บทที่ 377 เกิดเรื่องที่โรงงาน

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

พอเห็นผู้คนมากมายที่ออเต็มอยู่ตรงหน้าตึกอำนวยการ สีหน้าของเฉินหวั่นชิงก็ดูบึ้งตึงขึ้นมาทันที

ถึงเธอจะยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่มีคนกลุ่มใหญ่ผู้ดูแลสิบกว่าคนและกำลังโวยวายกันอยู่ มันจะเป็นเรื่องเล็กไปได้ยังไง?!

พอคิดได้อย่างนั้น เฉินหวั่นชิงก็รีบเปิดกระจกรถ เสียงโวยวายด้านนอกก็ดังเข้ามาทันที

เพียงแต่ คนที่โวยวายนั้นมีมากเกินไป คนนู้นทีคนนี้ทีวุ่นวายอย่างกับตลาดสด ฟังไม่ออกเลยว่ากำลังพูดเรื่องอะไรอยู่

เย่เทียนได้ขับรถไปจอดไว้ข้างทาง หลังทั้งคู่ลงจากรถแล้วเดินเข้าไปใกล้ ถึงพอฟังออกว่าพูดเรื่องอะไรกันอยู่

“นี่มันเลทมาตั้งกี่วันแล้ว? รีบจ่ายค่าแรงให้เราเดี๋ยวนี้! ไม่อย่างนั้นพวกเราจะหยุดงานประท้วง!”

“ใช่ๆ ฉันยังต้องไปจ่ายค่าเช่าห้องอีก!”

“เมื่อก่อนก็ไม่เคยมีปัญหา เดือนนี้มันเกิดอะไรขึ้น? ทำงานล่วงเวลานิดหน่อยก็ช่างมัน แต่นี่เงินเดือนก็จะไม่จ่ายแล้วอย่างนั้นเหรอ?”

เหล่าคนงานต่างพากันทำหน้าเคร่งเครียด จากการแสดงความเห็นของตัวแทนที่อยู่ด้านหน้า คนที่อยู่ข้างหลังก็พากันพูดขึ้นมา จนสร้างแรงกดดันได้อย่างมหาศาล

ผู้ดูแลที่ถูกล้อมไว้ร้อนรนจนเหงื่อออกเต็มหน้า สีหน้าแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่รู้จะทำยังไงดี

“ทุกคนอย่าเพิ่งใจร้อน! ใจเย็นกันก่อน!”

“ตอนนี้เรื่องเงินเดือนผมเองก็ยังไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น เราขอเวลาสักสองสามวัน ให้เราได้ตรวจสอบดูก่อน แล้วเราจะมีคำตอบให้ทุกคนอย่างแน่นอน!”

ชายวัยกลางคนที่ใส่สูทเรียบร้อยรีบก้าวออกมา เพื่อทำให้ทุกคนใจเย็นลง

“ที่คุณบอกว่าไม่รู้นี่มันหมายความว่ายังไง? คุณเป็นผู้อำนวยการของโรงงานทำไมถึงไม่รู้ล่ะ?!”

“อีกอย่าง สิบวันก่อนรองผอ.ก็บอกว่าจะตรวจสอบ แล้วตอนนี้ตรวจอะไรได้บ้างแล้วล่ะ?”

“จะบอกพวกคุณไว้แล้วกัน จ่ายค่าแรงให้เรามาซะ ไม่อย่างนั้นวันนี้เราก็จะหยุดงานประท้วง!”

แต่น่าเสียดาย พอชายวัยกลางคนพูดจบ พวกคนงานก็พูดสวนขึ้นมาทันที คิดว่าเขานั้นกำลังดึงเวลาอยู่ และไม่ยอมกลับไปกันอย่างแน่นอน

ชายวัยกลางคนแซ่ฟ่าน ชื่อซวนพยางค์เดียว เป็นผู้ดูแลสูงสุดที่บริษัทแซ่เฉินส่งมา

ความจริงเขาก็เป็นแค่แพะ ปกติก็มีงานมากมายต้องให้ทำ ไม่ค่อยได้พบหน้าพนักงานมากมายแบบนี้เท่าไหร่

ตอนนี้เมื่อไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว เขาถึงได้รับสาย แล้วรีบมาที่นี่อย่างร้อนรน

