“หม่อมฉันจะถือว่าไม่ได้ยินคำพูดเมื่อครู่ขององค์ชายาโอรันนะเพคะ ทรงทราบใช่หรือไม่ว่าหากเรื่องนี้แพร่งพรายไปที่อื่นจะเกิดปัญหาใหญ่ได้”
“ฮึ ถ้าจะทรงว่าเช่นนั้น เราเองก็จะไม่ตามเซ้าซี้แล้ว”
คำพูดของโอรันช่างหยาบคายยิ่ง โอรันฮัมเพลงด้วยด้วยเสียงนาสิกพลางถอยห่างออกไป กโยยองก้มหัวลงคำนับ ระหว่างที่นางกำลังเงยหน้าขึ้นมานั้น โอรันก็ได้พูดทิ้งท้ายเอาไว้ว่า
“แต่หากพระชายารองต้องการกำลังจากทางวังตะวันตกเมื่อไร ก็ขอทรงมาหาได้ตามสะดวก เราเต็มใจจะเป็นกำลังเสริมให้พระชายารองผู้น่ารัก”
พอกโยยองเงยหน้าขึ้นมาอย่างสมบูรณ์ โอรันก็หันหน้าเดินจากส่วนของตำหนักดงบีไปแล้ว
“อยู่ดีๆ ทำไมถึงมาโผล่ที่วังตะวันออกได้กัน”
นางตั้งใจมาที่นี่เพื่อแอบฟังเราบ่นเท่านั้นหรืออย่างไร กโยยองพึมพำด้วยความสงสัย
โอรันผู้ที่อยู่ๆ ก็ปรากฏตัวที่วังตะวันออก ไม่นานก็เดินพ้นจากวังตะวันออก ที่จริงแล้วนางตั้งใจจะมาขอขมากโยซึลเรื่องที่นางละเมิดกโยซึลไปอย่างไร้มารยาทในครั้งที่พบเจอกัน ณ อุทยานดอกไม้เมื่อไม่นานมานี้ การมาพบเจอกับกโยยองหน้าตำหนักดงบีนั้น แท้จริงคือเรื่องบังเอิญ ถือเป็นลาภลอยที่คิดไม่ถึงเลยทีเดียว
“ท่าจะไม่จำเป็นต้องไปตำหนักดงบีแล้วล่ะ”
ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาอีกต่อไป โอรันหันกลับไปยังวังตะวันตกอย่างไม่รีรอ ก้าวย่างของนางเต็มไปด้วยความแช่มชื่นในใจ
“พระชายาฮวางแทจา ช่างเป็นแม่นางที่น่าสนใจเสียจริง”
เข้ามาในวังยังไม่เกินสองเดือน แต่ก็ดันมีเรื่องให้พูดถึงได้เยอะแยะมากมายเช่นนี้ ตัวเอกของเรื่องซุบซิบแสนสนุกหลายๆ เรื่องนั้นก็คือนาง หน้าตาดูใสซื่อ แต่ทว่ากลับสร้างแต่ข่าวลือที่ช่างไม่เข้ากับหน้าตาเลยสักนิด โอรันคิดไตร่ตรองเรื่องที่เพิ่งได้ยินได้ฟังมาเมื่อครู่ ช่างเป็นเรื่องที่เอามาปะติดปะต่อเอาเองได้อย่างน่าสนุกจริงเชียว ตนคงไม่ต้องพยายามทำให้ตัวเองดูดีต่อหน้ากโยซึลอีกแล้ว
“พระชายาเอกฮวางแทจาไม่สามารถรักองค์ฮวางแทจาได้อย่างนั้นหรือ”
