“ข้าพูดเรื่องจริง! ”
“ข้าก็พูดความจริงเช่นกัน! ”
ซูจิ่นซีกับมู่หรงฉีสบตากัน ทั้งสองต่างมองอีกฝ่ายด้วยท่าทาง ‘จริงจัง’
ทว่าผ่านไปครู่หนึ่ง พวกเขาก็หัวเราะเสียงดัง ก่อนจะยกไหสุราในมือชนกันแผ่วเบาและเงยหน้าขึ้นดื่ม
พวกเขาทั้งสองเข้าใจดี การไปชิงตัวเยี่ยโยวเหยาเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
ไม่ต้องพูดถึงว่าเยี่ยโยวเหยาไม่ใช่คนธรรมดา หากอาศัยพวกเขาเพียงสองคน จะสามารถชิงตัวเยี่ยโยวเหยามาได้หรือไม่ก็อีกเรื่อง
ต่อให้ชิงตัวมาได้ ทว่าตอนนี้ หมุดกร่อนรักในร่างกายของเยี่ยโยวเหยาได้รับการปลดพันธะอย่างสมบูรณ์ ทั้งเขายังลืมซูจิ่นซีโดยสิ้นเชิง แม้จะได้ตัวคนมา ทว่าหัวใจของเขากลับลืมเลือนจนหมดสิ้น หลงเหลือเพียงเปลือกหุ้มภายนอก เช่นนั้นจะมีประโยชน์อันใด?
ทั้งสองต่างนิ่งเงียบครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง
มู่หรงฉีหรี่ตาลงเล็กน้อย ราวกับตอบรับสัมผัสของสายลมที่ปะทะใบหน้า ทว่าเขากำลังหวนนึกถึงช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา ตอนอยู่ที่แคว้นจงหนิง ซูจิ่นซีได้ผ่านเรื่องราวเลวร้ายมากมาย นั่นทำให้ส่วนลึกในจิตใจของเขาเจ็บปวด
ซูจิ่นซีก้มหน้า พลางใช้มือหมุนไหสุราแผ่วเบา สายลมพัดผ่านเส้นผม ส่วนอารมณ์ของนางในยามนี้ เป็นที่ชัดเจนอยู่แล้ว
ครู่หนึ่งซูจิ่นซีก็ได้ยินเสียงกลไกที่คุ้นเคย เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นหมูน้อยกลไกกำลังบินมาทางตนเอง
นางยื่นมือออกไป หมูน้อยกลไกจึงกระพือปีกบินลงบนฝ่ามือของนาง
ท่าทางหม่นหมองของซูจิ่นซีพลันหายไป นางพูดด้วยความตื่นเต้น “นี่คือหมูน้อยกลไกของอู๋จุน”
ไม่รู้ว่าความโศกเศร้าในดวงตาของมู่หรงฉีสลายหายไปตั้งแต่เมื่อใด “รีบเปิดเถิด จอมวายร้ายว่าอย่างไรบ้าง? ”
ซูจิ่นซีเปิดกลไกของหมูน้อยตามที่นางจำได้ ทันใดนั้นด้านในก็มีเสียงพูดยียวนของอู๋จุนดังขึ้น
“แม่นางพิษน้อย จุ๊บ จุ๊บ! ระยะเวลาที่ผ่านมาคงเป็นห่วงพี่จุนใช่หรือไม่? เจ้าคงรู้สึกผิดมากใช่หรือไม่? วางใจได้ พี่จุนไม่เป็นไร! ไม่เป็นไรจริงๆ ! ตอนนี้กินอิ่มนอนหลับ มีหญิงงามคอยปรนนิบัติ แต่ละวันมีความสุขดี เด็กดี เจ้าไม่ต้องตำหนิตนเองอีกแล้ว และไม่ต้องเป็นห่วงพี่จุน! แต่อย่าลืมคิดถึงพี่จุนด้วย! อีกสักพักพี่จุนก็จะไปหาเจ้าแล้ว! จุ๊บ… ”
“แกร๊ก”
หลังสิ้นสุดคำพูดสุดท้ายของอู๋จุน หมูน้อยก็ปิดกลไกตนเอง
“เรื่องจอมวายร้ายได้รับบาดเจ็บ ข้าพอได้ยินมาบ้าง ตอนนี้ได้พบหมูน้อยกลไก แสดงว่าเขาไม่เป็นอันใดแล้ว เจ้าอย่าได้กังวลใจเกี่ยวกับพลังภายในของเขานักเลย และอย่าได้ตำหนิตนเอง เขาเป็นคนปลูกสมุนไพร ทั้งเส้นสายทางด้านวิชาแพทย์และสมุนไพรก็กว้างขวาง เขาต้องมีวิธีฟื้นฟูพลังภายในของตนเองแน่นอน”
ไม่เป็นไรก็แปลกแล้ว!
