้าสงคราม พวกเขารอโอกาสทองเพื่อที่จะสังหารศัตรู ไม่มีใครคิดเลยว่าศัตรูจะรับมือยากเช่นนี้

 

ชื่อหยุยืนมือไพล่หลัง เขาบินไปที่เหล่าภูติ เขาขมวดคิ้วแน่น

 

วงแหวนรวมพลังนี้เตรียมไว้รับมือกับทัพของห้าศักดิ์สิทธิ์ แต่การปรากฏตัวของทัพทมิฬได้ทําให้แผนของเขาไม่ได้ผล ความน่ากลัวของกองทัพยังทําให้ชื่อหมูตกตะลึง

 

“ดี ข้าดูถูกพวกเจ้าไปจริงๆ ข้ามั่นใจว่าเจ้าคงไม่มีภูติมากเท่านี้ แต่ก็น่าเสียดายที่เจ้าทําอะไรไม่ได้ ต่อให้เป็นภูติระดับกลางก็ทําลายแนวป้องกันนี้ไม่ได้ ไม่ต้องพูดถึงพวกเจ้า”

 

ฮงหยูสั่งอย่างเยือกเย็น

 

“ฆ่าพวกมันให้หมด”

 

ทหารทัพทมิฬกระจายตัวทันที พวกเขาพุ่งเข้าไปในเมือง มันมิอาจหยุดยั้งได้แล้ว

 

แต่ในตอนนั้นเอง ลูกแก้วสี่ลูกหล่นจากฟ้า แต่ละลูกสร้างม่านแสงที่ทรงพลังออกมา ม่านแสงทั้งสี่รวมตัวกันและทับซ้อนอย่างแน่นหนา มันคือลําดับห้าธาตุ

 

“สมบัติวิเศษรึ?”

 

ฮงหยูถอนหายใจแรง

 

“สมบัติของคนเดียวมันไร้ค่าถ้าต้องมาสู้กับคนทั้งหมื่นคน มันจับพวกข้าไม่ได้หรอก ทําลายมันซะ!”

 

เมื่อเขาสั่ง พลธนูหลายร้อยคนยิงธนูไปยังจุดๆเดียว พวกเขาคิดจะทําลายมันในคราเดียว ลําดับห้าธาตุเริ่มสั่นสะเทือน

 

“ใครบอกว่าข้าเพียงแค่จะจับพวกเจ้า?”

 

เสียงของชื่อหยุดังมาจากท้องฟ้าอีกครั้งก่อนที่พวกเขาจะทําลายลําดับห้าธาตุและหนีออกไปได้