แม้การพูดเรื่องรักใคร่ในพระราชวังแห่งนี้นั้นจะเป็นเรื่องน่าขบขัน ทว่าตัวละครและเรื่องราวนั้นสนใจยิ่ง เมื่อได้ลองผูกเรื่องซุบซิบเกี่ยวกับกโยซึลที่มีแต่เรื่องเสียๆ หายๆ แล้ว ยิ่งทำให้ร่างภาพภายในหัวออกมาได้สนุกยิ่งขึ้นไปอีก แต่ไม่ว่าจะวาดออกมาอย่างไร มันก็จะเป็นภาพวาดที่สมบูรณ์แบบสำหรับวังตะวันตกของแทจา
ดึกวอลและโอรันอย่างแน่นอน นางกลับมาถึงวังตะวันตก แต่กลับไม่ไปยังตำหนักซอบีซึ่งเป็นที่พักของตน นางมุ่งหน้าไปยังตำหนักซอชอนแทน วันนี้ตนก็คงจะได้สนทนาอย่างสนุกสนานและยาวนานกับดึกวอลที่โต๊ะหนังสือในนั้น แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหน แต่ถ้ารวบรวมมาผูกเข้าด้วยกันแล้วตกแต่งให้ดีล่ะก็ คาดหวังได้เลยว่ามันจะออกมาดีอย่างมากแน่นอน
ลมที่พัดวนอยู่ในพระราชวังก่อกำเนิดเพลิงระอุแห่งแดนชำระบาปขึ้นแล้ว
***
กโยซึลไม่ได้รับรู้เลยว่าที่ข้างนอกตำหนักดงบีได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง นางเอาแต่หมกมุ่นคิดกังวลอยู่ในห้องนอนของตน กโยซึลนั่งอยู่ที่โต๊ะหนังสือ ท้าวคางพลางขมวดคิ้วมุ่น สำหรับตัวนางแล้วมันคือเรื่องที่เคร่งเครียดเอามากๆ ทว่าในสายตาคนอื่นนั้นกลับช่างดูเป็นเรื่องที่ทำให้คันปากยุบยิบจนอยากจะแย้มยิ้มออกมา
“ทำอย่างไรดี พระองค์ทรงไม่โปรดดอกไม้ แต่เรากลับนำไปถวายให้ทุกวัน และหากมีสิ่งใดไปรบกวนการทำงาน เห็นบอกว่าจะทรงกริ้วมาก แต่เรากลับไปกวนในทุกเช้า ที่แท้ตัวเองกลายเป็นบุคคลนอกสายตาของพระองค์มานานแล้วสินะ”
ความชอบของบีพาอันที่ไปเค้นถามมาจากกโยยอง ช่างต่างจากความชอบของกโยซึลโดยสิ้นเชิง กโยซึลชอบดอกไม้ใบหญ้าในสวน นางจึงเอาแต่พูดถึงเรื่องต้นไม้ทุกวัน แต่บีพาอันชอบทะเลสาบและแม่น้ำ ดังนั้นเส้นทางเดินเล่นหนึ่งเดียวของเขาจึงเป็นการเดินไปตามสายน้ำในวังตะวันออก
“เหตุใดถึงไม่มีสิ่งใดที่ชอบพอตรงกันเลย”
กโยซึลถอนหายใจ จากนั้นก็คิดกังวลว่าจะทำแต่สิ่งที่บีพาอันชอบดีหรือไม่
“แต่เรื่องพวกนี้ มิใช่เรื่องที่เราจะถวายให้ หรือทำให้ได้เลย”
นางค่อยๆ ทบทวนถึงสิ่งที่กโยยองบอกไว้ ซึ่งมีทั้งการเดินเล่นไปตามสายน้ำรอบนอกวังตะวันออก การล่องเรือ การใช้เหยี่ยวล่าสัตว์ การยิงธนู การประดับยศ ของที่ทำจากด้ายย้อมสี สีดำ สีทอง เนื้อไม่ติดมัน ชาไร้กลิ่น..