วิชาแพทย์ของซูจิ่นซีไม่ด้อยเลย นางจะฟังไม่ออกได้อย่างไร?
อู๋จุนพยายามอดกลั้นต่อความเจ็บปวดของร่างกาย และพยายามพูดด้วยน้ำเสียงปกติ ทว่าร่างกายของเขาได้รับบาดเจ็บจึงทำให้ลมหายใจไม่มั่นคง
สถานการณ์ของเขาในยามนี้ ไม่ได้เป็นดังเช่นที่เขาพูดแม้แต่น้อย
หากเป็นจริงตามที่เขาพูดว่ากินอิ่มนอนหลับ มีหญิงงามคอยปรนนิบัติ เหตุใดถึงไม่บันทึกภาพให้หมูน้อยกลไกนำมาให้ดูด้วย?
เขามักโอ้อวดต่อหน้าซูจิ่นซีไม่ใช่หรือ? เหตุใดยามนี้จึงไม่ทำเช่นนั้นเล่า?
ยิ่งคิด ซูจิ่นซีก็ยิ่งรู้สึกเศร้าใจ
ในตอนนี้ อู๋จุนต้องหลบอยู่ที่ใดสักแห่งเพื่อแบกรับความเจ็บปวดและความทรมานจากอาการบาดเจ็บ
ซูจิ่นซีมั่นใจมากว่าที่เขาหายตัวไปจากจวนฉีอ๋องก่อนหน้านี้ เป็นเขาที่จากไปเอง เพราะไม่ต้องการให้นางเป็นห่วงและตำหนิตนเองที่ทำให้เขาบาดเจ็บ
อย่างไรก็ตาม เขารู้หรือไม่? ยิ่งเขาทำเช่นนี้ ซูจิ่นซียิ่งรู้สึกผิดและไม่สบายใจ
ซูจิ่นซีแทบไม่ต้องหยุดคิด นางเปิดกลไกหมูน้อยอีกครั้งและบันทึกเสียงที่ทั้งขุ่นเคืองและโมโหของตนลงไป
“อู๋จุน ข้าจะบอกเจ้าและเจ้าต้องฟังให้ดี ข้าให้เวลาเจ้าเพียงหนึ่งชั่วยาม รีบมาปรากฏตัวต่อหน้าข้าเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้น… ต่อไปข้าจะไม่พบหน้าเจ้าอีก ไม่พบหน้าเจ้าตลอดไป อยากไปตายที่ใดก็เชิญตามสบาย! ”
แม้คำพูดที่ซูจิ่นซีพูดกับอู๋จุนจะไม่ไพเราะเท่าใดนัก ทว่าในใจของนางเป็นห่วงอู๋จุนอย่างมาก
“ฉีอ๋อง จัดหาคนจำนวนหนึ่งให้หม่อมฉันได้หรือไม่? ”
“เจ้าคิดจะออกไปตามหาอู๋จุน? ”
ซูจิ่นซีพยักหน้า
“จิ่นซี เขาจากไปเพื่อหลบหน้าเจ้า เจ้าเชื่อข้าและเชื่อใจเขา อู๋จุนไม่เป็นอันใด รอจนร่างกายเขาหายเป็นปกติ เขาจะกลับมาหาเจ้าแน่นอน! ”
ซูจิ่นซีเผยท่าทีแน่วแน่
“เรื่องเหล่านี้หม่อมฉันทราบดี ทว่าในฐานะที่เป็นมิตรสหายกัน หม่อมฉันจะทำเป็นไม่สนใจได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้น เขาสูญเสียพลังภายในเพราะหม่อมฉัน ดังนั้น หม่อมฉันไม่อาจทำตามที่เขาพูดได้”
มู่หรงฉีรู้ดี เขาไม่มีทางห้ามซูจิ่นซีได้สำเร็จ จึงพูดตอบรับนาง “ตกลง ข้าจะพาคนจำนวนหนึ่งไปพร้อมกับเจ้า”
รอจนมู่หรงฉีจัดเตรียมคนและรถม้าพร้อมแล้ว ซูจิ่นซีจึงโยนหมูน้อยกลไกออกไป หมูน้อยกลไกขยับปีกบินเข้าไปในความมืด
คนจำนวนหนึ่งและรถม้า พร้อมทั้งซูจิ่นซีกับมู่หรงฉีต่างติดตามหมูน้อยกลไกอยู่ด้านหลัง ตลอดทาง ซูจิ่นซีเปิดความถี่ของอาคมกำไลปี่อั้นจนถึงระดับสูงสุด