ยังไม่ทันที่เขาจะได้ขึ้นไปดูรายละเอียดที่ข้างบน ก็ถูกคนงานที่ตาดีมองออก แล้วถูกขวางไว้ในที่สุด

พอเห็นเหล่าคนงานที่กำลังโมโห ฟ่านซวนก็ทำหน้าหงุดหงิด และไม่สามารถเข้าใจได้เลย

บริษัทแซ่เฉินนั้นเป็นธุรกิจที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ไม่ใช่แค่ในเจียงหนัน แม้แต่ในเมืองเจียงหวยยังถือว่าพอมีชื่อเสียงอยู่บ้าง เคยเบี้ยวเงินเดือนของคนงานเมื่อไหร่กัน?

ยิ่งไปกว่านั้น เงินเดือน เดือนที่แล้วได้โอนออกไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ? ตอนนั้นเขาเป็นคนเซ็นแล้วบอกให้รองผอ.ไปจัดการด้วยตนเองเลยนะ!

ตอนนี้บอกว่าจะไปตรวจดู แต่คนกลุ่มนี้กลับไม่ยอมให้เขาไปเลย

ส่ิงสำคัญคือ รองผอ.ลางานตั้งแต่เมื่อวาน บอกว่าแม่ป่วยเลยจะกลับบ้านรอบหนึ่ง นี่มันก็ทำให้เขาปวดหัวจนแทบกระอักเลือดแล้ว

แกนะไม่ลางานก็ไม่มีอะไร พอลาปุ๊บก็เกิดเรื่องปั๊บ ฉันต้องมารับหน้าแทน นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย!

“ทุกคน ทุกคน ผมไม่รู้เรื่องจริงๆ พวกคุณช่วยหยุดก่อนได้มั้ย? ผมรับปากว่าจะต้องให้คำตอบที่ที่คนพอใจอย่างแน่นอน!”

แต่ไม่ว่าฟ่านซวนจะเกลี้ยกล่อมยังไง เหล่าคนงานก็ไม่เอาด้วย อารมณ์ก็เริ่มรุนแรงมากขึ้น

เมื่อตัวแทนคนงานผิวเข้มที่อยู่ข้างหน้าสัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลงของเพื่อนๆ เขาก็ยิ้มเยาะออกมาที่มุมปาก ราดน้ำมันลงกองไฟแล้วตะโกนออกมา

“ในเมื่อพวกมันไม่ยอมจ่ายค่าแรงให้เรา งั้นเราก็บุกเข้าไป รื้อของเพื่อชดเชยกับค่าแรงกันเลย!”

“ถูกต้อง! รื้อของที่นี่มาแทนค่าแรง!”

“ยาปลูกผมที่อยู่ในไลน์ผลิตนั้นมีอยู่เยอะเลย ได้ยินว่าข้างนอกขายกันขวดละเป็นพันเลย ต่อให้เราเอาไปขายขวดละไม่กี่ร้อยยังไงก็ไม่ขาดทุนอยู่แล้ว!”

ภายใต้การนำของคนที่มีใจ อารมณ์ของพวกคนงานก็เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ

ฟ่านซวนที่เห็นอย่างนั้นก็ถึงกับหน้าถอดสี และเห็นว่าจะคุมสถานการณ์ไว้ไม่ได้แล้ว

“นี่พวกคุณกำลังทำอะไรกัน? หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ!”

และทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงตะโกนของหญิงสาวดังขึ้น

ความจริงเสียงมันก็ไม่ได้ดังมาก แต่ทุกคนกลับได้ยินอย่างชัดเจน และพากันหันกลับไปมอง

และได้พบกับเด็กสาวหน้าสวยคนหนึ่งในชุดสูทตัวเล็กที่ไม่รู้ว่ามาอยู่ด้านหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ ใบหน้าเล็กอยู่ในสภาพบึ้งตึง เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังโมโห

พวกเขาต่างก็แอบรู้สึกคุ้นหน้า แต่ก็นึกไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหน

ข้างๆ ของเด็กสาว ยังมีชายอีกคนยืนอยู่ ทำหน้าจะยิ้มไม่ยิ้ม เห็นแล้วไม่สบอารมณ์เอาซะเลย

“โอ้ว ประธานเฉิน ทำไมคุณถึงบังเอิญมาอยู่ตรงนี้ได้เหรอครับ?”