เมื่อได้เห็นนายของตนเพ่งดูรายการดังกล่าวจนถึงขั้นกลัดกลุ้มใจแล้วนั้น แม่นมจึงพูดขึ้นมาอย่างระมัดระวังว่า
“พระชายาเพคะ หม่อมฉันคิดว่าเลือกจากสิ่งที่พระชายาทรงชอบ แล้วพยายามทำถวายฝ่าพระบาทแบบนี้ดีไม่ดีกว่าหรือเพคะ”
“ทำไมหรือ”
“เพราะการทำให้อีกฝ่ายยินดีจากการพยายามทำสิ่งที่เขาชอบนั้นใครก็ย่อมทำได้ ทว่าหากเป็นสิ่งที่พระชายาทรงชอบ แล้วนึกถึงฝ่าพระบาทนั่น ย่อมเป็นความยินดีที่พระชายาสามารถมอบให้ได้เพียงผู้เดียวนะเพคะ”
“สิ่งที่มีเพียงเราถวายให้ได้ การถวายสุดตัวจากเรา”
กโยซึลกวาดสายตาอ่านรายการของกโยยองซ้ำไปซ้ำมา ในนั้นมีไม่กี่อย่างที่ตนสามารถทำได้ด้วยความชอบจริงๆ หากทำด้วยใจไม่ชอบแล้ว คงจะไม่สามารถใส่ความจริงใจลงไปได้
“อย่างไรก็ตาม เราน่ะ…”
กโยซึลมุ่งหน้าไปยังด้านในห้องบรรทม ด้านในห้องซึ่งถูกแบ่งโดยผ้าม่านออกจากส่วนที่เอาไว้รับแขกนั้นมีเตียงหลังหนึ่งอยู่ และที่ข้างฝาผนังนั้นมีชุดอภิเษกของบีพาอันแขวนเอาไว้ ใต้ชุดนั้นมีดอกไม้ที่จัดไว้อย่างสวยงาม เป็นดอกไม้ที่กโยซึลตั้งใจเลือกมาแต่ดอกที่งดงามตอนตนไปเดินเล่นที่สวนด้านหลัง ดอกไม้ที่ถูกทำให้แห้งในที่ๆ มีแสงรำไรเช่นนี้ส่งกลิ่นหอมฟุ้ง นางนำมันแนบไว้ในจดหมายที่ส่งให้บีพาอัน
“แน่นอนว่า สิ่งนี้เหมือนจะเป็นสิ่งที่เราสามารถทำถวายให้พระองค์ได้ดีที่สุด”
ตนไม่มีแรงใจพอที่จะทำสิ่งใดเพิ่ม เมื่อคิดถึงเรื่องที่ตนชอบ แล้วนึกถึงบีพาอัน เห็นทีว่าสิ่งนี้น่าจะเป็นสิ่งที่ตนสามารถทำได้โดยไม่เหนือบ่ากว่าแรง
“เช่นนี้แม้พระองค์จะไม่มีการตอบสนองใด เราก็ไม่เสียใจ”
ช่างเป็นการพร่ำบ่นที่ไม่จำเป็นเอาเสียเลย นางมัวแต่เจ็บปวดใจกับเรื่องไร้สาระ ที่ว่าตนส่งจดหมายให้ทุกวัน แต่บีพาอันกลับไม่ตอบกลับเลย ดังนั้นด้วยใจที่แตกสลาย นางจึงได้วู่วามเอ่ยถามเรื่องรสนิยมของบีพาอันจากกโยยอง เพราะตนกังวลว่าเป็นเพราะบีพาอันไม่พอใจหรือไม่ หรือพอจะมีเรื่องใดที่ทำให้เขาพอใจได้หรือไม่
“เหตุใดถึงไม่ทรงรับสั่งอันใดเลยนะ”
แม้จะถามขันทีที่นำจดหมายไปให้บีพาอันแล้ว เขาก็บอกว่าตัวบีพาอันไม่ได้พูดฝากอะไรกลับมาเลย กโยซึลพลันรู้สึกแปล๊บขึ้นมาบริเวณดวงตา
“ไม่สิ เราไม่ควรทำเช่นนี้ จะรู้ไม่พอใจฝ่าพระบาทไม่ได้ พระองค์ทรงยุ่งกับการงาน นี่ไม่ใช่เรื่องที่เราจะมาอยากได้อะไรตอบแทน เราแค่ทำให้เพราะอยากทำเท่านั้น”
กโยซึลส่ายหัวไม่หยุด มือของนางพลางยื่นไปแตะชุดอภิเษก นางติดนิสัยชอบสัมผัสชุดนี้แทนกอดอบอุ่น ผ้าไหมผืนนี้ช่างนุ่มนวลนัก เมื่อนางสัมผัสมันก็พาลให้นึกถึงสัมผัสอันอ่อนโยนอื่นขึ้น
ไม่ ไม่ได้ มันไม่ถูกต้อง
ไม่ว่าจะย้ำกับตัวเองมากเพียงใด ภาพติดตานั้นก็ยังคอยผุดขึ้นมาหลอกหลอนตน กโยซึลบังคับสายตาให้มองไปยังชุดอภิเษก ราวกับว่าทุกสิ่งที่ตนเห็นมีเพียงแค่ชุดนี้เท่านั้น จากนั้นนางก็ได้พูดกับตัวเองอย่างเคร่งครัดว่า
“จงมองให้ชัด นี่คือพระสวามีของเจ้า กโยซึล อ้อมกอดเดียวที่ตนสามารถยอมรับได้นั้น มีเพียงอ้อมกอดของเขาเท่านั้น