หมูน้อยกลไกบินออกจากเมืองเย่หลินเข้าไปในหุบเขานอกเมือง จากนั้นก็บินเข้าไปในถ้ำแห่งหนึ่งภายในหุบเขา
ภายในถ้ำมีกองไฟสูงที่เติมฟืนจนเปลวไฟลุกโชน เสียงสะเก็ดไฟดังอย่างไม่ขาดสาย
อู๋จุนในชุดสีแดงนอนสงบนิ่งอยู่ข้างกองไฟ ใบหน้าซีดขาวไร้เลือดฝาด ลมหายใจไม่มั่นคง
เมื่อได้ยินเสียงหมูน้อยกลไก อู๋จุนก็รีบลุกขึ้นและยื่นมือออกไป หมูน้อยกลไกจึงบินลงบนฝ่ามือของเขา
อู๋จุนเปิดกลไกของหมูน้อยและฟังเสียงของซูจิ่นซี จากนั้นก็กดปุ่มฟังซ้ำอีกครั้ง ฟังจบก็กดฟังอีกครั้งซ้ำไปซ้ำมา
ฟังแล้วฟังอีก ฟังไปถึงห้าหกครั้ง สิ่งที่เขาสนใจหาใช่เนื้อหาในคำพูดที่ซูจิ่นซีบันทึกไว้ ทว่าเขาต้องการฟังเสียงของนาง และมองใบหน้าของนางที่บันทึกไว้ด้านใน
“แหะ แหะ สตรีผู้นี้ช่างอารมณ์ดุดันยิ่งนัก ทว่าท่าทางโกรธเคืองของนางก็ดูน่ารักไปอีกแบบ แหะ แหะ งดงามนัก ดูไม่เบื่อจริงๆ ”
“ถังเป่าอวี้ เจ้าจะหยุดได้หรือยัง? ”
มือขาวนวลดั่งหยกยื่นออกมาแย่งหมูน้อยกลไกไปจากมือของอู๋จุน และยกขึ้นทำท่าจะโยนมันลงไปในกองไฟ
อู๋จุนรีบลุกขึ้นทันที “เจ้ากล้าหรือ หากเจ้ากล้าโยนมันลงไปในกองไฟ ข้าจะเผาเจ้าตามไปด้วย”
“ถังเป่าอวี้! ” สตรีผู้นั้นกระทืบเท้า พลางกัดริมฝีปากแน่น “ซูจิ่นซี นางมีดีอันใด? นอกจากทำร้ายเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า นางทำสิ่งใดเพื่อเจ้าบ้าง? ดูสภาพของเจ้าในยามนี้สิ ล้วนเป็นสิ่งที่นางมอบให้เจ้าทั้งสิ้น เจ้ายังอาลัยอาวรณ์นางอยู่อีกหรือ? ”
“หึ!” อู๋จุนแย่งหมูน้อยกลไกจากมือของสตรีผู้นั้น “ข้าคิดถึงนาง คิดถึงนาง ข้าจะคิดถึงนาง! ”
อู๋จุนพูดพลางลุกขึ้นเดินไปนั่งข้างกองไฟและเปิดหมูน้อยกลไกอีกครั้งด้วยความคิดถึง เขากดปุ่ม ทันใดนั้นเสียงของซูจิ่นซีก็ดังขึ้น
“ถังเป่าอวี้! ”
สตรีผู้นั้นเดินเข้ามาด้านข้างอู๋จุน ทั้งยังใช้เท้าเหยียบอู๋จุนอย่างแรง “ข้าตามหาเจ้าตั้งนาน เหตุใดเจ้าไม่คิดถึงข้าเช่นนี้? ”
อู๋จุนเจ็บจนต้องขมวดคิ้ว เขาเงยหน้าขึ้นมองสตรีผู้นั้น “เจ้าใบหน้าอัปลักษณ์ แม่นางพิษน้อยงดงามกว่าเจ้ามาก ข้าจะคิดถึงเจ้าไปเพื่ออันใด! ”
สตรีนางนั้นโมโหอย่างมาก นางยกมือเท้าสะเอวและเดินวนไปมา ทันใดนั้นนางก็หยุดนิ่งและยื่นใบหน้าเข้ามาประจันหน้ากับอู๋จุน
“ถังเป่าอวี้ เจ้ามันใจร้าย เจ้าตาบอดหรือว่าถูกฟ้าผ่าเข้ากลางศีรษะ? เจ้าดูสิ ข้า ถังเสวี่ยอัปลักษณ์หรือ? อัปลักษณ์ที่ใดกัน? ”
ใช่ สตรีผู้นี้คือบุตรสาวของฮูหยินเตี๋ยเมิ่งแห่งหุบเขาร้อยบุปผาในแคว้นหนานหลี