พอเห็นหน้าของเฉินหวั่นชิงชัดๆ ฟ่านซวนก็ร้อนรนขึ้นมาทันที เหงื่อเม็ดใหญ่ได้ผุดออกจากหน้าผากไม่ยอมหยุด

คนงานพวกนี้กำลังอยู่ในอารมณ์ที่รุนแรง ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเฉินหวั่นชิงแม้แต่นิดเดียว งั้นเฉินชังไห่จะไม่สับเขาเป็นชิ้นๆ แล้วเอาไปให้หมากินเหรอ?!

พอคิดถึงตรงนี้ ฟ่านซวนก็รีบเบียดตัวผ่านพวกคนงานที่กำลังช็อกอย่างรวดเร็ว แล้วใช้ร่างกายที่อวบอิ่มของเขาบังเฉินหวั่นชิงไว้ข้างหลัง ทำท่าพร้อมจะคุ้มครองอย่างเต็มที่

“พวกคุณอย่าทำอะไรบ้าๆ นะ! ท่านนี้เป็นถึงCEOแห่งบริษัทแซ่เฉินของเราเลยนะ!”

“CEO?”

ถึงเหล่าคนงานจะไม่ค่อยเข้าใจความหมายของคำนี้เท่าไหร่ แต่อย่างน้อยก็เคยดูซีรี่ย์มาบ้าง จึงรู้คร่าวๆ ว่าคนคนนี้ก็คือผู้นำของบริษัทแซ่เฉิน

มักพูดกันว่า :ยศสูงกว่าขั้นหนึ่งกดกันจนตาย

ยังไงพวกเขาก็เป็นแค่คนงานธรรมดา ตอนนี้แม้แต่ผู้นำของบริษัทแซ่เฉินยังปรากฏตัว มันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีหน้าเหวอกันบ้าง

แต่คนงานผิวเข้มคนนั้นกลับแสดงแววตาที่ซับซ้อนออกมา แล้วตะโกนไปว่า “CEO? งั้นคุณก็คือผู้นำของบริษัทแซ่เฉินสินะ? เรื่องที่เกิดขึ้นตอนนี้คุณก็มีอำนาจในการตัดสินใจหน่ะสิ?”

“ฉันมีอำนาจในการตัดสินใจได้ แต่เมื่อกี้ฉันได้ยินพวกคุณตะโกนอะไรมั่วซั่ว ไม่ค่อยเข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น ใครก็ได้ช่วยเล่ารายละเอียดให้ฉันฟังหน่อย”

เฉินหวั่นชิงเดินออกมาจากข้างหลังฟ่านซวนด้วยสีหน้าที่เย็นชา จ้องเขม็งไปที่ฟ่านซวน จากนั้นค่อยมองไปยังคนงานที่อยู่ตรงหน้า

เย่เทียนก็ก้าวตามไปด้วยเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร อยากรอดูว่าเฉินหวั่นชิงจะจัดการยังไง

แน่นอนว่า ถ้าเกิดมีคนงานคนไหนที่คิดไม่ซื่อจะทำอะไรไม่ดีกับเฉินหวั่นชิง งั้นเขาก็จะเข้าไปขวางก่อนเป็นอันดับแรกเลย

“เดิมทีสิบวันก่อนเป็นวันที่เงินเดือนออก แต่ทางโรงงานบอกว่าบริษัทกำลังลำบาก จึงขอเลื่อนจ่ายเงินเดือนไปก่อน

“ตอนแรกพวกเรายังนึกว่าจะได้รับเงินแล้ว แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้รับเงินเลย!”

“ตอนนี้ยิ่งไปกันใหญ่ แม้แต่เงาของรองผอ.โรงงานก็ไม่เห็นแล้ว!”

คนงานหลายคนที่ค่อนข้างมีความนิยมก็พากันอธิบายคนละคำ

“รองผอ.ไปไหนแล้ว?!”

เฉินหวั่นชิงได้ขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างแรง หันไปมองฟ่านซวนด้วยสีหน้าที่บึ้งตึง

พอเห็นเฉินหวั่นชิงที่ทำหน้าฉุนเฉียว คนงานที่ถูกเลื่อนเงินเดือนต่างก็เริ่มตั้งสติได้ รู้ว่าตอนนี้จะจัดการให้พวกเขาจริงๆแล้ว จึงไม่กล้าพูดอะไรอีก และยืนดูสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างเงียบๆ …